ความเป็นประชาธิปไตยของประเทศหนึ่งใด โดยเฉพาะในระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน (Representative Democracy) นั้น จะต้องมีบรรดาพรรคการเมืองเป็นกลไกอันสำคัญยิ่ง และต้องอยู่บนหลักการที่พรรคการเมืองต่างๆ ทำการแข่งขันกันเพื่อเข้าไปเป็นรัฐบาล และทำการบริหารประเทศชาติบ้านเมือง อันเป็นพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย
ฉะนั้น เมื่อประเทศไทยประกาศตัวว่าเป็นสังคมประชาธิปไตย ผู้ใด องค์กรใด ที่จะอาสาเข้ามารับใช้ชาติบ้านเมือง มาเป็นผู้บริหารประเทศนั้น ผู้นั้น องค์กรนั้น ก็จะต้องเคารพต่อหลักการแห่งประชาธิปไตย โดยมีความเป็นประชาธิปไตย ทั้งในความรู้สึกนึกคิด ในจิตในใจ ในจิตสำนึก และในการปฏิบัติ ทั้งในที่แจ้งและไม่แจ้ง
ในการที่พรรคการเมืองเป็นฐานหลักของสังคมประชาธิปไตย ส่งผลให้พรรคการเมืองทุกพรรค จะต้องมีการบริหารจัดการภายในที่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งหมายถึงการที่พรรคการเมืองนั้นมีสมาชิกพรรคร่วมเป็นเจ้าของ ร่วมกันตัดสินใจ เป็นสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติขั้นพื้นฐาน
หากจะถามว่าพรรคการเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตยนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ก็สามารถจะยกตัวอย่างพรรคการเมืองต่างๆ ของอังกฤษ โดยเฉพาะพรรคอนุรักษ์นิยม/คอนเซอร์เวทีฟ (The Conservatives) ที่กำลังมีการแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ (ต่อจาก นางเทเรซา เมย์ - Theresa May ที่ได้ลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว)
พฤติกรรมที่สะท้อนความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคคอนเซอร์เวทีฟอังกฤษออกมาให้สังคมได้รับรู้ก็คือ
1) การเปิดรับสมัครจากบรรดา สส. โดยไม่มีข้อจำกัด (ไม่มีใบสั่ง)
2) การให้เพื่อนสมาชิก สส. พรรคด้วยกัน ลงคะแนนคัดเลือกบรรดาผู้สมัคร 3 ครั้ง หรือ 3 รอบ โดยผู้สมัครที่ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากเพื่อนสมาชิกด้วยกันในระดับคะแนนจำนวนหนึ่งจะต้องออกจากการแข่งขันไป
3) กฎเกณฑ์พรรคระบุว่า ในที่สุด จะเหลือผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้เหลือแค่ 2 คนเท่านั้น
4) ผู้ลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคจากผู้ท้าชิง 2 คน ก็คือ สมาชิกทั้งหมด 180,000 คน โดยเป็นการลงคะแนนผ่านระบบไปรษณีย์
ขั้นตอนของพรรคคอนเซอร์เวทีฟ สะท้อนการแข่งขันที่เป็นระบบเปิด มีการโต้วาทีแสดงจุดยืนความคิดเห็น มีการจัดการ คัดกรองแบบแพ้คัดออก และไปสิ้นสุดที่สมาชิกพรรคทั้ง 180,000 คน สะท้อนการมีส่วนร่วม สะท้อนการร่วมเป็นเจ้าของพรรค ผ่านทางการใช้เสียงข้างมากของสมาชิกพรรคเป็นตัวตัดสินตำแหน่งหัวหน้าพรรค
เมื่อมองกลับมาบนเวทีการเมืองไทย ก็พบว่า ยังไม่มีพรรคใดเลย ที่มีการจัดการลงคะแนนเลือกตัวหัวหน้าพรรคโดยตรงของสมาชิกพรรคทั้งหมด ฉะนั้น อาจจะกล่าวได้ว่า พรรคการเมืองไทยนั้นยังมิได้ยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตยแห่งการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
นั่นจึงส่งผลให้ พรรคการเมืองไทยไม่พร้อม และไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเล่นบทบาทประชาธิปไตยในเวทีการเมืองในรัฐสภา และในคณะรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ได้อย่างน่าเคารพเชื่อถือ เพราะแม้แต่หัวหน้าพรรค ผู้ที่จะนำในการผลักดันนโยบายพรรค ไปเป็นนโยบายบริหารประเทศ ก็ยังคงเป็นไปในลักษณะเจ้าของพรรค นายทุนพรรค หรือหากมีการเลือก ก็เป็นการเลือกกันเองในกรรมการพรรค ซึ่งรู้จักมักจี่กันมา เป็นคนคุ้นเคยกันมา ซึ่งบ่อยครั้งก็มิได้สะท้อนความต้องการของสมาชิกพรรคอย่างแท้จริง
นี่ยังไม่รวมเรื่องอุดมการณ์ และจุดยืน ยังไม่ไปถึงขั้นของพรรคการเมืองในยุโรป เช่นที่ อิตาลี ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมถึงขั้นที่สมาชิกพรรค สามารถร่วมยกร่างนโยบายพรรคได้อีกด้วย ซึ่งเป็นประชาธิปไตยของการมีส่วนร่วมภายในพรรคอย่างเข้มข้น
อย่างไรก็ดี การที่พรรคการเมืองไทยจะสามารถปฏิรูปตนเองจนเป็นประชาธิปไตยแห่งการมีส่วนร่วม ก็คงต้องใช้เวลาพอสมควร เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เพราะจะมีกระบวนการปิดกั้น ขัดขวาง จากกลุ่มที่ทำตนเป็นเจ้าของพรรค หรือกลุ่มอิทธิพลที่ครอบงำพรรคอยู่
ซึ่งการผลักดันดังกล่าว ก็เป็นภาระหน้าที่ ที่สมาชิกพรรคนั้นๆ จะต้องรวมตัว แสดงพลังกันอย่างชัดเจน เพื่อที่จะปลดแอกพรรคออกจากบรรดานายทุนเจ้าของพรรค จะมัวรอให้คนเหล่านี้ปฏิวัติ ปฏิรูปตนเอง ก็คงเป็นไปได้ยาก
ทางออกอีกทางหนึ่ง ก็คือการเปิดสนามการเมืองให้กว้าง และมีความเสรีมากขึ้น นั่นคือการอนุญาตให้มีการสมัครชิงตำแหน่งสมาชิกสภาแบบอิสระ การเปิดให้มีการรวมกลุ่มการเมือง โดยไม่ต้องเป็นการจัดตั้งเป็นพรรค แต่ก็ร่วมส่งผู้สมัครเลือกตั้งได้ ซึ่งประเทศประชาธิปไตยส่วนใหญ่เขาก็เปิดให้มีผู้สมัครอิสระได้ ความเป็นประชาธิปไตยก็กว้างขึ้น การมีส่วนร่วมก็ดีขึ้น เพราะไม่ต้องพึ่งพาพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว หรือขจัดการผูกขาดทางการเมือง โดยบรรดาพรรคการเมือง
นอกจากนั้น การให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับความเป็นประชาธิปไตยให้กับสาธารณชน และสมาชิกพรรคการเมือง ก็สามารถทำกันได้เลย ไม่ต้องรอการแก้กฎหมายต่างๆ เพียงแต่ว่า ทางแวดวงวิชาการ ทางสื่อ ทางนักขับเคลื่อน จะต้องร่วมเป็นธุระด้วยความมุ่งมั่น มีความจริงจัง และจริงใจ ก็ทราบกันว่าคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ก็กำลังดำเนินการในเรื่องนี้ รวมทั้งการเสริมสร้างเครือข่ายกับบุคคล และองค์กรที่มีเป้าหมาย มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกันด้วย ก็หวังว่าภาคประชาชนเหล่านี้จะได้ประสบผลสำเร็จในการให้ความรู้ และขับเคลื่อนให้พรรคการเมืองมีความเป็นประชาธิปไตยในพรรค
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี