ระเบียบพิธีปฏิบัติทางการทูตเป็นแนวปฏิบัติเพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่น เรียบร้อย และลงตัว เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สาธารณะสูงสุดของทวิภาคี ระเบียบพิธีและมารยาททางการทูตเป็นระเบียบที่ถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดี แต่หากเกิดการละเมิดระเบียบพิธีทางการทูตขึ้นมาแล้ว ก็อาจจะนำไปสู่วิกฤตการณ์ในความสัมพันธ์ทวิภาคีได้ เพราะการละเมิดระเบียบพิธีทางการทูตก็เท่ากับเป็นการจงใจดูหมิ่น เหยียดหยามเกียรติยศและศักดิ์ศรีของประเทศคู่เจรจา รวมถึงยังเป็นการจงใจก้าวก่ายกิจการภายในของประเทศอีกด้วย
จากกรณีที่มีเจ้าหน้าที่สถานทูตของประเทศตะวันตก อาทิ กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป และจากประเทศสหรัฐอเมริกา และเจ้าหน้าที่จากองค์การระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ เข้าไปติดตามคดีที่ทางการไทยดำเนินต่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่สถานีตำรวจปทุมวัน เมื่อวันที่6 เมษายน 2562 การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่สถานทูตและองค์การระหว่างประเทศถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างคนไทยกับทางการไทย
อย่างไรก็ตาม แม้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล จะบอกว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตไม่ได้เข้าไปรับฟังการสอบปากคำโดยตำรวจ หรือการให้ปากคำของผู้ถูกกล่าวหาก็ตาม แต่การที่มีเจ้าหน้าที่สถานทูตเข้าไปติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดมากจนเกินเหตุ จึงเป็นเรื่องที่น่าจะเข้าข่ายการแทรกแซงกิจการภายในของไทยอย่างเห็นได้ชัด และน่าจะเข้าข่ายเข้ามาวุ่นวายก้าวก่ายกับกระบวนการยุติธรรมของไทย
ส่วนข้ออ้างจากเจ้าหน้าที่สถานทูตตะวันตกที่บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับปัญหาความเป็นประชาธิปไตยของไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ตะวันตกให้ความสนใจ ข้ออ้างดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นการอ้างราวกับว่าประเทศตะวันตกมีอำนาจอธิปไตยเหนือประเทศไทย หรือราวกับว่าไทยเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้กับประเทศตะวันตกไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไทยยังมีเอกราชโดยสมบูรณ์ ดังนั้นพฤติกรรมอันไม่สมควรของเจ้าหน้าที่ทางการทูตตะวันตกที่แสดงออกในครั้งนี้จึงถือได้ว่าไร้มารยาททางการทูตอย่างที่สุด
ไม่มีใครห้ามเจ้าหน้าที่สถานทูตตะวันตกให้ความสนใจคดีความดังกล่าว และไม่มีใครห้ามเจ้าหน้าที่สถานทูตตะวันตกติดตามคดีของนายธนาธร แต่เจ้าหน้าที่สถานทูตก็ต้องสำเหนียกตัวเองตลอดเวลาว่าการเข้าไปสอบถามเรื่องราวนี้โดยตรงกับตำรวจไทย ถือเป็นการเสียมารยาททางการทูตอย่างร้ายแรง
มีคำถามจากคนไทยจำนวนมากว่า หากเจ้าหน้าที่ทางการทูตของไทยจะอ้างเช่นเดียวกับที่เจ้าหน้าที่การทูตตะวันตกอ้าง แล้วขอเข้าไปติดตามเรื่องราวหรือคดีอาญาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศตะวันตกบ้าง ทางการของประเทศตะวันตกจะอนุญาตหรือไม่ หรือหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลตะวันตกเชิญเจ้าหน้าที่การทูตของไทยเข้าไปติดตามคดีที่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลกำลังเกิดข้อพิพาทกับรัฐบาลบ้าง รัฐบาลตะวันตกจะยินยอมให้เจ้าหน้าที่การทูตของไทยเข้าไปอยู่ร่วมในการพิจารณาคดีหรือไม่
ขอเน้นว่ามารยาททางการทูตเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักการทูตที่ให้เกียรติกับประเทศที่ตนเองเข้าไปทำภารกิจ แต่ถ้าหากเจ้าหน้าที่ทางการทูตไร้มารยาทเสียแล้ว ก็อย่าได้คาดหวังว่าประชาชนในประเทศที่ถูกเจ้าหน้าที่การทูตก้าวก่ายจะต้องให้เกียรติกับเจ้าหน้าที่การทูตของประเทศนั้นๆ อีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี