ตอนที่แล้ว ได้ลำดับให้เห็นพิษร้ายของนโยบายการเมือง เคลือบแฝงการทุจริต โกงระบายข้าวจีทูจี
สะท้อนเป็นบทเรียนเตือนใจ สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงด้วย
การที่ ครม.ชุดปัจจุบัน มีมติรับทราบมาตรการป้องกันการทุจริต หรือการโกงข้าวจีทูจี-จีทูเจี๊ยะ (ตามที่ ป.ป.ช.เสนอ) พร้อมกับมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการนั้น นับเป็นเรื่องที่ดี เสมือนหนึ่งอุดรูรั่ว ช่องโหว่ ที่โจรมันเคยปีนขึ้นบ้านไปก่อนหน้านี้ และควรกระทำต่อเนื่องไปยังรัฐบาลหน้า
ไม่ว่าใครเข้ามาเป็นรัฐบาล
แม้แต่พรรคการเมืองที่เคยเป็นรัฐบาลในช่วงที่มีการโกงข้าวจีทูจีกันแหลกลาญก็ตาม
วันนี้ จะลงรายละเอียดต่อไป ว่ามาตรการที่ทำกันนั้น จะสกัดกั้นการโกงข้าวจีทูจีของนักโกงเมืองได้อย่างไร
1. ขั้นตอนการพิจารณาสัญญาก่อนลงนามในสัญญาระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ
สภาพปัญหา “ยุคทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
การดำเนินการที่ผ่านมา มีการแก้ไขสัญญาการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐเพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อ โดยเฉพาะการแก้ไขสัญญาเพิ่มชนิดและปริมาณข้าว ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญนอกขอบเขตของสัญญา และมีผลเสมือนหนึ่งเป็นการสัญญาฉบับใหม่ ที่ควรต้องมีการเจรจาใหม่อย่างรอบคอบรัดกุม บนเงื่อนไขที่เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและทำเป็นสัญญาฉบับใหม่
การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงและเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายข้าว จากเงื่อนไขเดิม คือ Free on Board : FOB (สัญญาซื้อขายที่มีการกำหนดราคาสินค้ารวมค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับสินค้าจนกระทั่งขนสินค้าขึ้นบนระวางเรือ) หรือ Cost Insurance and Freight : CIF (สัญญาซื้อขายที่มีการกำหนดราคาสินค้า โดยรวมค่าระวางขนส่งสินค้าและค่าเบี้ยประกันภัยไว้ด้วย) เป็นการส่งมอบข้าวแบบหน้าคลังสินค้า (Ex Warehouse) ทำให้กลุ่มบุคคลผู้กระทำทุจริตที่มีอำนาจเกี่ยวข้องกับการระบายข้าวสามารถแอบนำข้าวที่ส่งมอบกันหน้าโกดังสินค้าออกไปขายเวียนภายในประเทศได้ แต่หากเป็นการซื้อขายข้าวแบบ FOB หรือ CIF จะสามารถยืนยันได้ว่าข้าวจะถูกส่งออกไปต่างประเทศ
ข้อตกลงเรื่องการชำระราคาข้าวโดยใช้แคชเชียร์เช็ค จะทำให้เกิดช่องทางในการชำระเงินโดยการออกเช็คภายในประเทศได้ ซึ่งขัดกับหลักการทั่วไปของการค้าระหว่างประเทศ ที่นิยมการชำระเงินแบบ Letter of Credit (L/C) เพราะเป็นวิธีที่สามารถตรวจสอบได้ว่าสินค้าถูกส่งไปยังต่างประเทศจริง
ราคาข้าว เป็นข้อตกลงหนึ่งของสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งที่ผ่านมามีการตกลงราคาขายข้าวตาม “ราคามิตรภาพ” ส่งผลให้รัฐบาลขาดทุนจากการขายข้าว เนื่องจากรัฐบาลรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในราคาตันละ 15,000 – 20,000 บาท แต่เมื่อระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ กลับขายในราคามิตรภาพ (ประมาณตันละ 10,000 – 12,000 บาท) จึงนำไปสู่ความ
เสียหายแก่งบประมาณแผ่นดินหรือภาษีประชาชนเป็นจำนวนมาก
ข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.
ให้กรมการค้าต่างประเทศจัดทำสัญญามาตรฐานเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐ (Standard Contract) โดยคำนึงถึงการตรวจสอบคู่สัญญาเกี่ยวกับสถานะการเป็นตัวแทนของรัฐบาลกลางการส่งมอบข้าว การชำระเงิน และราคาข้าว มาพิจารณาประกอบการจัดทำสัญญาดังกล่าวด้วย ดังนี้
1) คู่สัญญาของรัฐ ต้องเป็นรัฐบาลกลางหรือตัวแทนที่ได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรให้ดำเนินการแทนรัฐบาลกลางเท่านั้น
2) วิธีการส่งมอบข้าว ไม่ควรส่งมอบข้าวแบบหน้าคลังสินค้า (Ex Warehouse) และควรกำหนดวิธีการควบคุมเพื่อให้มีการส่งออกไปต่างประเทศจริง
3) วิธีการชำระเงิน ควรชำระเงินค่าข้าวผ่านธนาคารโดยวิธี Letter of Credit (L/C)
4) ราคาข้าว ไม่ควรกำหนดราคามิตรภาพหรือราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด
รวมทั้ง กำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับการแก้ไขสัญญาการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐ โดยอาจดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.)
2. การเปิดเผยข้อมูลการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้สาธารณชนรับทราบ
สภาพปัญหา “ยุคทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
การระบายข้าวจากสต๊อกรัฐบาล โดยวิธีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นไปในลักษณะปกปิดข้อมูลข่าวสาร
ส่อให้เห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่มีความโปร่งใส
ขัดกับหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
โดยให้เหตุผลว่า การเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ เพราะต้องอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะประเทศผู้ซื้อที่ไม่ต้องการให้เปิดเผยข้อมูลเนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวสูงเป็นข้อมูลด้านความมั่นคงทางด้านอาหารของประเทศผู้ซื้อ
ข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.
เห็นควรให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยสัญญาการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐทั้งฉบับ
แต่หากกรมการค้าต่างประเทศไม่สามารถเปิดเผยสัญญาทั้งฉบับได้ ควรเปิดเผยข้อมูลบางส่วนของสัญญาฯ เช่น ปริมาณข้าว ชนิดของข้าว ราคาข้าว วิธีการส่งมอบข้าว และการชำระเงิน เป็นต้น
พร้อมทั้งจัดทำคู่มือเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารดังกล่าว เพื่อให้ร่วมกันตรวจสอบการบริหารงานของภาครัฐ
3. บทเรียนราคาแพง
ข้อเสนอแนะทั้งหมดนั้น รัฐบาลปัจจุบันมีมติรับทราบ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการทันที (เกือบทุกเรื่องดำเนินการอยู่แล้ว แตกต่างจากรัฐบาลชุดที่แล้ว)
แต่ละข้อเสนอของ ป.ป.ช.นั้น ถอดมาจากบทเรียนกรณีทุจริตโกงกินผ่านการระบายข้าวจีทูจีเก๊ หรือจีทูเจี๊ยะ-จีทูเจ๊ ซึ่งกระทำโดยนักการเมืองที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งในยุคที่แล้ว
เป็นบทเรียนราคาแพงลิบลิ่ว
เป็นบทเรียนที่ฝากบาดแผลแสนสาหัส
ปัจจุบัน ยังมีคดีโกงอีกเท่าไหร่ รัฐบาลยังติดค้างหนี้จากโครงการจำนำข้าวอีกเท่าไหร่ ยึดทรัพย์คืนมาได้เท่าไหร่ ใครมันโกงยังไง ฯลฯ ทั้งหมดนั้น ควรที่รัฐบาลและสื่อมวลชนที่มีจรรยาบรรณ ควรจะต้องช่วยกันตีแผ่ ตอกย้ำ และเตือนให้คนไทยได้ตระหนักรู้ มิใช่แกล้งทำลืมๆ กันไป กับความเสียหายหลายแสนล้านบาทของประเทศชาติ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี