ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ประชาชนชาวไทย 8.4 ล้านคน ได้แสดงเจตนารมณ์ออกมาว่าพวกเขาต้องการให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผลดังกล่าวอาจจะไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจประชาชนคนไทยที่นิยมชมชอบระบอบการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ในเมื่อพรรคการเมือง 19 พรรคที่มีพรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำรวมเสียง สส.ได้มากกว่าพรรคฝ่ายที่นิยมนายทักษิณ
ก็ต้องให้พลเอกประยุทธ์ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 อีกเป็นระยะเวลา 4 ปีซึ่งศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่องสมัยที่ 2 ของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 6-7 มิ.ย. จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ทั่วประเทศ กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษาและอาชีพทั่วประเทศ รวม 1,265 หน่วยตัวอย่าง
การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก Master Sample ของนิด้าโพลด้วยวิธีแบบแบ่งชั้นภูมิ Stratified Random Sampling โดยแบ่งชั้นภูมิตามภูมิภาค จากนั้นในแต่ละภูมิภาคสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีสุ่มตัวอย่างแบบง่าย Simple Random Sampling เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนด ค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 95.0
ผลการสำรวจเมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชน เมื่อสมาชิกรัฐสภาลงมติ 500 เสียง เลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 26.77 ระบุว่า ดีใจ เดินหน้าประเทศไทยต่อไปได้ รองลงมา ร้อยละ 25.50 ระบุว่า เฉยๆ ใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ร้อยละ 24.78 ระบุว่า ผิดหวัง ที่เศรษฐกิจของประเทศอาจต้องหยุดอยู่กับที่ไปอีกระยะหนึ่งแสดงว่าประชาชนกลุ่มนี้ไม่ชอบพลเอกประยุทธ์กลุ่มนี้อาจจะเป็นคนระดับรากหญ้าที่ยังนิยมระบอบทักษิณอยู่
อีกร้อยละ 15.06 ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เหมาะสม ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์ปัจจุบัน ร้อยละ 11.71 ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเหมาะสม ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์ปัจจุบัน ร้อยละ 10.52 ระบุว่า พอใจที่ประเทศชาติจะเกิดความสงบ ร้อยละ 7.09 ระบุว่า ดูเหมือนว่ารัฐธรรมนูญกำหนดผลไว้ล่วงหน้าแล้วว่าใครจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 6.29 ระบุว่า กลัวว่าประเทศไทยอาจจะเกิดความขัดแย้งมากขึ้น
อย่างไรก็ตามมีชาวไทยเป็นจำนวนมากให้ทัศนะว่าตัวเลือกบุคคลที่จะมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้นก็มองไม่เห็นเหมือนกันว่าจะมีใครที่จะมาทำหน้าที่ได้ดีกว่าพลเอกประยุทธ์เพราะหากได้บุคคลอื่นมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีจะได้รับความสนับสนุนได้มากเท่ากับพลเอกประยุทธ์เคยกระทำมาแล้วหรือไม่
ประการสำคัญนักการเมืองที่เป็นตัวเลือกเข้ามาแข่งขันกับพลเอกประยุทธ์ก็ไม่ปรากฏว่าได้เคยแสดงฝีมือในการทำงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่าเขาจะทำงานได้ดีเท่าหรือดีกว่าพลเอกประยุทธ์ด้วยเหตุนี้จึงได้เป็นที่มาของคำว่าผู้นำรัฐบาลต้องชื่อประยุทธ์เท่านั้นที่ประชาชนให้ความไว้ใจมากกว่าทุกๆ คน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี