ประเทศไทยกำลังมีปัญหาหนี้สาธารณะมากเกินไปจริงหรือที่มีพรรคการเมืองที่แผ่นเสียงตกร่องนำออกมาเป็นป้ายหาเสียงเรื่องหนี้สาธารณะนี้เคยมีการอภิปรายในรัฐสภาหลายครั้งในสมัยรัฐบาลระบอบทักษิณและสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายรัฐมนตรี หรือในสมัยของรัฐบาลคสช.ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้ารัฐบาล หากได้เล่าเรียนเศรษฐศาสตร์มหภาคหรือแม็คโครอีโคโนมิกส์ ก็จะเข้าใจว่าหนี้ของรัฐบาลไทยไม่มากนักไม่ควรจะต้องห่วงจนน่าวิตกหรือคอขาดบาดตายอะไรเลย
ไทยยังไม่ได้มีวิกฤติเศรษฐกิจอะไรทั้งนั้นไม่เหมือนเหตุการณ์ในปี 2540 เมื่อ 22 ปีที่แล้วสมัยพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีหนี้สาธารณะคือหนี้ที่รัฐบาลกลาง หน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรของรัฐและรัฐวิสาหกิจ ทีให้รัฐบาลค้ำประกันหนี้สินซึ่งการเกิดขึ้นของหนี้สาธารณะส่วนใหญ่ของรัฐบาลทั่วโลกมาจากการดำเนินนโยบายของรัฐแบบขาดดุลหรือรายได้ของรัฐน้อยกว่ารายจ่ายของรัฐ ทำให้ต้องมีการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลในแต่ละรอบปีงบประมาณนั้นๆ
การกู้เงินของรัฐบาลไทยทำได้หลายช่องทางรัฐจะกู้จากสถาบันการเงินภายในประเทศ, สถาบันการเงินต่างประเทศ, เอกชน, รัฐบาลต่างประเทศ หรือ องค์กรทางการเงินระหว่างประเทศ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF), องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JIGA) นักการเมืองมักบอกว่ารัฐบาลไม่ควรก่อหนี้สาธารณะเวลาหาเสียงโดยโจมตีว่าหนี้สาธารณะนั้นจะนำมาซึ่งความสูญเสียเสถียรภาพทางการคลังและการเงินของชาติที่อาจจะทำให้ประเทศเกิดวิกฤติการทางการเงิน
สำหรับประเทศไทยนั้นได้มีกฎหมายออกมาป้องกันไม่ให้รัฐบาลก่อหนี้สาธารณะได้ตามใจชอบเหมือนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเพราะรัฐบาลสหรัฐสามารถพิมพ์แบงก์ดอลลาร์ออกมาได้ตามใจชอบ รัฐบาลมีการบริหารจัดการสภาพคล่องของรัฐให้ดี มีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่เหมาะสม และรักษาสัดส่วนหนี้ในประเทศและต่างประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เนื่องจากหนี้ในประเทศมีความยืดหยุ่นในการบริหารและความเสี่ยงต่ำกว่าหนี้ต่างประเทศ
ประเทศที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลกในปัจจุบันคือสหรัฐอเมริกามีหนี้สาธารณะถึงร้อยละ 80 ของรายได้ประชาชาติในขณะที่รัฐบาลไทยก่อหนี้สาธารณะไว้ที่ร้อยละ 173.98 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในอัตราร้อยละ 45.43 ของรายได้ประชาชาติซึ่งถือว่าต่ำ มากๆไทยมีความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนสูงมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน CLMMV ไม่เชื่อลองไปเที่ยวประเทศเหล่านี้ดูจะพบว่าเงินบาทของไทยดีที่สุด
ระดับเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 60 เป็นระดับที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ รักษาวินัยทางการคลังและสามารถรองรับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้ดีรวมทั้งกรอบการบริหารหนี้สาธารณะต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้ในพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐปี 2561 เรียบร้อยแล้ว จะช่วยให้การบริหารหนี้สาธารณะเป็นไปด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงความคุ้มค่า ความสามารถในการชำระหนี้ และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ไทยเกิดความยั่งยืนทางการคลัง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี