วันนี้เป็นวันเพ็ญ เดือน 3 ตรงกับวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นวันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญ 1 ใน 3 วัน ในพระพุทธศาสนา คือวันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา และวันอาสาฬหบูชา
ที่ไม่นับเอาวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญเพราะไม่มีสาระหรือนัยใดๆ เพราะเป็นวันที่กำหนดขึ้นเพื่อแก้ไขการบ่น การต่อว่าต่อขาน เพื่อจะเอาอย่างนักบวชในลัทธิอื่นที่พอเข้าฤดูฝนแล้วก็จะอยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง เพราะการไปเที่ยวเดินวุ่นวายในยามที่ชาวบ้านเขาเพาะปลูกไถหว่านนั้นทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงบัญญัติเรื่องการเข้าพรรษาเพียงแค่ป้องกันไม่ให้เกิดความเดือดร้อนแก่ราษฎรเท่านั้น
วันวิสาขบูชาเป็นวันของพระพุทธเจ้า เพราะเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ เดือน 6 ส่วนวันอาสาฬหบูชานั้นเป็นวันของพระธรรม เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตรเป็นปฐมเทศนา และทำให้พระรัตนตรัยครบองค์สามในวันนั้น จึงบางที่ถือได้ว่านอกจากเป็นวันของพระธรรมแล้ว ยังเป็นวันพระรัตนตรัยด้วย
ส่วนวันมาฆบูชานั้นเป็นวันของพระสงฆ์ เพราะเป็นวันชุมนุมพระอรหันต์จำนวน 1,250 รูป เป็นการประชุมพระสงฆ์ครั้งใหญ่ที่สุดในโพธิกาลของพระพุทธเจ้า และเป็นวันที่ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ วางหลักการครองตน วางหลักการอยู่ในสังคมร่วมกัน และวางหลักการเรียนการสอนพระธรรมวินัยของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ชาวพุทธถูกสั่งสอนผิดๆ ทำให้เข้าใจผิดในเรื่องวันมาฆบูชา และทำให้เนื้อตัวความสำคัญของวันมาฆบูชาที่แท้จริงนั้นเลือนหายไป
เราถูกสอนกันมาว่า วันมาฆบูชามีความสำคัญเพราะเป็นวันจาตุรงคสันนิบาต คือเป็นวันที่พระจันทร์เพ็ญเสวยมาฆฤกษ์ เป็นวันประชุมพระอรหันต์ 1,250 รูป โดยต่างรูปต่างมาโดยมิได้นัดหมายกัน เพราะเคยเป็นพราหมณ์มาก่อน คุ้นเคยกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ว่าเป็นวันศิวาราตรีคือวันที่พระศิวะตรวจโลก และพระอรหันต์เหล่านั้นล้วนเป็นพระที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบวชให้ด้วยพระองค์เอง และเป็นวันที่ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์
ผิดบ้าง ถูกบ้าง แต่หามีใครสนใจไม่ จึงทำให้เรื่องราวผิดๆ เหล่านี้ตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งควรจะทำความเข้าใจให้ถูกต้องเพื่อจะได้เห็นคุณและเนื้อตัวที่แท้จริงของวันมาฆบูชา
การที่พระจันทร์เพ็ญเสวยมาฆฤกษ์นั้นไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์อันใด ตั้งแต่ก่อนหลังโพธิกาล แม้ในปัจจุบันนี้ พระจันทร์ก็ยังคงเพ็ญเสวยมาฆฤกษ์ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 อยู่นั่นเอง เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เว้นแต่บางทีเป็นอธิกมาส พระจันทร์ก็จะเพ็ญในกลุ่มดาวมาฆะ ในวันเพ็ญเดือน 4 แล้วจะมีความสำคัญอะไรที่ตรงไหน
สำหรับพระอรหันต์ 1,250 รูปนั้น ไม่ได้ต่างคนต่างมาโดยมิได้นัดหมายแต่อย่างใด เป็นการตั้งเรื่องแบบมั่วที่สุด ในขณะนั้นมีพระอรหันต์ 1,340 รูป โดย 60 รูปแรก โปรดให้เดินทางไปประกาศ
พระธรรมวินัยในถิ่นอื่น ชุดที่สองอีก 30 รูป ก็โปรดให้ไปประกาศพระธรรมวินัยในถิ่นอื่น
พระอรหันต์ 1,250 รูป ที่เหลืออยู่ประกอบด้วยพระอรหันต์ที่เคยเป็นกลุ่มชฎิลสามพี่น้อง จำนวน 1,000 คน และพวกปริพาชกกลุ่มของพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะอีก 250 รูป โดยในจำนวน 250 รูปนี้พระสารีบุตรเป็นพระอรหันต์องค์ล่าสุดที่บรรลุความเป็นพระอรหันต์ในวันเพ็ญ เดือน 3 หลังจากทรงตรัสรู้ 9 เดือน และทั้งหมดนี้ต่างพำนักอยู่ในที่เดียวกันคือที่วัดเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ ไม่ใช่ต่างคนต่างมาโดยมิได้นัดหมายดังที่สอนกันผิดๆ
นอกจากนั้น วันเพ็ญเดือน 3 ก็ไม่ใช่วันศิวาราตรี ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือน 11 ไม่ใช่เดือน 3 และก็ไม่ใช่วันปวายด้วย เพราะวันปวายซึ่งเป็นวันที่พระศิวะออกตรวจโลกเหมือนกัน ตกอยู่ในช่วงเดือนอ้าย และที่สำคัญคือพระอรหันต์ทั้ง 1,250 รูป นั้นไม่มีใครเป็นพราหมณ์เลยแม้แต่รูปเดียว หากเป็นพวกอดีตชฎิล 1,000 รูป และอดีตปริพาชก 250 รูป
การที่พระอรหันต์เหล่านั้นได้รับการบวชโดยพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์อันใด เพราะห้วงเวลานั้นเป็นเดือนที่เก้าแห่งการตรัสรู้ ยังไม่ประทานวิธีการอุปสมบทแบบติสรณคมนูปสัมปทา เพื่อให้พระสงฆ์อื่นให้การอุปสมบท ดังนั้นพระสงฆ์ทั้งหลายในช่วงนั้นจึงต้องบวชโดยพระผู้มีพระภาคเจ้าเอง
นั่นคือที่สอนกันมาผิดๆ ซึ่งไม่ได้เป็นแก่นสารสาระของวันมาฆบูชาเลย แก่นสารเนื้อตัวของวันมาฆบูชามีมาจากพระโอษฐ์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสด้วยพระองค์เองว่า ในโพธิกาลของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จะมีการประชุมพระอรหันตสาวกครั้งใหญ่เพื่อแสดงโอวาทปาติโมกข์ การประชุมพระอรหันต์ครั้งใหญ่บางโพธิกาลก็จะมีสองครั้ง บางโพธิกาลก็จะมีเพียงครั้งเดียว
ตรัสว่า โพธิกาลของพระองค์นั้นไม่ยาวนัก ดังนั้นการประชุมพระอรหันต์ครั้งใหญ่จึงมีเพียงครั้งเดียวนี้ และหลังจากครั้งนั้นแล้วก็ไม่ปรากฏมีการประชุมพระอรหันต์ครั้งใหญ่เช่นครั้งนี้เลย
ตรัสว่า การประชุมพระอรหันต์ครั้งใหญ่เพื่อแสดงโอวาทปาติโมกข์นั้นเป็นประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ความสำคัญจึงอยู่ที่เนื้อตัวของโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งทรงวางหลักการปฏิบัติตนของพระสงฆ์สาวก วางหลักการอยู่ร่วมกันแห่งสงฆ์ และวางหลักการเรียนการสอนพระพุทธศาสนา ที่กำหนดเป็นขั้นตอนทั่วไปให้สอนละบาป สอนให้บำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม สอนให้บำเพ็ญเพียรทางจิตให้ผ่องแผ้ว
ขอเราทั้งหลายจงเข้าใจเนื้อหาสำคัญของวันมาฆบูชาดังที่แสดงมานี้เถิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี