แนวทางยุติข้อพิพาททางด่วน ระหว่างการทางพิเศษฯ และบีอีเอ็ม (BEM) ด้วยการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนให้บีอีเอ็มออกไปอีก 30 ปี แลกกับการยุติข้อพิพาทที่มีมูลค่าเรียกร้องเงินชดเชยรวมกว่า 1.3 แสนล้านบาทนั้น เป็นเรื่องที่สังคมพึงใส่ใจติดตามอย่างยิ่ง
เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสาธารณะ - ค่าโง่ – เงินรายได้แผ่นดิน - ทรัพย์สินที่เป็นสาธารณูปโภคที่สามารถหารายได้เสมือน “ห่านทองคำ” ต่อไปอีกหลายสิบปี
1. ตรวจสอบ พบว่า บรรดาข้อพิพาทที่การทางพิเศษฯ มีอยู่บีอีเอ็ม เอกชนคู่สัญญาสัมปทานนั้น มี 17 เรื่อง
เป็นกรณีที่ฝ่ายเอกชนเป็นผู้ยื่นเรียกร้องค่าเสียหาย หรือเตรียมยื่น จำนวน 14 เรื่อง
เป็นกรณีที่การทางพิเศษฯ เป็นฝ่ายยื่นเรียกร้อง จำนวน 3 เรื่อง
ทั้งหมดนี้ มีคำตัดสินชี้ขาดโดยศาลปกครองสูงสุดแล้วเพียงเรื่องเดียว คือ กรณีศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินให้การทางพิเศษฯ แพ้คดี และให้จ่ายเงินชดเชยให้บีอีเอ็ม 4,318 ล้านบาท สืบเนื่องจากมีการก่อสร้างทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ช่วงอนุสรณ์สถาน-รังสิต มาเป็นคู่แข่งขันกับทางด่วนปากเกร็ด-บางปะอิน
ที่เหลืออีก 16 เรื่อง ส่วนใหญ่อยู่ในขั้นอนุญาโตตุลาการ
บางเรื่อง ยังไม่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการด้วยซ้ำ
แต่มีการประเมินว่า มูลค่าเงินชดเชยที่การทางพิเศษฯ อาจจะต้องจ่ายเงินให้บีอีเอ็มนั้น รวมเป็นเงินถึง 137,515 ล้านบาท ขณะนี้ อยู่ในตอนพิจารณาว่า จะให้การทางพิเศษฯ ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนให้บีอีเอ็มออกไปอีก 30 ปี และกับการยุติข้อพิพาทต่อกันทั้งหมด หรือไม่?
2. ตรวจลึกลงไปในบรรดาข้อพิพาทที่บีอีเอ็มเรียกร้องค่าเสียหายหรือเงินชดเชยจากการทางพิเศษนั้น
พบว่า ส่วนใหญ่ เป็นประเด็นเกี่ยวกับการขึ้นค่าทางด่วน โดยบีอีเอ็มกล่าวหาการทางพิเศษฯว่าขึ้นค่าทางด่วนต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในสัญญา ทำให้เขาเสียหาย
โดยข้อพิพาททั้งหมด ล้วนเป็นเหตุจากการกระทำในช่วงก่อนปี 2557 ทั้งสิ้น
และส่วนใหญ่บีอีเอ็มได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อการทางพิเศษฯ ตั้งแต่ยุครัฐบาลเก่าก่อนมานาน เช่น
9 ก.ค. 2544 บีอีเอ็มยื่นคำเสนอข้อพิพาทให้การทางพิเศษฯ ชดเชยรายได้ จากการนับวันเปิดใช้งานทางด่วนขั้นที่ 2 ต่อมาศาลปกครองกลางตัดสินแล้ว (เมื่อ 13 ก.ย.2556) ให้การทางพิเศษฯจ่าย 5,021 ล้านบาท (ขณะนี้ยังอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด)
9 ธ.ค. 2552 บีอีเอ็มยื่นคำเสนอข้อพิพาทให้การทางพิเศษฯ ชดเชยเงินจากการออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงงานก่อสร้างทางพิเศษศรีรัชบางส่วน 382 ล้านบาท
11 พ.ค. 2551 บีอีเอ็มยื่นคำเสนอข้อพิพาทให้การทางพิเศษฯ ชดเชยค่าเสียหายจากการปรับอัตราค่าผ่านทางในปี 2546 สำหรับทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช 4,368 ล้านบาท
13 มิ.ย.2556 บีอีเอ็มยื่นคำเสนอข้อพิพาทให้การทางพิเศษฯ ชดเชยเงินค่าเสียหายจากการปรับค่าผ่านทางปี 2551 สำหรับทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช 9,091 ล้านบาท
24 ก.ค. 2551 บีอีเอ็มยื่นคำเสนอข้อพิพาทให้การทางพิเศษฯ ชดเชยเงินค่าเสียหาย จากการปรับอัตราค่าผ่านทางปี 2546 สำหรับทางพิเศษ ศรีรัช ส่วนD 1,048 ล้านบาท
28 มิ.ย.2556 บีอีเอ็มยื่นคำเสนอข้อพิพาทให้การทางพิเศษฯ ชดเชยเงินค่าเสียหาย จากการปรับอัตราค่าผ่านทางปี 2551 สำหรับทางพิเศษศรีรัช ส่วนD 4,062 ล้านบาท
16 ส.ค. 2561 บีอีเอ็มยื่นคำเสนอข้อพิพาทให้การทางพิเศษฯ ชดเชยเงินค่าเสียหาย จากการปรับอัตราค่าผ่านทางปี 2556 สำหรับทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช 14,662 ล้านบาท
21 ส.ค. 2561 บีอีเอ็มยื่นคำเสนอข้อพิพาทให้การทางพิเศษฯ ชดเชยเงินค่าเสียหาย จากการปรับอัตราค่าผ่านทางปี 2556 สำหรับทางพิเศษศรีรัช ส่วน D 6,936 ล้านบาท ฯลฯ
3. พูดง่ายๆ ว่า ถ้าจะเป็นค่าโง่ ก็เกิดจากการกระทำในยุคก่อนปี 2557 ทั้งหมด
แต่ทั้งหมดนั้น มีเพียงเรื่องเดียวที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำตัดสินแล้ว
ดังนั้น หากรัฐบาลปัจจุบัน หรือรัฐบาลที่กำลังจะตั้งขึ้นมาใหม่ ไปยอมรับทั้งหมด ก็จะกลายเป็นว่า เป็น “ค่าโง่” ที่เกิดขึ้นในยุคนี้ ไปโดยปริยาย
4. ขอแนะนำให้คนในรัฐบาลพิจารณาข้อคิดความเห็นของ สส. พรรคประชาธิปัตย์ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ เรื่อง “อนิจจา!!! ต่อสัญญาทางด่วน 30 ปี คิดดีแล้วหรือ?” ได้เสนอแนะอย่างตรงไปตรงมา น่าจะเป็นธรรมกับทั้งการทางพิเศษฯ บีอีเอ็ม และประเทศชาติส่วนรวม
ขออนุญาตสรุปบางตอนว่า
“...บีอีเอ็มได้ร่วมทำงานกับการพิเศษฯ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2531 เป็นต้นมา ปรากฏว่ามีข้อพิพาทเกิดขึ้นถึง 17 ข้อพิพาท...ข้อพิพาทดังกล่าวข้างต้น มีเพียงข้อพิพาทเดียวเท่านั้นที่ได้ข้อยุติแล้ว โดยศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินให้การทางพิเศษฯ แพ้คดีและให้จ่ายเงินชดเชยให้บีอีเอ็มเป็นจำนวน 4,318.4 ล้านบาท สืบเนื่องจากมีการก่อสร้างทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ช่วงอนุสรณ์สถาน-รังสิตมาเป็นคู่แข่งขันกับทางด่วนปากเกร็ด-บางปะอิน...
มีการประเมินโดยผู้เกี่ยวข้องในการทางพิเศษฯ ว่าในจำนวนข้อพิพาทที่เหลือ 16 ข้อพิพาท มีเพียง 2 ข้อพิพาทเท่านั้นที่การทางพิเศษฯ จะชนะคดี ที่เหลืออีก 14 ข้อพิพาท การทางพิเศษฯ จะแพ้ทั้งหมด ทำให้การทางพิเศษฯ จะต้องจ่ายเงินชดเชยให้บีอีเอ็มเพิ่มขึ้นอีก 133,197.2 ล้านบาท รวมเป็น 137,515.6 ล้านบาท ต่อมามีการเจรจาต่อรองทำให้เงินชดเชยลดลงเหลือ 64,953 ล้านบาท หรือลดลงถึง 53%
หากการทางพิเศษฯ ไม่ต้องการจ่ายเงินชดเชยให้บีอีเอ็ม การทางพิเศษฯ จะต้องขยายเวลาสัมปทานให้บีอีเอ็มแทน ซึ่งจะต้องขยายให้ถึง 37 ปี มาถึงเวลานี้ลดลงเหลือ 30 ปี โดยอ้างว่าบีอีเอ็มยอมลดเงินชดเชยให้อีก ทำให้เหลือเงินชดเชย 59,853 ล้านบาท
ข้อสังเกตที่เกิดขึ้นก็คือ เงินชดเชยทั้งหมด 59,853 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินชดเชยที่การทางพิเศษฯ แพ้คดีแน่นอนแล้วเพียง 4,318.4 ล้านบาทเท่านั้น ที่เหลือเป็นการคาดการณ์ว่าการทางพิเศษฯ จะแพ้คดีเกือบทั้งหมด หากไม่เป็นไปตามคาดการณ์หรือการทางพิเศษฯ ชนะคดีเพิ่มขึ้น การต่อสัญญาให้บีอีเอ็มเป็นเวลาถึง 30 ปี จะทำให้การทางพิเศษฯ เสียเปรียบอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงขอเสนอแนะดังนี้
1. พิจารณาต่อสัญญาให้บีอีเอ็มเฉพาะข้อพิพาทที่การทางพิเศษฯ แพ้คดีแล้ว เนื่องจากมีการต่อขยายทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ทำให้ทางด่วนปากเกร็ด-บางปะอิน มีคู่แข่งขัน ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินให้การทางพิเศษฯ จ่ายเงินชดเชยจำนวน 4,318.4 ล้านบาท ดังนั้น การทางพิเศษฯ จึงควรพิจารณาต่อสัญญาเฉพาะทางด่วนปากเกร็ด-บางปะอิน เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมกับเงินชดเชยจำนวน 4,318.4 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่ 30 ปี อย่างแน่นอน
2. ข้อพิพาทที่เหลือควรรอให้ศาลปกครองสูงสุดตัดสินก่อน แล้วจึงมาพิจารณาว่าจะต่อสัญญาทางด่วนสายใด เป็นเวลานานเท่าไหร่ให้บีอีเอ็ม ไม่ควรใช้วิธีเหมาเข่งต่อสัญญาก่อนศาลปกครองสูงสุดตัดสิน
ทั้งหมดนี้ ผมต้องการให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งการทางพิเศษฯ และบีอีเอ็ม
เรื่องนี้จึงต้องติดตามดูว่าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2562 จะมีมติให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาเรื่องนี้หรือไม่”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี