ความสำคัญอย่างหนึ่งของความเป็นมนุษย์คือการมีรากเหง้าและมีความเป็นมา โดยเฉพาะรากเหง้าที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองอันเนื่องมาจากการสร้างสรรค์โดยสติปัญญาของมนุษยชาติ
มนุษย์ที่เจริญแล้วจึงมีพิธีกรรมต่างๆ มากมาย โดยแบ่งเป็นพิธีกรรมในกาลเทศะต่างๆ นานา ตามแต่ละช่วงสำคัญของชีวิต ซึ่งแต่ละพิธีกรรมก็จะแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญา ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และความวิจิตรงดงามตามแนวทางการดำเนินชีวิตอันดีงามของมนุษย์
สำหรับการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 คือความภาคภูมิใจประการสำคัญของคนไทยทั้งแผ่นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่คนไทยได้เห็นถึงขั้นตอนต่างๆ ของพระราชพิธีโดยละเอียด และได้เห็นเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ คือเครื่องหมายสำคัญของการดำรงพระราชสถานะพระเจ้าแผ่นดิน หรือพระราชาธิบดี อันประกอบด้วย พระมหาพิชัยมงกุฎ พระแสงขรรค์ชัยศรี ธารพระกร วาลวิชนี และพระแส้หางจามรี และฉลองพระบาทเชิงงอน
เครื่องราชกกุธภัณฑ์แต่ละองค์มีนัยสำคัญบ่งบอกไว้ดังนี้ พระมหาพิชัยมงกุฎ เป็นของสูงเปรียบเสมือนยอดพระวิมานของพระอินทร์และมหาเทพ ความหนักของพระมหาพิชัยมงกุฎ คือเครื่องบ่งบอกถึงพระราชภารกิจอันใหญ่หลวงของแผ่นดินที่พระเจ้าแผ่นดินต้องทรงแบกรับไว้ เช่น ต้องทรงแบกรับความทุกข์ ความโศกทั้งปวงอันจะบังเกิดต่อแผ่นดิน และพสกนิกรของพระองค์
พระแสงขรรค์ชัยศรี พระราชศาสตราวุธประจำองค์พระมหากษัตริย์ เปรียบเสมือนพระปัญญาที่ทรงใช้ในการปกครองบ้านเมือง และทรงตัดสินพระทัยเพื่อแก้ปัญหาของบ้านเมืองด้วยความเที่ยงตรง พระแสงขรรค์ชัยศรี ถือเป็นสัญลักษณ์แสดงการมีพระราชอำนาจอาญาสิทธิ์ในการปกครองแผ่นดิน และจะทรงขจัดอริราชศัตรูของแผ่นดินให้สิ้นไปด้วยพระบรมเดชานุภาพ
ธารพระกร แสดงนัยว่าพระมหากษัตริย์ทรงครองราชย์โดยธรรม โดยพระปรีชาญาณ ทรงมีหลักเกณฑ์ในการปกครองบ้านเมือง เพื่อให้บ้านเมืองเจริญมั่นคง
วาลวิชนีและพระแส้หางจามรี เป็นเครื่องแสดงถึงพระราชภารกิจของพระมหากษัตริย์ที่ทรงคอยปัดเป่าความทุกข์ ความโศกทั้งปวงของพสกนิกร และทรงทำนุบำรุงความสุข ความเจริญให้อาณาประชาราษฎร์มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข
ฉลองพระบาทเชิงงอน หมายถึง ผืนแผ่นดินอันเป็นที่รองรับเขาพระสุเมรุ ผืนแผ่นดินเป็นที่อาศัยของอาณาประชาราษฎร์ทั้งหลายทั่วแว่นแคว้นขอบขัณฑสีมา ทุกเขตแดนที่เสด็จพระราชดำเนินไปจะมีแต่ความสุขความเจริญ
นอกจากนั้น ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 จะแสดงให้คนไทยและประชาคมโลกยังได้เห็นถึงขั้นตอนต่างๆ ของพระราชพิธีตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นจนกระทั่งถึงช่วงสิ้นสุดพระราชพิธี
พระราชพิธีสำคัญอีกประการคือพระราชพิธีมุรธาภิเษก โดยสรงน้ำแบบสหัสธารา โดยใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำสำคัญ 5 สาย คือ เจ้าพระยา บางปะกง ป่าสัก ราชบุรี และเพชรบุรี โดยเจาะจงแหล่งตักน้ำจากที่เฉพาะเท่านั้น และยังใช้น้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อีก 4 แห่ง จากจังหวัดสุพรรณบุรี คือ สระแก้ว สระเกตุ สระคา และสระยมุนา โดยพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้กระทำพร้อมกันในวันที่ 6 เมษายน 2562
นอกจากนี้ยังมีพิธีเตรียมน้ำอภิเษก คือน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น 107 แห่ง จาก 76 จังหวัดของไทย และน้ำศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งจากหอศาสตราคม ในพระบรมมหาราชวัง รวมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด 108 แห่ง โดยเมื่อวันที่18-19 เมษายน 2562 ได้มีพิธีเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดไปไว้ ณ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย แล้วจากนั้นจึงเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปใช้ในพระราชพิธี ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เมื่อวันที่4 พฤษภาคม 2562 ซึ่งพระราชพิธีนี้ถือเป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกช่วงกลางอันสำคัญที่สุด คือพระราชพิธีสรงน้ำมุรธาภิเษก จากนั้นทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เต็มยศ แล้วเสด็จไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ประทับบนพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์เพื่อสรงน้ำอภิเษกบนพระหัตถ์ จากนั้นเสด็จไปประทับพระที่นั่งภัทรบิฐ พราหมณ์ทูลเกล้าฯ ถวายพระสุพรรณบัฏจารึกพระปรมาภิไธย ถวายสร้อยสังวาล ถวายเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ แล้วถวายพระอาวุธสำคัญของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เช่น พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง พระแสงดาบคาบค่าย และพระแสงของ้าว หรือพระแสงแสนพลพ่าย เมื่อทูลเกล้าฯ ถวายแล้วจึงถือได้ว่าเป็นการเสร็จสิ้นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในช่วงกลาง จากนั้นจะทรงมีพระปฐมบรมราชโองการต่อไป
สำหรับพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 คือ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
ส่วนพระราชพิธีสำคัญที่พสกนิกรไทยต่างรอเฝ้าชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ คือ พระราชพิธีเสด็จฯเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารควันที่ 5 พฤษภาคม 2562 รวมถึงพระราชพิธีแสดงออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ในวันที่6 พฤษภาคม 2562
ส่วนในช่วงปลายพระราชพิธีบรมราชาภิเษกคือพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค โดยมีขบวนเรือทั้งหมด 52 ลำ ในช่วงปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562
นี่คือส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของรากเหง้าของประเทศไทย ที่ประชาชนไทยทุกคนต่างภาคภูมิใจที่ได้เกิดบนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ขอย้ำว่าความภาคภูมิใจเช่นนี้จะไม่มีวันบังเกิดขึ้นกับคนที่ไร้รากเหง้า ไร้ความเป็นมาเป็นอันขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี