l มีคำถามมาถึง “ปู่จิ๊บ 70” เยอะมาก ว่า มีหลักการ ในการเลือกตั้ง อย่างไร?
หลักการสำคัญ ที่ยึดถือมาตลอด และการสรุปประเมินผลอย่างต่อเนื่อง จนมาลงตัวในวัยนี้ แต่ก็พร้อมที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หากมีข้อสรุป หรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
1) แสวงหาสัจจะ จากความเป็นจริง
2) การเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนผ่าน
3) การคิดและมองบวก สร้างสรรค์ ด้วยใจสงบ ใช้ความคิด สติปัญญา ความจริง
4) การพิจารณา ด้านหลัก - ด้านรอง, ส่วนทั้งหมด - เฉพาะส่วน
5) การยึด พรรคการเมืองของประชาชนเป็นหลัก มากกว่า “คนดี” แต่หากมีทั้งคู่ ก็สมบูรณ์
6) การยึด เอาผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ
7) ลักษณะพิเศษ และลักษณะเฉพาะของสังคม
8) ผู้นำที่เพียบพร้อม
9) การอาศัยแนวร่วม
10) การเริ่มต้นคิดและทำ (ทำทันที) ที่ตนเอง
1.แสวงหาสัจจะ จากความเป็นจริง
เป็นหัวใจ เป็นพื้นฐาน ในการคิด การทำงาน และการสรุปประเมินผลความเป็นจริง จักเกิดขึ้น จากเหตุปัจจัยที่ดำรงอยู่ รวมทั้งเงื่อนไขและโอกาส ในเหตุการณ์และกาลหนึ่งๆ ไม่ได้เป็นไปตามความคิดความเชื่อ ของใครคนใดคนหนึ่ง ทั้งมีอำนาจ ไม่มี หรือคนธรรมดาหรือบางคนมีตรรกะที่ผิด ไม่เป็นจริง แต่เป็นเรื่องที่เชื่อกันมากในบางส่วนบางที เช่น ความดี ย่อมชนะ ความชั่ว ประชาชนต้องชนะแน่นอน ความเป็นธรรม จักชนะอธรรม ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ ละเอียดอ่อน และอาจจะเป็นที่ถกเถียงกันมากแต่ความจริงจักเกิดได้ ขึ้นกับ “การบริหารจัดการ ความดีให้มีพลังมากกว่า ที่สามารถเอาชนะความชั่วได้”
2.การเปลี่ยนแปลง และช่วงของการเปลี่ยนผ่าน
การเปลี่ยนแปลง ก็เป็นสัจธรรม ไม่มีอะไร หยุดนิ่งตายตัว สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยแต่การเปลี่ยนแปลง ต้องมีการสร้างและพัฒนา “ดุลยกำลังของฝ่ายประชาชน” ให้เหนือกว่า โดยต้องมีช่วงเปลี่ยนผ่าน คือการพัฒนาจากไม่มี > สู่มี, มีน้อย> สู่มีมาก และมากกว่า อีกฝ่ายหนึ่งหากเราไปยึดติด “กรอบเก่า กติกาเก่า” ที่ฝ่ายประชาชนเสียเปรียบฝ่ายนักการเมือง และกลุ่มทุนใหญ่เช่น การยึดและเล่นในกรอบกติกา “การเลือกตั้งเก่า” ที่พรรคใหญ่ทุนใหญ่ ย่อมได้เปรียบประชาชน การที่รัฐธรรมนูญ ปี 2560 มีหลักการ “ลดอำนาจพรรคใหญ่ทุนใหญ่” มาเพิ่มอำนาจประชาชนพวกนักการเมืองเก่าใหญ่ หรือพวกสิทธิฯ ก็จะเอะอะ โวยวายว่า “เอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม” และการเปลี่ยนผ่านบางส่วนบางครั้ง อาจจะมีสีดำสีเทา เพื่อไปสู้กับอีกฝ่ายหนึ่งที่ดำหนักกว่า ต้องเข้าใจแต่โดยหลักการแล้ว ในระยะยาว ฝ่ายสีขาว จะมีมากขึ้นๆ จนสามารถขจัดกำหราบฝ่ายสีดำได้
3.การคิดและมองบวก สร้างสรรค์ ด้วยใจสงบ ใช้ความคิด สติปัญญา ความจริง
เป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะในสังคมสีเทาแบบไทย คนจะคิดลบ คิดในแง่ร้าย ซึ่งไม่เป็นผลดีที่สำคัญ ต้องใช้ ความคิด สติปัญญา ข้อมูลจริง นำพาไปสู่ชัย ทีละขั้น จนบรรลุความสำเร็จ
4.การพิจารณา ด้านหลัก - ด้านรอง, ส่วนทั้งหมด - เฉพาะส่วน
ในการเปลี่ยนแปลงจากสังคมเก่า ไปสู่สังคมใหม่ ต้องมีความเข้าใจหลักการนี้ อย่างลึกซึ้ง
ด้านหลัก : หมายถึง ส่วนใหญ่ดีกว่า มิใช่ดีหมด ไม่มีเสียหรือข้ออ่อนเลย เช่น รัฐบาลลุงตู่ เมื่อเปรียบเทียบแล้ว มีความตั้งใจจริง ทำงานจริง มีผลงานมากกว่า รัฐบาลที่ผ่านมา
แต่ในเฉพาะส่วน เช่น ในครม. กองทัพ ข้าราชการฯ ยังมีคนไม่ดี มีข้ออ่อน ข้อเสีย เพราะมาจากสังคมเก่าซึ่งเราจะต้องดูภาพรวม ขอให้มีส่วนหลักดีกว่า และมีการพัฒนาก้าวหน้าไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ฯลฯ
5.การยึดพรรคการเมืองของประชาชนเป็นหลัก มากกว่า “คนดี” แต่หากมีทั้งคู่ ก็สมบูรณ์
ปัญหาใหญ่ของระบบการเลือกตั้งเก่า คือ พรรคการเมืองที่มีบทบาท เป็นพรรคของกลุ่มทุน นักการเมืองไม่มีพรรคของประชาชน ที่สมาชิกเป็นผู้กำหนด มีอุดมการณ์ หลักนโยบาย ให้น้ำหนักไปที่สมาชิกประชาชนพรรคการเมืองของประชาชน ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ คือ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และ พรรคการเมือง ที่สามารถนำนโยบายที่ดี ไปปฏิบัติได้จริง ได้มาก ก็ต้องเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
6.การยึดเอาผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ
นี่คือ หลักการพรรคของประชาชน ซึ่งการที่จักทำให้รัฐบาลลุงตู่ มั่นคง ยั่งยืนได้ ก็ต้องมีพรรค รปช.ร่วม
7.ลักษณะพิเศษ และลักษณะเฉพาะของสังคม
คือ การมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่ง พรรค รปช. มีอุดมการณ์ที่ชัดเจน และมีการปฏิบัติที่เป็นจริงทั้งในปัจจุบัน และในอดีต ที่ผู้นำ สมาชิก และประชาชน ได้ร่วมเอาชีวิตเข้ารักษาปกป้องมาแล้วสถาบันกองทัพก็เป็นหลักสำคัญของบ้านเมืองมาตลอด และเป็นกองทัพที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ
8.ผู้นำที่เพียบพร้อม
ในส่วนรัฐบาล เราก็มี “ลุงตู่ และผู้นำอีกไม่น้อย” ที่ได้แสดงความเป็นผู้นำ ที่เอาจริง ต้องการเปลี่ยนแปลงและมีการประนีประนอม ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กติกา ทั้งในสังคมไทย และกติการะหว่างประเทศ ส่วนพรรครวมพลังประชาชาติไทย นอกจากหัวหน้าพรรค คือ ม.รว.จัตุมงคล โสณกุล (หม่อมเต๋า) ที่ดีพร้อมกำนันสุเทพ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ คุณเพชร ดร.สุริยะใส ดร.จักษ์ ประสาร พลโทนันทเดช หมอศุภผล และผู้นำหญิงชายที่โดดเด่นเอาการเอางานในกรุงเทพฯและทุกภูมิภาค ที่เคยร่วมกิจกรรมกอบกู้บ้านเมืองฯ
9.การอาศัยแนวร่วม
นอกจากมีพรรคนำ อย่างพรรค รปช. ที่พร้อมจะร่วมรัฐบาลลุงตู่ และพรรคร่วมอื่นๆ ที่ไม่เอาพรรคเครือทักฯจำเป็นต้องมีการสร้างและพัฒนาแนวร่วมต่างๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และภาคประชาชน
10.การเริ่มต้นคิดและทำที่ตนเอง
หลักการทุกอย่างทุกฝ่ายที่เราสามัคคีร่วมมือกันได้ จำเป็นต้องมีการพัฒนาสร้างความเข้มแข็งไปตลอด แต่ สิ่งที่เรากุมและทำได้จริง ก็คือ ตัวของเรา : ทำความเข้าใจหลักการนี้ แล้วปฏิบัติอย่างจริงจัง
l โดยสรุป : จากหลักการ 10 ประการ ที่นำเสนอมา ที่เราสามารถสรุปเป็นรูปธรรม ได้คือ - ต้องไปลงเลือกตั้ง : ที่ทำให้ได้นายกรัฐมนตรีชื่อลุงตู่ และมีพรรคของประชาชน (รปช.) ร่วมเป็นรัฐบาล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี