ผมได้รับเชิญจากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. เพื่อศึกษาดูงานการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลมาตรฐาน HA ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ได้แก่โรงพยาบาลแม่สาย และโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ผ่านการประเมินและรับรองกระบวนการคุณภาพมาตรฐานHA พร้อมถอดบทเรียน รพ.คุณภาพมาตรฐาน HA ตามรอยระบบการจัดการเวชศาสตร์ฉุกเฉิน
แต่ผมไม่ได้ไปครับ เพราะติดโปรแกรมอื่นล่วงหน้าแล้ว ก็มีข้อมูลดีๆ จากมิตรน้ำหมึก ที่ไปร่วมทริปดังกล่าวมาถ่ายทอดให้ทราบกัน น่าสนใจครับ
กล่าวได้ว่าหัวใจสำคัญของโรงพยาบาลคือ การคำนึงถึงผู้ป่วย โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพการให้บริการ ความสะดวกรวดเร็วของระบบ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนกระจายตามแต่ละจังหวัดจำนวนมาก แต่ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือโรงพยาบาลเอกชน ก็จำเป็นต้องมีการพัฒนาและรักษาคุณภาพให้คงไว้เพื่อผู้ป่วยอยู่ตลอดเวลา
นพ.กิตตินันท์ อนรรฆมณี ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) อธิบายเหตุผลที่เลือกลงพื้นที่โรงพยาบาลทั้งสองแห่งนี้ว่า จังหวัดเชียงรายได้มีการพัฒนาระบบการส่งต่อผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉิน หรือการจัดการเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ที่เป็นระบบที่เอื้อต่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นอย่างดียิ่งโดยโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งนี้ ผ่านการประเมินและรับรองคุณภาพมาตรฐาน HA จากสรพ.แล้ว
ทั้งสามารถบริหารจัดการงานในด้านต่างๆ ได้ดี ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์สูงสุด เช่น มีระบบการจัดการผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างมีระบบ เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในกรณีของ 13 หมูป่า ที่ทำให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมในการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินในภาวะเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ ส่งผลให้น้องๆ 13 หมูป่าและโค้ชได้รับการส่งต่อและเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วและทันท่วงที
“ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองกระบวนการคุณภาพมาตรฐาน HA ทั้งสิ้น 782 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 66.04 ของโรงพยาบาลทั้งหมด เป็นโรงพยาบาลภาครัฐ699 แห่ง และภาคเอกชน 83 แห่ง โดยเปอร์เซ็นต์การรับรองประกอบด้วย ประเภทโรงพยาบาลชุมชนร้อยละ 77.85 โรงพยาบาลทั่วไป ร้อยละ 88.54 โรงพยาบาลศูนย์ ร้อยละ 87.88 โรงพยาบาลรัฐอื่นๆ ในสังกัดสธ. ร้อยละ 73.44 โรงเรียนแพทย์/รพ.มหาวิทยาลัย ร้อยละ 92.31 ขั้น 3 รวมโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองขั้นก้าวหน้ากรุงเทพมหานครสังกัดกทม. ร้อยละ 87.50” ผอ.สรพ. ทิ้งท้าย
สำหรับการถอดบทเรียนระบบการรับส่งต่อผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพนั้น สิ่งที่ต้องมีคือ ต้องเตรียมความพร้อม ทั้งคน สถานที่ ตัวระบบรองรับสถานการณ์ รวมทั้งเป็นการทำงานร่วมมือกันอย่างบูรณาการของหลายทีม ไม่ว่าจะเป็น ทีม แพทย์ พยาบาล ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่แต่ละภาคส่วน ไม่ใช่แค่บุคลากรด้านสธ.เพียงอย่างเดียว เฉกเช่น รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ที่ถือเป็นรพ.ศูนย์ที่ดูแลทั้งจังหวัด มีระบบศูนย์ AOC หรือระบบบริหารจัดการพยาบาลแบบรวมศูนย์ (Ambulance Operation Center)
ซึ่งกรณีฉุกเฉินหมูป่า 13 ชีวิต ก็ดำเนินการโดยผ่านระบบศูนย์ AOC เช่นกัน ซึ่งมีระบบพร้อมคอยช่วยเหลือเด็กๆ และได้ส่งอาการไปยังศูนย์ AOC รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์เพื่อประเมินอาการและเตรียมรับมือล่วงหน้า และถือเป็นกรณีศึกษาสำคัญจากเคสหมูป่าที่ได้ดำเนินการปฏิบัติระบบศูนย์ AOC ของโรงพยาบาล
นับเป็นต้นแบบของโรงพยาบาลที่ช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างรวดเร็วได้ถูกต้องทันท่วงที และหวังว่าระบบแบบนี้จะเกิดขึ้นครอบคลุมทั้งประเทศเพื่อสร้างความปลอดภัย โอกาสรอดชีวิตให้กับผู้ป่วยได้มากที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี