วันนี้ “พ่อ” เห็นอะไร? อย่างไร ? : ลูกชาย เจี๊ยบ & โจ๊ก : ถามขึ้นเกือบพร้อมๆ กัน
ผู้ใหญ่หลายวงการ “เป็นห่วงความรุนแรงในสังคมไทย จะเกิดขึ้นซ้ำอีก” ปู่จิ๊บ มองอย่างไร?
1.หาก ใช้ “หัวใจ 4 ห้อง” มองผ่านสถานการณ์ไทย ที่สับสน ซับซ้อน, เราจะเห็นอะไรบ้าง
ห้องที่ 1 : คือ ผู้นำไทย ทุกฝ่ายรวมทั้ง “คนเดือนตุลาที่แยกย้ายจรลีไปอยู่ตามพรรคหรืออิสระชน” ไม่เคยสรุปบทเรียนในทุกเหตุการณ์สำคัญของประเทศ จึงเดินผิดซ้ำรอยมาตลอด, น่าเศร้าหนอ ! รู้ชัดเจนแก่ใจ ว่า “คนหนุ่มสาวในยุค 14 ตุลา 2516” หรือ “คนชราวัย 70 ในยุคปัจจุบัน”มีอุดมการณ์แต่ต่างคิด ว่า “อะไรเป็นจุดแข็ง, อะไรเป็นจุดอ่อน”แต่ภาพรวม “ไม่รู้ หรือรู้ไม่ชัด” เพราะไม่มีการสรุป จึงเป็นเหตุสำคัญ “ที่เรายังวนเวียนอยู่ในถ้ำแห่งวงจรอุบาทว์” “เรายังไม่มี Road Map ทางออกของประเทศ”
ห้องที่ 2 : เดินไปตาม อัตตา ความคิด และผลประโยชน์ของบ้านเมือง หรือ ส่วนตัวพวกพ้อง : ที่เปลี่ยนไปมีสามพวกที่ไปไกลมาก คือ นักการเมือง นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหว ที่คิดแบบประชาธิปไตยตะวันตกทั้งที่ประเทศไทย เป็นประชาธิปไตย ที่มีลักษณะเฉพาะ คือ มีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขเขาจึงมัก : กล่าวปกป้องตนเอง โดยกล่าวหา
“คนคิดต่าง” เป็นเหตุ : โดยการสร้างวาทกรรมยัดใส่คนอื่น บางส่วนที่แอบอิงทัก กลับไปเชื้อเชิญ “ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงประเทศไทย เพราะพรรคกูได้ประโยชน์”
ห้องที่ 3 : ห้องอุดมคติ : ยึดการแสวงหาสัจธรรม จากความเป็นจริง โหรงเหรง นับคนได้ เพราะ “ทำดี แต่ต้องรับโทษติดคุก” เสียสละ เสียทุกอย่าง แต่ไปไม่ถึงฝั่ง และเจ็บปวดส่วนหนึ่ง : แก่ + มีปัญหาสุขภาพ, ส่วนหนึ่ง มองไม่เห็นทางออก ขาดพลังที่เอกภาพในการเปลี่ยนแปลงจึงขอพักก่อน เอาอุดมการณ์ใส่ลิ้นชัก ขอเปลี่ยนพรรค ขอย้ายเส้นทางชั่วคราว แล้วค่อยกลับมาใหม่
ห้องที่ 4 : ข้อมูลความจริง ที่ต้องติดตามแสวงหามีน้อย เพราะ “ยึดอดีต” มากำหนดปัจจุบัน ไปไม่ถึงอนาคตความหวังที่จะมีผู้นำมาแก้วิกฤติ จึงห่างไกล อีกทั้ง นักการเมือง นักวิชาการ กลับสร้างความขัดแย้งขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของพรรคกูตัวกู และกล่าวหาใส่ร้าย “คู่แข่งทางการเมือง” ให้เสียหายแปลกใจ ผู้นำบางคนที่ดูเป็นน้ำดี แต่มีอะไรบังตา ไม่ตามผลงานของรัฐบาลลุงตู่ แต่วิจารณ์ลบ สนองอัตตาอีกด้านหนึ่ง กลับแสดงออกว่า “นักการเมือง นักวิชาการ
กลุ่มเคลื่อนไหวที่คัดค้านรัฐบาล” เป็นประชาธิปไตยความขัดแย้ง ความคิดต่าง มีแต่ขยายตัวออกไป โอกาสที่จะสร้างความเข้าใจ
ยอมรับความจริง จึงมีน้อยเพราะไม่มีการคุยกันอย่างจริงจัง “เอาปัญหาของส่วนรวม ส่วนตัว มาแบ” แล้วใช้ความคิดรวมหมู่แก้ไข “ฝ่ายต่างๆ” ก็ขาดพลัง ขาดความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลง อ้อ ความคิดก็ยังคงแคบ ไม่กว้างไกลคนเอาจริง
ไม่หยุด ก็เดินหน้าต่อไป อย่างโดดเดี่ยว รอคอยโอกาส สถานการณ์ที่สุกงอม ที่จะมาถึงในชาติหน้าสถานการณ์
ตอนนี้ ต่างฝ่าย ไม่เข้มแข็งพอ ไม่มีความเป็นเอกภาพทางความคิด เอาผลประโยชน์เฉพาะหน้านำ
] สถานการณ์ จึงอยู่ในภาวะ “ไม่มีสงคราม แต่ก็ไม่มีสันติภาพ” รอคอยฟ้าฝน และดาวเหนือใต้ ที่จะมีความเป็นรัฐบุรุษ ที่คิดถึงอนาคต มาจุติ มาก่อเกิด ให้ทันกาล
@ สำหรับตัวตนของคนรักบ้านเมือง ก็ต้องเดินหน้าต่อ ทำเท่าที่ได้ ทำด้วยความรักความสุข รอคอยเวลาผู้นำที่เอาอคติความเชื่อ มานำความจริง ไม่แสวงหาข้อมูลข้อเท็จจริง มักพลาดหรือคิดแบบคาดไม่ถึง
2.มีการคุยแลกเปลี่ยนกันหลากหลาย ในกลุ่ม ในเพื่อนมิตร ถึงสถานการณ์การเมือง และการเดินหน้าต่อไป
uบ้างได้ประโยชน์ เพราะ เริ่มได้ถูก ตั้งโจทย์ถูก และให้ผู้คนนำเสนอข้อมูลก่อน ออกความคิดเห็น
โดยยึดหลักกติกาสูงสุด คือ รัฐธรรมนูญ และระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
uบ้างได้ความอึดอัด เพราะ เริ่มผิด เสนอความคิดตามอัตตาของตน ยึดอารมณ์ของตนเป็นที่ตั้ง ไม่รับฟังความเห็น
ที่ต่าง, จบการแลกเปลี่ยน แยกกันด้วยความหงุดหงิดหลายประเด็น ชายชรามองไม่ขาด ด้วยด้อยความรู้ เรื่องสื่อ Google trends ที่มีพลังสูงยิ่งต่อคนรุ่นใหม่แต่ไม่รู้ว่า ต้องใช้เงินมหาศาล ที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม ในระบบการเลือกตั้งแบบไทยๆ และปัญญาชน ที่อยู่บนหอคอยงาช้าง แต่ไม่ลงสู่พื้นที่จริงในสนามเลือกตั้ง ก็มองแบบขี่ม้าชมเมือง
ล่องลอย นี่คือ ข้อด้อยข้ออ่อนของสังคมไทย ที่มิใช่วงชาวบ้าน แต่รวมทั้งปัญญาชนมีระดับ นักการเมือง ที่มองแค่ตัวเองฟังแล้วเห็นแล้ว ก็ได้รู้ว่า “เส้นทางเดินสู่ประชาธิปไตยไทย”
มันเขยิบออกห่างไปเรื่อยๆ
3.เดือนเมษา - พฤษภา’62 : จิตอาสายิ้มรับนานาจิต ชีวิตเดินไปตามความคิด ผิดถูกผลกรรมก่อจ่อทุกคน
l คือ ไม่ว่า เราแต่ละคน จะคิด จะทำอะไร ดี ไม่ดี ผลที่เกิดขึ้นโดยภาพรวม จะกระทบกลับมาถึงตัวเราฝ่ายดีจะแพ้ฝ่ายไม่ดีฤา ทั้งที่มีรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ฝ่ายดียึดมั่น แต่ฝ่ายไม่ดีไม่ยอมรับกติกาสูงสุด
l “ชักเย่อ” ระหว่าง : “ความดี vs ความชั่ว”ใครจะชนะ : “คนดี” วานตอบ
uฝ่ายความดี : ที่ไม่เป็นเอกภาพ เพราะแต่ละคน คิดว่า ตัวเองทำดี จะทำอะไรก็ได้จะร่วมมือกัน หรือ อาจจะแยกตัวออกไป นั่งเป็นฝ่ายอิสระ ก็แล้วแต่ใจคิดคิดถึงอะไร อะไรมาก่อน “ตัวเอง กลุ่ม พรรค ของตน” กับ “บ้านเมือง”
uฝ่ายความชั่ว มักเป็นเอกภาพ เพราะ “ทำตามคำสั่ง” และ “มีผลประโยชน์ร่วมกัน” ฝ่ายนี้มักใช้ “วาทกรรม” เรียกตัวเองว่า “เป็นฝ่ายประชาธิปไตย” ทั้งที่โกงกิน ใช้อำนาจมิชอบบางที เพื่อให้ทำตามคำสั่งของเจ้าของ ก็จะใช้วิธี “ให้เซ็นชื่อใบลาออกล่วงหน้า” กันเบี้ยว ซึ่งมิใช่ หลักการแห่งความเป็นอิสระ และเคารพตนเองอย่างที่ “เฒ่าดูไบ ป้าหน่อย ลุงอ้วน พี่ธร” กล่าวอ้าง
4.ระหว่างนี้ “การแสดงบทบาทและการคลี่คลายของสถานการณ์” ที่มีทั้ง “ปัจจัยที่เป็นบวก และเป็นลบ”
l ปัจจัย กฎแห่งกรรม อ้อ กฎกติกาตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายต่างๆ โดย กกต. และศาล จะแสดงบทบาท
l การใช้อำนาจรัฐ ตามครรลองแห่งกฎหมาย หรือใช้อำนาจทุน สื่อ มวลชนฯ ของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
l อ้อ แล้วยังมี บทบาทขององค์กรระหว่างประเทศ ที่เข้าแทรกแซงประเทศไทย ยังคงมีบทบาทไม่น้อย
l แต่ละฝ่าย มีความเหนือกว่า และด้อยกว่า ในบางเรื่อง และบางประเด็น
l การแพ้ การชนะ จึงมิใช่จะเกิดขึ้นทันที หรือ ฉับพลัน
l หลายเรื่อง บางฝ่ายกุมได้ บางเรื่องอีกฝ่ายกุมไม่ได้ มีทั้งรับและรุก ตามจังหวะของกำลังแต่ละฝ่าย
l หาก เป็น “มวย” คงมิใช่มีการ “น็อกเอาท์” แต่ อาจจะมี “การแพ้ฟาวล์” จากการผิดพลาดใหญ่เล็ก
l แต่สถานการณ์ความขัดแย้งทางความคิด การแตกแยก ยังคงมีมากมายในสังคมนี้
l เพราะ “ขาดการเอาจริง” : เพราะ “ขาดรัฐบุรุษ” ที่ต้องใช้อำนาจเป็นธรรม มาส่งเสริมคนดี ขจัดคนไม่ดี
l บทสรุป “ความรุนแรงใหญ่ในสังคมยังซ่อนตัวอยู่ใต้ที่นอน” ยังไม่มีพลังจะดัน “ฟูก” ออกมาได้ แต่ควรที่ผู้นำที่มีคุณธรรม ควรใช้ความกล้าหาญเสียสละ เข้ามาจัดการ ถอดหรือขจัด “ตัวร้าย” ออกไป เพราะหากปล่อยให้เชื้อ ระบบทุนสามานย์ มีพลังแก่กล้า เหตุแห่งความรุนแรงใหญ่ จักเกิดขึ้นได้เสมอ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี