ก่อนหน้านี้ บอร์ด ทอท. ได้สั่งการให้ ทอท.ชะลอโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (เทอร์มินัล 2 ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขัดกับผังแม่บทของสนามบินสุวรรณภูมิ)
โดยให้ ทอท.นำเสนอเรื่องสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ เฉพาะโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 และโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสาร 1 ด้านทิศตะวันตก (West Expansion) ไปก่อนเท่านั้น
พูดง่ายๆ ว่า เดินหน้าขอความเห็นจาก สศช.แค่สองโครงการ แต่โครงการเทอร์มินัล 2 ที่ถูกคัดค้านอย่างกว้างขวางนั้น ชะลอไปก่อน ยังไม่ต้องไปขอความเห็นจาก สศช.
1. ล่าสุด นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าโครงการเทอร์มินัล 2 ที่ทอท.เคยเสนอเข้ามานั้น ยังอยู่ในระดับการวิเคราะห์โครงการของเจ้าหน้าที่ ยังไม่ได้มีการนำมาพิจารณาในการประชุมระดับบอร์ดของ สศช.แต่อย่างใด
รายงานข่าวระบุต่อไปด้วยว่า ตามหนังสือที่ส่งมายัง สศช. ขอให้สศช.พิจารณาเสนอความเห็น ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป 3 โครงการ ตามแผนการลงทุนขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 3 ได้แก่
(1) โครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3
(2) การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก เป็นงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก
และ (3) โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2
ขณะนี้ สศช. อยู่ระหว่างประสานความชัดเจนจาก ทอท. ว่าจะชะลอโครงการหรือไม่ และจะชะลอโครงการไหนบ้าง เพราะต้องมีหนังสือเป็นทางการที่ผ่านความเห็นจากบอร์ดทอท. และกระทรวงเจ้าสังกัดมายัง สศช.
2. รายงานข่าวระบุว่า ในการทำงานของ สศช. น่าจะสามารถนำเรื่องที่ทอท.ส่งมานั้น เข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง ภายใต้คณะกรรมการสศช. ได้ประมาณต้นเดือนธันวาคม เพื่อกลั่นกรองก่อนเสนอให้กรรมการ สศช.พิจารณา
การประชุมคณะกรรมการสศช. มีกำหนดไว้ในที่ 19 ธันวาคม 2561 เพื่อพิจารณาเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของครม.ต่อไป
3. น่าแปลกใจ... ข่าวที่บอร์ด ทอท.มีมติให้ ทอท.ชะลอโครงการอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 นั้น ผ่านมาราวๆ 2 สัปดาห์แล้ว แต่ถึงเวลานี้ทาง ทอท.ก็ยังไม่มีหนังสือทางการแจ้งรายละเอียดการขอชะลอโครงการดังกล่าวไปให้ทาง สศช. อย่างนั้นหรือ?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ใครหมกเม็ด?
ใครลักไก่?
ใครแหกตาประชาชน?
ใครถุยน้ำลายรดมติบอร์ดขององค์กรตัวเอง?
4. น่าสังเกตว่า ในแฟนเพจ AOT Official ได้รายงานข่าวสารและนำเสนอภาพถ่าย ระบุว่า
“นายเอนก ธีระวิวัฒน์ชัย (ที่ 6 จากซ้าย) รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปแก่คณะผู้แทนจากสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในโอกาสศึกษาดูงานและเยี่ยมชมการดำเนินงานโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อนำไปประกอบการเสนอความเห็นให้กับคณะรัฐมนตรี ในการพิจารณา โครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก เป็นงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560)และแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2560 ฉบับปรับปรุง เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน2561”
5. รัฐบาล คสช. และบอร์ดของ ทอท. ต้องตอบคำถามสังคมถึงความชัดเจนเรื่องนี้
ตกลงว่า ทอท.เป็นองค์กรที่มีอำนาจเหนือกว่า “บอร์ด ทอท.” หรือไม่?
ใหญ่กว่ารัฐมนตรี และรัฐบาล คสช. ที่ทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร กำกับดูแล หรือไม่?
ตกลงว่า ใครโกหกสังคม?
หรือใครปากว่าตาขยิบ?
เพราะในการประชุมคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ครั้งที่ 12/2561 ในวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2561ณ สำนักงานใหญ่ ทอท. ซึ่งมีนายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ ทอท. เป็นประธาน ที่ประชุมมีมติสรุปไว้ชัดเจนว่า ทอท.อยู่ระหว่างการจัดทำโครงการพัฒนา ทสภ.ระยะที่ 3 โดยได้เสนอเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ โดยโครงการดังกล่าวประกอบด้วย โครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก ทสภ. (West Expansion) และโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ทสภ. (เทอร์มินัล 2)
“เนื่องจากกรณีมีผู้สงสัยเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ทสภ. สรุปสาระสำคัญ คือ ทอท.ดำเนินโครงการ ไม่ตรงตามรายงานผลการศึกษาขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization) หรือ ICAO และไม่เป็นไปตามแผนแม่บท ทสภ. ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการฯ เป็นไปด้วยความรอบคอบ ทอท.ได้ทำหนังสือสอบถาม ขอความเห็นจาก ICAO ในฐานะผู้จัดทำรายงานผลการศึกษาแผนแม่บท ทสภ. เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A (Concourse A) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ ทอท.จะใช้ดำเนินการก่อสร้างอาคารฯ นอกจากนี้ มีกรณีที่บริษัทที่ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ชนะการประกวดแบบ ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง ซึ่ง ทอท.ได้เสนอเรื่องหารือข้อกฎหมายต่อสำนักงานคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาข้อหารือ
ดังนั้น ทอท.จึงมีความเห็นว่า เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยและระดับคุณภาพในการให้บริการ (Level of Service) ของ ทสภ.ให้เทียบเท่าท่าอากาศยานชั้นนำระดับโลก ทอท.จึงเห็นควรเสนอ สศช. เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 และงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก ทสภ. (West Expansion) เพื่อนำเสนอ
คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติทั้งสองโครงการไปก่อน และขอชะลอโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ทสภ.จนกว่าจะได้ข้อสรุปผลการหารือจากผู้เกี่ยวข้อง
คณะกรรมการ ทอท. มีมติเห็นชอบ แนวทางการดำเนินงานโครงการพัฒนา ทสภ. ตามที่ฝ่ายบริหาร ทอท. เสนอ โดยให้เสนอ สศช.เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 และส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้าน ทิศตะวันตก (West Expansion) ไปก่อน สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ให้ฝ่ายบริหาร ทอท.รวบรวมข้อเท็จจริง และความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ เพิ่มเติม รวมถึงผลการพิจารณาของ ICAO และสำนักงานอัยการสูงสุด และเสนอแนวทางดำเนินการให้คณะกรรมการ ทอท.พิจารณาต่อไป”
โครงการนี้ ยิ่งเพิ่มข้อพิรุธเข้าไปอีกมาก จากข่าวที่มีการกระทำในลักษณะคลุมเครือเช่นนี้
ผู้เกี่ยวข้องพึงสำเหนียกว่า สนามบินสุวรรณภูมิไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของใคร
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี