ในภาพยนตร์ไซไฟหลายๆ เรื่อง แสดงภาพการสู้รบระหว่างคนกับหุ่นยนต์ (หรือนัยหนึ่งทหารมนุษย์กับทหารหุ่นยนต์) โดยมนุษย์นี่เองที่เป็นผู้คิดประดิษฐ์สร้างหุ่นยนต์สังหารเหล่านั้นขึ้นมา
และในโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์ก็สร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว และกำลังพัฒนาหุ่นยนต์ในหลากหลายแบบ โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยให้หุ่นนั้นคิดเป็น ตัดสินใจเองได้ อย่างไรก็ดี การพัฒนาหุ่นสังหารเพื่อการสงครามก็ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมของมนุษย์ โดยมีวัตถุประสงค์เบื้องต้นในการเข่นฆ่าหุ่นยนต์ด้วยกันของฝ่ายตรงข้าม
แต่ปัญหาคือ จะมั่นใจได้อย่างไรว่า จะบังคับหุ่นยนต์นั้นให้สามารถแยกแยะมนุษย์ที่เป็นทหารออกจากเป้าหมายสังหาร โดยเฉพาะเมื่อมนุษย์ดังกล่าวเป็นทหารที่รบราฆ่าฟันกันอยู่ นอกจากนั้น มนุษย์ทั่วไปที่เป็นพลเรือน หรือมนุษย์ธรรมดาๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ ไม่ว่าจะเป็นคนชรา สตรี และเด็ก ได้อย่างไร มิฉะนั้นต่างก็อาจโดนลูกหลงได้ทุกเมื่อ หากทหารหุ่นยนต์ยิงปืนโดยไม่เลือก
ซึ่งคงเป็นการทารุณกรรมต่อมนุษยชาติ โดยจะไปโทษหุ่นยนต์ทหารก็มิได้ หากแต่ต้องโทษผู้สร้าง ผู้บังคับใช้หุ่นยนต์นั่นเอง
ฉะนั้น โลกก็ต้องถกกันว่า แล้วจะอนุญาตให้มีการพัฒนา และครอบครองหุ่นยนต์สังหารกันหรือไม่ ถ้าหากอนุญาตให้มีได้แล้ว จะมีกระบวนการบังคับการสร้างหุ่นยนต์อย่างไร ในการแยกแยะประเภทของคู่ต่อสู้ (มนุษย์ทหาร และทหารหุ่นยนต์) และแยกทหารคู่อริออกจากฝ่ายพลเรือนชาวบ้านทั่วไป
ก็คงไม่พ้นที่จะต้องคิดประดิษฐ์หุ่นยนต์ให้คิดเองได้ในระดับหนึ่ง ก็หมายความว่าต้องแปลงหุ่นยนต์ด้วยมนุษย์ประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - Being) ที่คิดเป็น ทำเป็นได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสผิดพลาด โดยเฉพาะเมื่อมีการชำรุด ก็ย่อมจะส่งผลกระทบไปถึงฝ่ายชาวบ้านพลเรือนได้อยู่ดี
ก็อาจจะต้องขยับไปอีกขั้นหนึ่ง คือ ทหารกึ่งมนุษย์กึ่งหุ่นยนต์พวก Cyborg กล่าวคือมนุษย์เราๆ นี้เอง แต่ได้ปรับชิ้นส่วนของร่างกายเป็นเครื่องยนต์เครื่องกลต่างๆ นั่นทำให้มีการทบทวนและมีความคิดอ่านได้ แล้วก็คงจะมีอายุยาวนานกว่ามนุษย์ธรรมดาๆ โดยทั่วไป
แนวโน้มทั้งหมดนี้ ก็มีนัยว่า ในอนาคตทหารมนุษย์ก็คงจะถูกปลดประจำการ หรือสูญพันธุ์ไป โดยส่วนหนึ่งก็จะกลายมาเป็นผู้บังคับหุ่นยนต์ทหาร ผู้ควบคุมดูแลทหารประดิษฐ์ และส่วนหนึ่งอาจอาสาสมัครไปเป็นทหารครึ่งมนุษย์ครึ่งประดิษฐ์ก็ว่าได้
ในขณะเดียวกัน การสู้รบก็อาจจะไม่ใช้ หรือต่อสู้กันทางภาคพื้นดินเป็นหลักอย่างที่แล้วๆ มา หากแต่เป็นการรบกันทางอากาศ หรือใต้น้ำ ด้วยอากาศยานไร้คนขับ (Drones) ซึ่งก็ต้องผลิตให้มีจำนวนมากๆ คล้ายฝูงผึ้ง หรือฝูงสัตว์ปีกต่างๆ
นั่นก็หมายความว่า การสู้รบในอนาคต นอกจากจะใช้ทั้งหุ่นยนต์ทหารแล้ว อากาศยานไร้คนขับก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาวุธหลัก ซึ่งทำให้ความจำเป็นที่ทหารมนุษย์จะสู้รบกัน ก็จะคลายความสำคัญลงไป และอาจจะหมดความจำเป็นไปก็เป็นได้
ในรูปการณ์นี้ ประเทศใด หรือกลุ่มประเทศใด มีเทคโนโลยีที่เหนือและก้าวหน้ากว่า ก็จะอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ คือ นอกจากไม่ต้องใช้ทหารมนุษย์ แล้วยังรักษาชีวิตฝ่ายตนไว้ได้อีกด้วย
โดยประเทศใดมีทหารหุ่นยนต์ หรือทหารมนุษย์ประดิษฐ์ บวกด้วยเครื่องอากาศยานไร้คนขับด้วยตนเอง (Drones) ที่จะบินร่อนอยู่ในอากาศ หรือดำน้ำได้ ก็จะขึ้นสถานะเป็นเจ้าโลกด้วย เพราะจะไม่มีทหารมนุษย์จะสามารถไปต่อกรด้วยอีกต่อไปได้
สำหรับกองทัพไทยเรา หากมีวิสัยทัศน์ในการมองไปข้างหน้าแล้ว ก็ย่อมต้องนำประเด็นดังกล่าวไปพิจารณา หาแนวทางพัฒนาตนเอง เมืองไทยก็มีนักวิทยาศาสตร์และนักวิศวกร และนักคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถใช้ปัญญา องค์ความรู้ คิด ค้นคว้า วิจัยเพื่อประเทศไทย เราจะได้พึ่งตนเองให้ได้มากที่สุดในการมีกำลังทัพหุ่นยนต์มนุษย์ประดิษฐ์ ก็จะมาทำหน้าที่แทนทหารมนุษย์และรับใช้กองทัพและสังคม
การเตรียมบุคลากรในเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเทคนิคเครื่องยนต์ เครื่องกล จึงเป็นเรื่องสำคัญ การวิจัยค้นคว้าพัฒนาก็ต้องดำเนินการควบคู่กันไปด้วย
แต่ก่อนอื่นใด ฝ่ายกองทัพก็ต้องเริ่มปรับทัศนคติ กรอบความนึกคิดให้ไปด้วยได้กับเทคโนโลยีและแนวโน้มของสาระเนื้อหาของการสงครามในอนาคตอันใกล้
ในการนี้ กองทัพย่อมจะต้องมุ่งไปใส่ใจเฉพาะเรื่องของกองทัพเป็นหลัก โดยควรจะเลิกรา ล้างมือไปจากกิจการการเมือง ที่มิใช่ของตนเสียที เพราะการเดินหน้าไปสู่การมีเทคโนโลยีในการสู้รบด้วยหุ่นยนต์ และจักรกลนั้น ไม่ใช่เรื่องจะทำให้สำเร็จได้ หากมัวแต่พะวักพะวนเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของตน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี