ขอพูดตามตรงว่า “กัมพูชา” เป็นประเทศ “ด้อยพัฒนา”ในการอยู่ร่วมกับ “สังคมโลก” เหมาะแก่การอยู่ด้วยกันเองภายใต้ “กะลา” ที่ “ตระกูลฮุน” ครอบเอาไว้ แล้วใส่ต้นเสียงให้คนในกะลา “พูดตาม”
1) วันที่ 6 ตุลาคม 2568 สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกมาโพสต์แชร์บทความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว “Samdech Hun Sen of Cambodia” ระบุข้อความว่า ...
“นี่คือประเทศที่ศิวิไลซ์ มีคุณธรรม จริยธรรม และอารยธรรมอันสูงส่งหรือ?
ชาวกัมพูชาทั้งหลาย โปรดอย่าทำสิ่งชั่วร้ายที่ไร้มนุษยธรรมและเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ ไม่ว่าวีดีโอนี้จะสร้างโดยมนุษย์ หรือเอไอ ก็ตาม วีดีโอนี้แสดงให้เห็นการกระทำที่ชั่วร้ายทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติหรือกลุ่มใด
ในอดีต พี่น้องของเราบางคนขอให้ผมตอบโต้ด้วยการถ่ายภาพหรือพระมหากษัตริย์ไทยเพื่อรับรางวัล เหมือนที่คนไทยบางคนทำ ผมบอกพวกเขาว่าถ้าพวกเขาคิดว่ากำลังทำสิ่งนี้ผิด โปรดอย่าพยายามทำผิดพลาดกับพวกเขา เพราะการกระทำเช่นนี้ไร้มนุษยธรรมและเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์
ผมอธิบายเพิ่มเติมว่าพวกเขากำลังทำเช่นนี้เพื่อทำให้ผมหมดความอดทนในช่วงหยุดยิง ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะเปราะบาง หรืออย่างน้อยก็เพื่อยุยงให้ทหารและประชาชนของเราตอบโต้ในลักษณะที่บ่อนทำลายอารยธรรม
ผมขอวิงวอนเพื่อนร่วมชาติของเราอย่านำพระมหากษัตริย์ไทยหรือภาพถ่ายของผู้นำไทยไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม แม้ประเทศของเราจะเล็ก ประชากรน้อย และเศรษฐกิจอ่อนแอ แต่เราไม่ได้อ่อนแอทางศีลธรรม เราต้องรักษาชาติอันสูงส่งและมีคุณธรรมอันสูงส่งต่อไป
หากคุณรู้สึกขุ่นเคืองต่อประเทศไทย ไม่ชอบประเทศไทย อย่าซื้อสินค้าไทย และหยุดใช้เงินบาทไทยบนแผ่นดินกัมพูชา เพื่อเสริมสร้างความเป็นอิสระทางการเงินของประเทศ
โปรดอย่ากระทำการใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อบริษัทไทยและคนไทยที่อาศัยและทำธุรกิจในกัมพูชาผมยังคงเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับชาวกัมพูชา คนไทยบางคนรวมถึงผู้นำไทยบางคน กำลังประเมินเศรษฐกิจกัมพูชาผิดพลาด โดยกล่าวว่าเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่หลังจากที่ไทยปิดพรมแดนเนื่องจากขาดแคลนสินค้าอุปโภค-บริโภค
ผมขอขอบคุณผู้นำไทยอีกครั้งที่โจมตีพวกเขาด้วยหัวของพวกเขาเอง เพราะกัมพูชาเคยใช้เงินไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อซื้อสินค้าไทย และนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อสินค้าในประเทศ ซึ่งทำให้สินค้าที่ผลิตในประเทศมีตลาดที่เป็นโอกาสในการเสริมสร้างเศรษฐกิจกัมพูชา
เราไม่เคยขอให้สินค้าไทยมาขายในตลาดของเรา แต่กลับใช้เงินซื้อ ขอท่านผู้นำไทยอย่าเข้าใจผิดและดูหมิ่นกัมพูชาอีกต่อไป เรารู้ว่าท่านร่ำรวยกว่ากัมพูชา แต่ท่านก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเราก็ใช้เงินซื้อสินค้าไทยเช่นกัน ซึ่งทำให้คนไทยมีตลาดหาเงิน
ขอท่านคนไทยที่เคยขายสินค้าให้กัมพูชา อย่าโกรธเคืองที่กัมพูชาซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ต้องสูญเสียเงินไปนี่ไม่ใช่ความผิดของกัมพูชา
สุดท้ายนี้ ผมขอแจ้งให้ท่าน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ติดชายแดนไทย รีบแลกเงินบาทเป็นเงินเรียล หรือดอลลาร์โดยเร็ว เพราะในอนาคตท่านจะสูญเสียเงินจำนวนมากและอาจกลายเป็นจุดอ่อนที่ถูกคุกคาม เช่น ไฟฟ้า อินเตอร์เนต และเชื้อเพลิงในอดีต เลิกใช้เงินบาทและใช้เงินเรียลเถอะ เพราะมันจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับสกุลเงินของประเทศเรา”
2) ครับ, ฮุนเซน แกโกรธ ที่เห็นคลิปวีดีโองานวัดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีการนำรูปใบหน้าของแก ไปเป็นเป้ายิงปืนในงานวัด
ฮุนเซนคงลืมไปว่า ประชาชนกัมพูชานั้น ทั้งย่ำยีธนบัตรไทย ที่มีพระบรมสาทิสลักษณ์พระเจ้าแผ่นดินของราชอาณาจักรไทย และย่ำยีธงชาติไทยอย่างต่ำทรามมาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาไม่เคยลุกขึ้นต่อว่าเลยว่า เป็นการกระทำที่ “เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์”
3) ถูกเอาไปเป็นเป้ายิงในงานวัด กรีดร้อง กระทืบเท้าจะเป็นจะตาย แต่กองกำลังกัมพูชา ยิงปืนใหญ่ ยิงจรวดเข้ามา ถูกโรงพยาบาล ถูกปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ บ้านเรือนประชาชน ฯลฯ เสียหาย มีคนบาดเจ็บ มีคนตาย เด็กที่ตายต่อหน้าต่อตาปู่ย่า ศพแม่ที่กอดลูกตายในร้านสะดวกซื้อ นั่นไม่ “เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์” ยิ่งกว่าอีกหรือ
4) ศพทหารที่ตายเน่าคาป่า กว่าจะกระทุ้งให้กัมพูชามาเก็บศพทหารหาญของตัวเอง ไปทำพิธีทางศาสนาให้สมเกียรติแห่งความเป็นมนุษย์ เป็นนักรบ เป็นวีรชน คืนร่างของพวกเขาสู่อ้อมกอดของครอบครัว กลับปล่อยปละละเลย ปล่อยเน่าปล่อยเหม็นอยู่เช่นนั้นไม่ “เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์” หรอกหรือ
5) ประชาชนกัมพูชา มาทำงานในประเทศไทยอยู่ดีๆ มีค่าตอบแทนที่ดีกว่างานในประเทศของตัวเอง อยู่ๆ ก็เรียกตัวกลับ มีการปล่อยข่าวว่าจะปิดด่าน จะยึดที่ดินทำกิน จะยกเลิกสัญชาติ จนแรงงานต้องแห่กลับทั้งๆ ที่อนาคตการทำมาหากินภายในประเทศแสนจะมืดมน การทำเช่นนี้กับประชาชนของตน ไม่ “เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์” หรอกหรือ
6) ผู้คนกัมพูชาเจ็บไข้ได้ป่วย มารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย ก็เรียกร้องให้กลับกัมพูชา ไปรักษาในประเทศ ที่มาตรฐานการรักษาพยาบาลมิได้ดีกว่า สะดวกกว่า หรือให้ความปลอดภัยได้เท่ากับหรือมากกว่าเลยเอาชีวิตประชาชนที่มีทางเลือกไปสู่ความเสี่ยง นี่ไม่เรียกว่า “เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์” หรอกหรือ
7) พื้นที่แนวชายแดน ที่ทหารชั้นผู้น้อยปฏิบัติหน้าที่คุมเชิงกันอยู่ทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นมิตร ก็กลายเป็นทุ่งสังหาร มีการฝังทุ่นระเบิดใหม่ๆ จนทหารไทยขาขาด บาดเจ็บ นี่ไม่เรียกว่า “เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์” หรอกหรือ
8) เว็บไซต์ขแมร์ไทม์ส อ้างบทสัมภาษณ์ของชาวบ้านในจังหวัดกันดาล ที่ส่งผักอยู่ตามแนวชายแดน ระบุว่า“ผมใจสลายที่เห็นดินแดนของเราถูกบุกรุก เรารักดินแดนของเราและมีหน้าที่ปกป้องมัน ใจของเราแตกสลายเมื่อเราได้ยินข่าวว่าดินแดนของเราถูกคุกคาม”
ชาวบ้านรายดังกล่าวได้ออกมาเรียกร้องชาวกัมพูชาทุกคนลดพึ่งสินค้าไทย ซึ่งเขาให้คำจำกัดความว่าจะเป็นการสนับสนุน “ผู้รุกราน” และหันมาให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นแทน เขาได้กล่าวว่า “ผมหยุดใช้สินค้าไทยมาตั้งแต่ก่อนความขัดแย้งในเดือนกรกฎาคม”
พร้อมบอกว่าเวลานี้เขาต้องตรวจสอบสินค้าทุกชนิดอย่างระมัดระวัง ก่อนซื้อสินค้าเหล่านั้น เพื่อรับประกันว่ามันจะไม่เป็นการสนับสนุนการกระทำต่อต้านกัมพูชา “พวกชาวบ้านในหมู่บ้านของผม (จังหวัดกันดาล) เกือบทุกคน ไม่ซื้อสินค้าไทยอีกต่อไปแล้ว แม้ยังมีอีกเล็กน้อยที่ยังไม่ทราบ การใช้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเท่ากับเป็นการสนับสนุนทางการเงินในการทำสงครามกับเรา
โดยชาวบ้านอีกรายก็กล่าวไปในทิศทางเดียวกัน ระบุว่า การรุกรานของพวกเขาสร้างความเจ็บแค้นแก่ผู้คนของเราและเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ นับตั้งแต่นั้นทั้งครอบครัวของผมได้แบนสินค้าไทยทุกชนิด เราวิงวอนชาวกัมพูชาทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้ธงชาติเดียวกัน ประเทศกัมพูุชามีสินค้าท้องถิ่นเพียงพอรองรับความต้องการภายในประเทศ และเรียกร้องชาวกัมพูชา ทั้งในมาตุภูมิและต่างแดน สนับสนุนความเป็นหนึ่งเดียวกันของประเทศชาติ และขัดขืนแรงกดดันจากภายนอก
หลังจากเปิดบทสัมภาษณ์นี้ได้เพียงไม่นาน “สมเด็จฮุนเซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ได้ออกมาโพสต์ประณามกรณีที่คนไทยนำภาพของเขาไปเป็นเป้ายิงปืนว่า “ไร้มนุษยธรรม” และ “น่าอับอาย”พร้อมเรียกร้องคนเขมรแบนสินค้าไทย และเลิกใช้เงินบาทในประเทศกัมพูชา
“ฮุนเซน” ยังได้เรียกร้องให้ชาวกัมพูชาละเว้นจากการตอบโต้ และเน้นย้ำมาตรการทางเศรษฐกิจในฐานะเครื่องมือในการป้องกันประเทศ หากคุณรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่พอใจกับประเทศไทย โปรดงดเว้นการซื้อสินค้าไทย และหยุดใช้เงินบาทไทยในกัมพูชาเพื่อเสริมสร้างความเป็นอิสระทางการเงินของชาติ
9) เป็นความคิด “ชาตินิยม” ที่ดี แต่ “น่าเวทนา”ตรงที่ไม่อาจรับรู้ข่าวสารและคิดด้วยสมองกว้างๆ ได้ว่า รายได้ที่ไทยได้รับจากการค้าในกัมพูชา มิใช่ “รายได้หลัก” มิใช่รายได้ที่มีไว้เพื่อ “รุกรานกัมพูชา” นี่คือผลพวงจากการ“ถูกครอบด้วยกะลา” ของ “ตระกูลฮุน” ที่ปิดกั้นข่าวสาร ครอบงำการรับรู้ ปลุกกระแสชาตินิยม ในสังคมที่มิได้ให้โอกาสทางการศึกษาที่ดีแก่ราษฎร กระบวนการคิดจึงมีขีดจำกัดอยู่แค่นี้
เชื่อในสิ่งที่รัฐบาลกรอกหูว่า กัมพูชาถูกรุกราน
ต่อต้านสินค้าไทย ไปใช้สินค้าท้องถิ่น ซึ่งจำนวนหนึ่งคือ การอุดหนุนสินค้าที่คนในตระกูลฮุนเป็นเจ้าของนั่นแหละ
ดังนั้น เมื่อมองไปยังผู้คนในประเทศดังกล่าวนี้ตั้งแต่ผู้นำยันประชาชนคนธรรมดา ต้องหมั่นขยี้ตาบ่อยๆ
เพราะตอนมองหัวอาจเหมือนช้าง แต่พอมองหางถึงได้รู้ว่า...เหี้ย!!
จิตกร บุษบา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี