สถานการณ์ความแตกแยกความคิดเห็นทางการเมืองในราชอาณาจักรไทยนั้นตามประวัติศาสตร์ไทยได้เคยเกิดขึ้นมาอย่างรุนแรงหลายครั้งเริ่มกันตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีอยุธยาผ่านเรื่อยมาจนถึงสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์จนในปัจจุบันความแตกแยกในหมู่ของประชาชนคนไทยที่มีจำนวนประชากร 68 ล้านคน ก็หาได้หมดสิ้นไปโดยเฉพาะในระหว่างปี 2541 จนถึงปี 2562 ความแตกแยกยุคใหม่นี้ขอเรียกรวมๆ ว่าเป็นการต่อสู้กันระหว่างประชาชนฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณ ชินวัตรกับฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณนั่นเอง
ในห้วงระยะเวลาตั้งแต่การก่อตั้งพรรคไทยรักไทยต่อมาด้วยพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยเกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชนที่ถูกปลุกปั่นยุยงจากสายการเมืองทั้ง 2 ฝ่าย การถูกแบ่งแยกด้วยสีเสื้อที่จริงใม่ใช่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองที่คนไทยแตกกันเพราะสีเหลืองหรือว่าสีแดง ในอดีตหลังการรัฐประหารของประชาชนที่เรียกตัวเองว่าคณะราษฎร ในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เกิดมีประชาชนอีกกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าประชาชนที่ยังจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ที่รวมตัวใต้การนำของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดช ได้ลุกขึ้นมาจับอาวุธ
ด้วยการเคลื่อนกองทหารจากส่วนภูมิภาคจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 12 กองพันเข้าปะทะกับทหารฝ่ายคณะราษฎร ภายใต้การนำของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ขณะที่มียศพันโทที่สมรภูมิหลักสี่และบางซื่อ ในวันที่ 11-20 ตุลาคม 2476 การรบเป็นสงครามกลางเมืองของคนไทย 2 ฝ่าย ในครั้งนั้นได้ถูกลืมไปในประวัติศาสตร์ประชาชนคนไทยยุคหลังไม่มีใครรู้รายละเอียดของสงครามย่อยๆ ในสมัยนั้นทราบเพียงว่ามีทหารทั้ง 2 ฝ่าย บาดเจ็บล้มตายไปไม่กี่ร้อยคนและยุติไปด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายสนับสนุนพระราชวงศ์เพราะขาดการเตรียมการที่รัดกุมและดีพอ
ภายหลังมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยยังคงตกอยู่ในวังวนของการแก่งแย่งอำนาจทางการเมืองของคน 2 ฝ่าย ทั้งทหารในกองทัพและข้าราชการพลเรือนรวมไปถึงนักการเมืองมีการกบฏและการรัฐประหารหลายๆ ครั้ง มีสงครามกลางเมืองย่อยๆ ในประเทศไทยมาเรื่อยๆ จนครั้งล่าสุดมีการรัฐประหารของคณะนายทหารในกองทัพในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เพื่อล้มรัฐบาลนักการเมืองในระบอบทักษิณหลังมีประชาชนในนาม กปปส. หลายล้านคนออกมาประท้วงรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของนายทักษิณ
และหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 28 ของประเทศไทย ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นักการเมืองและประชาชน 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณและฝ่ายต่อต้านก็ยังมีความขัดแย้งกันอยู่จนน่ากลัวว่าอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงเป็นสงครามกลางเมืองระหว่างคนไทยที่มีการปลุกปั่นยุยงเพื่อหวังผลทางการเมือง เหตุการณ์ที่นำประเทศใดประเทศหนึ่งไปสู่สงครามอาจจะเกิดขึ้นได้โดยอาจจะไม่ใช่ประเทศด้อยพัฒนาก็อาจเกิดขึ้นได้อย่างสงครามในสหพันธรัฐยูโกสลาเวียในช่วงปี 2534 ถึงปี 2543 ซึ่งยังผลให้มีคนตายมากกว่า 1 ล้านคน ประเทศถูกแบ่งออกเป็นสาธารณรัฐเล็กๆ ถึง 8 ประเทศ
ตัวอย่างความแตกแยกทางด้านการเมืองที่นำประเทศไปสู่ความหายนะหลายครั้งในโลกนั้นมีให้ดู 2 เหตุการณ์ ครั้งแรกคือสงครามกลางเมืองอเมริกาที่เรียกว่า American Civil war ในระหว่างปี 2404 ถึง 2408 ฝ่ายเหนือเรียกว่าสหรัฐอเมริกา มีกรุงวอชิงตัน เป็นนครหลวงผู้นำรัฐบาลฝ่ายเหนือ คือ ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ผู้นำกองทัพคือ พลเอกยูไลซีส สจ๊วร์ต แกรนท์ ฝ่ายใต้เรียกว่า สมาพันธรัฐ ตั้งนครหลวงที่นครริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย ผู้นำคือ ประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สัน เดวิส ผู้นำทัพ คือ พลเอกโรเบิร์ต อี ลี สาเหตุของสงครามคือการต้องการเลิกระบบทาสผิวสีในรัฐทางใต้ของฝ่ายเหนือ
ฝ่ายเหนือมีทหาร 2,213,363 คน ฝ่ายใต้มีทหาร 1,064,000 คน ผลของสงครามประชาชนเสียชีวิตมากกว่า 1 ล้านคน ทหารฝ่ายเหนือผู้ชนะตาย 364,511 คน บาดเจ็บ 224,097 คน ฝ่ายใต้ผู้แพ้ตาย 133,821 คน บาดเจ็บ 194,026 คน หลังชนะสงครามประธานาธิบดีลินคอล์นก็ถูกมือปืนยิงตายในโรงละครในกรุงวอชิงตัน
ครั้งที่ 2 สงครามปฏิวัติเม็กซิโก หรือRevulution Mexicanas ในระหว่างปี 2457 ถึงปี 2463 ในสาธารณรัฐเม็กซิโกช่วงมหาสงครามโลกครั้งที่ 1 ในยุโรปและส่วนอื่นๆของโลก 11 ปี ของสงครามในแผ่นดินเม็กซิโกมีสาเหตุจากการแย่งอำนาจทางด้านการเมืองของระบอบปกครองของประธานาธิบดีพลเอกปอร์ฟิริโอ ไดอาซ เสือเฒ่าที่ไม่ยอมลงจากเก้าอี้ประธานาธิบดีของประเทศต่อจากยุคของประธานาธิบดีฮัวเรซ ไดอาซ เป็นผู้นำตั้งแต่ปี 2411 เขาครองตำแหน่งข้ามศตวรรษมาจนถึงปี 2457 เป็นเวลา 40 ปี มีคนต่อต้านรัฐบาลอย่างมากมาย
นานาชาติได้เข้าไปแทรกแซงเหตุการณ์ที่เม็กซิโกทั้งสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝั่งต่อต้านมีคณะผู้ก่อการหลายรายเช่น ริคาร์โด ปาสกาล โอรอสโก้, เบิร์นโก เรเยส,
ปานโช วิลญาและเอมิเลียนโน่ ซาปาต้าส์ ทั้ง 2 ฝ่าย มีการรบไปรอบๆ ประเทศกล่าวกันว่าทั้งคู่มีกองทัพที่มีกำลังพลระหว่าง 250,000-300,000 คน กว่าเหตุการณ์จะยุติอย่างสงบในปี 2463 มีคนตายไปมากกว่า 2 ล้านคน และพิการทุพพลภาพอีกหลายๆ แสนคน นี่คือความสูญเสียที่น่าสะพรึงกลัวของสงครามกลางเมือง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี