เวลาเราพูดถึงสังคมประชาธิปไตยในแง่ของการเป็นแบบอย่างหรือความก้าวหน้ากันทีไร เราก็มักจะคิดไปถึงประเทศในทวีปยุโรป และทวีปอเมริกาเหนือเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ดี ยังมีพวกเราบางคนบางกลุ่ม ที่คิดต่อยอดไปอีกขั้นหนึ่งว่า เราไม่ควรไปทำตาม เดินตามแนวทางตะวันตก หรือแม้กระทั่ง อย่าไปใส่ใจสนใจ หรือแคร์ประชาธิปไตยเลย เพราะไทยเราควรจะเป็นตัวของตัวเอง หรือถ้าจะเป็น ก็เป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ นี่แหละ ไม่ว่าจะเป็น ให้ผู้เขียนกติกาเลือกตั้งสามารถลงมาเล่นการเมืองต่อได้ทันที หรือการมุ่ง
ให้อำนาจกระจุกตัวอยู่ที่ส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) ไม่ต้องไปกระจายอำนาจ หรือมีข้ออ้างว่าด้วยการมีเสถียรภาพของรัฐ (บาล) นั้นอยู่เหนือสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกโดยสันติวิธี
ไอ้การที่ไม่อยากจะคิดทำแบบฝรั่ง หรือไม่อยากจะไปตามก้นพวกตะวันตก ก็พอจะเข้าใจ พออะลุ้มอล่วยกันได้ แต่ก็อย่าลืมเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับประเทศในเอเชียแปซิฟิกด้วยกันด้วย โดยเฉพาะที่เขาก้าวหน้ากันทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจกันอย่างมั่นคง
เพราะเมื่อว่าด้วยการเป็นสังคมประชาธิปไตยแล้ว เพื่อนบ้านเหล่านี้ เขาเดินหน้าไปเป็นประชาธิปไตยกันอย่างเข้มแข็งและมุ่งมั่น โดยเขามิได้ไปเสียเวลาตั้งข้อกังขาในเรื่องที่ไปที่มาของความคิดหรืออุดมการณ์เกี่ยวกับประชาธิปไตย ว่ามาจากตะวันตก หรือจากไหน แต่เขาต่างเห็นว่าการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้นดีกับตัวเขา ดีกับสังคมและประเทศของเขา เขาก็เลยรับมาพิจารณา และปรับใช้ ก็เท่านั้น
และเมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้มีผลประเมินชี้วัดว่าด้วยการเป็นสังคมประชาธิปไตยของประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Democracy Index) ซึ่งปรากฏว่า ราชอาณาจักรไทยได้ลำดับที่ 20 จากทั้งหมด 28 ประเทศ ซึ่งหากเรามั่นใจว่าประเทศไทยเป็นชาติที่มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอันสูงส่งจริง เราก็คงไม่น่าจะภูมิอกภูมิใจต่อการที่ประเทศของเรานั้นล้าหลังในเรื่องสิทธิเสรีภาพ และการอยู่ร่วมกันภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อย่างผลที่แสดงออกมา
อย่างไรก็ดี การสำรวจและประเมินผลครั้งนี้ ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งทั่วไปของไทย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการกลับมาของการเป็นสังคมประชาธิปไตยอีกครั้ง ตำแหน่ง 20 ที่ได้มาในครั้งนี้ ก็พออนุโลมได้ว่า มันมีสาเหตุมาจากการเป็นสังคมเผด็จการทหารมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ก็ได้แต่หวังว่า สำรวจกันในครั้งหน้า ตำแหน่งของไทยเราจะกระโดดไปอยู่บนๆ กับเขาบ้าง
ในวันนี้ ฟ้าได้เปิดกว้าง แผ่นดินก็ควรจะถูกปกครองด้วย “ธรรม” ซึ่งถ้าทุกหมู่เหล่าร่วมแรงร่วมใจกัน มีความเป็นหนึ่งเดียวกันในการมุ่งทำแต่เรื่องที่ดีงาม ก็คงไม่มีอะไรที่จะมาขวางกั้นความเจริญก้าวหน้าของการเป็นสังคมประชาธิปไตยของไทยได้
ประชาชนพลเมืองก็คงจะพร้อมใจกันขับเคลื่อนประเทศ เพราะว่าทุกคนก็ย่อมจะอยากอยู่ในสังคมที่ทรงเกียรติ ที่สิทธิเสรีภาพเบิกบาน ที่ให้เกียรติและมีความเคารพต่อกันและกัน รู้สึกตระหนักซึ่งภาระหน้าที่ต่อส่วนรวม ไม่เบียดเบียน ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่ตักตวงของส่วนรวมไปเป็นของส่วนตัว
แม้ประชาชนพลเมืองมีความพร้อม และต้องการให้สังคมไทยสอบผ่านในเรื่องความเป็นประชาธิปไตยในอนาคต แต่ความกังวล และหวาดหวั่น ก็ยังคงมีอยู่ที่บรรดาพวกที่อาสาเข้ามารับใช้ชาติบ้านเมือง ว่าพวกกลุ่มนักการเมืองนั้นจะเดินหน้าไปกับหลักธรรม และจะไปด้วยกับประชาชนพลเมืองหรือไม่
เพราะที่ผ่านๆ มา ฝ่ายการเมืองนั้นเป็นผู้ได้รับ และผู้ใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย โดยผลลัพธ์จากการใช้อำนาจอธิปไตยไปในทางที่ไม่ค่อยเหมาะควร และก็ได้สร้างความหายนะต่อชาติบ้านเมืองอย่างมากมายมาโดยตลอด
ดังนั้น จึงน่าจะถึงเวลาแล้ว ที่ฝ่ายการเมืองจะต้องประพฤติด้วยชอบ ด้วยความซื่อสัตย์เสียที หากไม่กลับตัวกลับใจในวันนี้ ก็ดูจะเป็นการท้าทายกับหลักธรรม และคุณงามความดีของปวงชนชาวไทยกันอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม และจะไม่มีกองทัพให้ประณามหรือประชดประชันกันอีกแล้ว
การก้าวไปข้างหน้าภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติ ซึ่งเป็นความดีงามของสังคม ที่ผู้ใดจะบิดเบือนเสียมิได้
เมื่อสังคมไทยเราโดดเด่นในความเป็นประชาธิปไตยแล้ว เมื่อนั้นเราจึงจะพูดกันได้ว่า ประชาธิปไตยแบบนี้แหละ ที่เรียกว่าประชาธิปไตยแบบไทยๆ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี