คนบางคนนั้น แม้จะมีตำแหน่งสูงส่ง แต่ทว่าหาได้มีวุฒิภาวะไม่
คนบางคนนั้น แม้จะมียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โต แต่ก็มิได้มีคุณสมบัติของการเป็นผู้นำ
เราพบเห็นมาแล้วว่า คนบางคนมีคุณสมบัติของการเป็นผู้นำ และหัวหน้าโดยครบถ้วนบริบูรณ์ แต่ทว่าคนบางคนก็เป็นได้เพียงหัวหน้า แต่ไม่ใช่ผู้นำ และคนบางคนเป็นผู้นำได้ แต่ก็ไม่สามารถเป็นหัวหน้าได้ เพราะความเป็นผู้นำกับการเป็นหัวหน้าอาจมิได้อยู่ภายในคนคนเดียวกันเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น เรานั่งอยู่บนรถเมล์ ผู้ขับรถเมล์ก็คือผู้นำทางของเรา แต่คนขับรถเมล์ก็มิได้เป็นหัวหน้าของเรา
ในบริบททางการเมือง ในฐานะที่เราเป็นประชาชนพลเมืองของประเทศไทย เราต้องการผู้นำประเทศที่มีความสามารถเป็นได้ทั้งผู้นำและหัวหน้า แต่ที่มากกว่านั้นคือ เราต้องการผู้นำและหัวหน้าที่มีวุฒิภาวะ เราไม่ต้องการผู้นำและหัวหน้าที่ด้อยสติไร้ปัญญา ควบคุมตัวเองให้อยู่ให้ร่องในรอยไม่ได้ เอะอะโวยวายตีโพยตีพายเป็นประจำ เมื่อทำอะไรผิดพลาดแล้วไม่เคยเอ่ยคำขอโทษ และไม่เคยสำนึกผิด แต่กลับโยนความผิดให้ผู้อื่นตลอดเวลา
คนไทยและคนทั้งโลกต้องการผู้นำและหัวหน้าที่มีคุณสมบัติ ดังนี้ ซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความรับผิดชอบ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่นลงตัว มีความเสียสละ มีความเป็นผู้นำ มีวุฒิภาะ มีการวางแผนการทำงานที่ดีและเหมาะสมเข้ากับทุกสถานการณ์ ปรับตัวและยืดหยุ่นได้ดีแต่ไม่ใช่ลื่นเป็นปลาไหล พูดจาอยู่กับร่องกับรอย ไม่กลับคำพูดไปมาเสมือนคนร้อยลิ้นกะลาวน ไม่สำรากวาจาอันเป็นพิษให้ผู้ฟังรู้สึกเกิดความสมเพชและขยะแขยงในคำพูดคำจา ไม่หน้าไว้หลังหลอก ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่โอ้อวดในสิ่งที่ตนเองไม่มีความสามารถ และไม่แสดงอารมณ์หุนหันพลันแล่นราวกับคนไร้สติสิ้นคิด
แน่นอนว่า ผู้นำหรือหัวหน้าก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง ดังนั้นจึงมีผู้กล่าวเตือนสติสาธารณชนไว้ว่า อย่าไปคาดหวังว่าจะได้หัวหน้าหรือผู้นำที่มีความวิเศษวิโสเกินมนุษย์ปุถุชนทั่วไป เพราะในเมื่อเขาก็คือมนุษย์ปุถุชน เขาก็ย่อมมีรักโลภโกรธหลงเป็นธรรมดา
ไม่มีใครเถียงหรือปฏิเสธว่า ผู้นำหรือหัวหน้าคือคนคนหนึ่ง แต่ในเมื่อคนคนนั้นรู้ตัวว่าต้องก้าวขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งหัวหน้า หรือผู้นำแล้ว เขาผู้นั้นก็ต้องสำเหนียกตนเองตลอดเวลาว่า เขาจะต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น ต้องสามารถทำงานได้ดีและมีคุณภาพมากกว่าคนที่เป็นผู้ตาม
ถ้าหากจะอ้างว่า ผู้นำหรือหัวหน้าก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีหัวหน้าหรือมีผู้นำ เนื่องจากคนทุกคนก็มีความเท่าเทียมและเสมอเหมือนกัน จึงไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ใครก็ตามที่ไม่มีความโดดเด่น และไม่มีความดีที่แตกต่างกว่าหรือเหนือกว่าขึ้นไปทำหน้าที่ผู้นำหรือหัวหน้า
ถ้าจะถามว่า ผู้นำหรือหัวหน้าโกรธได้ไหม ก็ต้องตอบว่าโกรธได้ แต่จะต้องไม่แสดงอารมณ์โกรธออกมาให้สาธารณชนได้เห็น เนื่องจากผู้นำและหัวหน้าต้องรู้จักอดกลั้น สกัดกั้น และเก็บอารมณ์ขุ่นมัว โกรธขึ้งของตนเองได้ เมื่อรู้ตัวว่าตนเองโกรธ ก็ควรจะต้องรู้เท่าทันอารมณ์ ควรสะกด ระงับ ไม่ปล่อยให้อารมณ์โกรธพลุ่งพล่านออกมาราวกับคนไร้สติ ไร้เดียงสา และไร้ความอดกลั้น หากมั่นใจว่าตนเองทำไม่ได้ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของตนเองได้ ก็อย่ารับตำแหน่งผู้นำหรือหัวหน้า
ผู้นำและหัวหน้าที่ดีต้องมีลักษณะ Great under Pressure หรือแปลเป็นไทยได้ง่ายๆ คือ ต้องมีความสง่างามตลอดเวลาแม้จะต้องเผชิญกับสภาวะกดดันหนักหนาสาหัสสักเพียงใดก็ตาม
หากผู้นำหรือหัวหน้าคนใดเกิดอาการจิตหลุด สติหลุด เสียสติ เพ้อคลั่ง บ้าคลั่ง โวยวาย ตีโพยตีพาย ไม่สามารถระงับอารมณ์ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แถมยังแหกปากโวยวายเป็นประจำ แล้วแก้ตัวแบบน่าสมเพชว่า เพราะตนเองต้องรับผิดชอบในงานต่างๆ มากมาย ต้องเหนื่อยยากลำบากลำบนสารพัด ดังนั้น ก็จึงเกิดอาการจิตหลุด สติหลุด จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ขอบอกตรงๆ ว่าการแก้ตัวเช่นที่ว่านั้นไม่สามารถทำให้ความน่าขยะแขยงของผู้นำและหัวหน้าที่มีอาการดังกล่าวลดน้อยหรือได้รับการอภัยจากสาธารณชน เพราะถ้าหากรู้ตัวว่ารับแรงกดดันไม่ได้ ก็อย่ารับตำแหน่งหัวหน้าหรือผู้นำ เพราะไม่มีใครบังคับให้ต้องรับ แล้วก็โปรดรู้ตัวไว้ด้วยว่า ประเทศนี้ สังคมนี้สามารถอยู่ได้ต่อไป โดยไม่ต้องการหัวหน้าหรือผู้นำที่มีอาการสติหลุดเป็นประจำ
ลองสังเกตดูเถอะว่า ผู้นำหรือหัวหน้าของการเมืองไทยมีพฤติกรรมน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงดังที่ได้กล่าวมาในข้างต้นบ้างหรือไม่ หรือแสดงอาการดังว่านั้นบ่อยหรือไม่
ผู้นำหรือหัวหน้าที่เกิดอาการสติแตก สติหลุดเป็นประจำ คือคนที่มีปัญหาในด้านการควบคุมอารมณ์ เป็นผู้ที่มีปัญหาด้านวุฒิภาวะทางอารมณ์ น่าจะเข้าข่ายผู้มีปัญหาด้าน Emotional
Intelligence หรือ EI
ขอบอกตรงๆ ว่าผู้มีปัญหาด้าน EI คือคนที่ถูกมองว่าเป็นเสมือนตัวตลกของสังคม เพราะเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เมื่อถูกจี้จุดหรือต่อมโมโหคราวใดก็เป็นต้องเกิดอาการสติแตกทุกครั้งไป แล้วก็โยนความผิดให้กับผู้อื่นว่าเป็นผู้ทำให้ตัวเองเกิดอาการสติหลุด ทั้งๆ ที่ตนเองไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ของตนเองได้ ซึ่งคนพรรค์อย่างนี้คือคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ เพราะแค่สติอารมณ์ของตนเองยังไม่สามารถรับผิดชอบ ไม่สามารถควบคุมดูแลได้ แล้วจะไปดูแลหรือรับผิดชอบสังคมได้อย่างไร
เราทั้งหลายคงรู้จักประวัติของผู้นำคนสำคัญของโลกใบนี้ ซึ่งคนเหล่านี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาบุรุษของโลก อาทิ มหาตมะ คานธี, ลินคอลน์, วินสตัน เชอร์ชิล เป็นต้น สิ่งหนึ่งที่เราได้รับรู้จากการอ่านชีวประวัติของคนเหล่านี้คือ ท่านทั้งหลายมีความสามารถในการบริหารงานให้บรรลุเป้าประสงค์อย่างงดงาม และยังสามารถเป็นต้นแบบให้ผู้คนต่างๆ และยังเป็นผู้จุดแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติหรือภาษาใด ขณะเดียวกัน ยังเป็นผู้ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือผู้ตามเกิดความเชื่อมั่นศรัทธาในการทำงาน ในคำพูด และในการปฏิบัติกิจต่างๆ อย่างล้นเหลือ ดังนั้น ผู้นำระดับมหาบุรุษของโลกจึงมีทั้ง Task Oriented and People Smart
แน่นอนว่ารูปแบบหรือสไตล์การทำงานของผู้นำหรือหัวหน้า ที่เราเรียกว่ามหาบุรุษของโลกอาจจะแตกต่างหลากหลายกันไป แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ปรากฏจากการทำงานของท่านเหล่านั้นได้รับการยกย่องว่าสุดยอด ให้ประสิทธิผลสูงสุด และมีประสิทธิภาพสูงสุดเช่นกัน
ผู้นำหรือหัวหน้าที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาบุรุษของโลกมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือมีบุคลิกภาพที่น่าประทับใจ มีความน่าเชื่อถือ และมีสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้นำกับผู้ตาม เพราะการที่บุคคลระดับนำของโลกจะสามารถทำงานได้ดี ประสบความสำเร็จสูงสุด จะต้องมีพื้นฐานสำคัญคือการมีสัมพันธภาพที่ดีกับคนทั่วไป เพราะเมื่อมีสัมพันธภาพที่ดีแล้วก็จะนำมาซึ่งความเชื่อถือศรัทธา และนำมาซึ่งการให้ความร่วมมือที่ดีของคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายในสังคม และจะตามมาด้วยการร่วมมือร่วมใจของคนทุกฝ่ายในที่สุด
คนบางคนนั้นมีอายุมาก หรือเรียกว่าเป็นคนแก่ก็จริง แต่ทว่าเป็นพวกแก่กะโหลกกะลา เป็นพวกแก่รกโลก เพราะไม่สามารถทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้แม้แต่น้อย คนพรรค์อย่างว่านี้คือพวกที่ไร้วุฒิภาวะ
แต่หากจะถามว่า แล้วคนผู้มีวุฒิภาวะมีลักษณะเช่นไรก็ขออนุญาตยกเอาคำของ Gordon M. Alport นักจิตวิทยาชาวอเมริกันมาประกอบคำอธิบาย ดังนี้
1. มีปรัชญาชีวิต มีค่านิยมชีวิต ใช้ชีวิตอย่างมุ่งมั่น บากบั่น มีจุดมุ่งหมาย
2. มีจิตสาธารณะโดยแท้ คิดสร้างสรรค์ แบ่งปันความรู้ ความคิด ร่วมทุกข์-สุขกับบุคคลในครอบครัว เพื่อนทั้งนอกและในที่ทำงาน ทำเพื่อส่วนรวม
3. สร้างมิตรไมตรีกับผู้อื่นได้เสมอ ไม่อิจฉาริษยา ไม่หลงใหลในลาภยศสรรเสริญ ไม่บ้าวัตถุ รู้จักให้ แบ่งปัน และรู้จักยอมรับในความจริงที่เกิดขึ้น
4. กล้าเผชิญกับความทุกข์ยากของชีวิตได้อย่างทรนง
5. ไม่ปล่อยให้ตัวเองเกิดอาการอารมณ์ขึ้นลงรวดเร็ว รุนแรง แต่จะมีอารมณ์ขัน และมีความยืดหยุ่นเสมอ
6. กล้าเผชิญและยอมรับความจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย ยอมรับความเด่น ความด้อย ของตนเองและผู้อื่น พยายามเข้าใจสังคมและคนรอบข้างให้มากที่สุด
ผมมั่นใจว่าคนไทยและคนทั่วโลกต้องการผู้นำหรือหัวหน้าการเมืองที่วุฒิภาวะ และขณะเดียวกันก็ขอให้คนทุกคนมีวุฒิภาวะเช่นกัน ส่วนผู้นำการเมืองคนใดที่ไร้วุฒิภาวะเสียแล้ว เขาก็คงจะพินาศในที่สุด แม้จะยังไม่พินาศในบัดนี้ แต่เขาก็จะมีสภาพไม่ต่างไปจากตัวตลกของสังคม ซึ่งขอบอกตรงๆ ว่าน่าสมเพช
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี