นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Piyabutr Saengkanokkul
เนื้อหายืนยันอีกครั้งว่าจะต้องแก้รัฐธรรมนูญ
ก่อนหน้านี้ จุดยืนและแนวทางของพรรคอนาคตใหม่และพรรคฝ่ายค้านถูกวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามว่า ทำไมไม่โฟกัสที่การติดตามการแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้านก่อน แทนที่จะมุ่งแก้รัฐธรรมนูญเล่นซึ่งอาจนำความขัดแย้งกลับมา แล้วจะซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ
คราวนี้ นายปิยบุตรจึงแก้เกี้ยวว่า แก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทำได้พร้อมกัน
“รัฐธรรมนูญที่ดีจะทำให้การแก้ไขปากท้องสำเร็จด้วย”
1. นี่คือการแก้เกี้ยว เลี่ยงบาลี ศรีธนญชัย
ถ้าจะตอบให้ตรงประเด็น นายปิยบุตรต้องชี้แจงว่า ถ้าทุกฝ่ายมุ่งมั่นจะร่วมมือกันให้เกิดการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องจริงๆ ไม่ตีรวน ไม่ดึงเกม ไม่ปลุกระดม และเดินหน้าตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน มันจะทำให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จอย่างไร?
ถ้าอ้างว่าเสียงปริ่มน้ำ รัฐบาลจะล้ม ทำให้รัฐบาลทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่แนวทางที่นายปิยบุตรและพวกทำอยู่ ก็มีแต่เร่งจะให้มีการล้มรัฐบาล
เพื่อว่าฝ่ายพวกตัวเองจะได้เป็นรัฐบาลแทน
แค่นั้นเอง
2. ตรงกันข้าม ถ้าติดตามการทำงานของรัฐบาล สนับสนุนให้เดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศ ตามรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ ซึ่งจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ของประชาชน และความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในหลายมิติ โดยติดตามกำกับตรวจสอบมิให้เกิดการทุจริตโกงกิน
มิใช่เล่นเกม เตะตัดขาทางการเมืองกันไป-มา
นั่นต่างหาก จะสนับสนุนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
3. เอาง่ายๆ เรื่องใกล้ตัวชาวบ้าน ก็คือการสนับสนุนงบและการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ฝ่ายต่อต้าน คสช. พยายามบิดเบือนโจมตีมาตลอดว่า รัฐบาล คสช.จะล้มเลิกโครงการนี้
แต่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน รัฐบาล คสช. มีแต่เพิ่มงบประมาณให้ทุกปี
งบเหมาจ่ายรายหัวเพิ่มทุกปี
สิทธิประโยชน์ต่างด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นทุกปี
รัฐธรรมนูญไม่ใช่อุปสรรคอะไรเลย
ล่าสุด งบประมาณปี 2563 รัฐบาล คสช. อนุมัติงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
3.1 งบบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว จำนวน 1.74 แสนล้านบาท ครอบคลุมค่าใช้จ่ายหน่วยบริการในส่วนเงินเดือน ค่าตอบแทนบุคลากรและค่าบริการสาธารณสุขในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่สำหรับประชาชนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) จำนวน 48.26 ล้านคน
คิดเป็นอัตราเหมาจ่ายรายหัว 3,600 บาทต่อประชากร
เพิ่มขึ้นจากปี 2562 เป็นจำนวน 173 บาท/ประชากรผู้มีสิทธิ์
3.2 งบบริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ จำนวน 3,596 ล้านบาท
3.3 งบบริการสาธารณสุขผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง จำนวน 9,405
ล้านบาท
3.4 งบบริการบริการควบคุมป้องกันความรุนแรงโรคเรื้อรัง จำนวน 1,037 ล้านบาท
3.5 งบค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัย และพื้นที่ชายแดนภาคใต้ จำนวน 1,490 ล้านบาท
3.6 งบค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงในชุมชน จำนวน 1,025 ล้านบาท
3.7 งบค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมบริการระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว จำนวน 268 ล้านบาท
โดยปีนี้ ประชาชนจะได้มีสิทธิประโยชน์ที่ผ่านการพิจารณาและเตรียมเดินหน้าในปีงบประมาณ 2563 ได้แก่ การตรวจ
คัดกรองยีน HLA-B*1520 ก่อนเริ่มยา Carbamazepine เพื่อป้องกันการแพ้ยาชนิดรุนแรง, ปรับการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ในประชากร อายุ 50-70 ปีให้เกิดความสะดวกมากขึ้น, เพิ่มบริการผ่าตัดแบบวันเดียวกลับอีก 12 รายการ รวมเป็น 24 รายการ, เพิ่มการผ่าตัดผ่านกล้องและอุปกรณ์ทันสมัยเพื่อให้กลับบ้านได้เร็วขึ้น, การเพิ่มยารักษาโรคอัลไซเมอร์ มะเร็งไทรอยด์ โรคที่เกิดจากการทำลายเส้นประสาท และเพิ่มสูตรยาต้านไวรัสเอดส์ที่ดื้อยา, เพิ่มเครื่องตรวจติดตามค่าน้ำตาลในเลือดให้ผู้ป่วยเบาหวานเด็ก, เพิ่มวัคซีนป้องกันโรคท้องร่วงในเด็ก และขยายสิทธิประโยชน์ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในกลุ่มผู้บริจาคที่ไม่ใช่ญาติ
นอกจากนี้ ยังปรับระบบการจัดการให้ประชาชนมีแพทย์ประจำครอบครัวใหม่, การดูแลผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงทุกกลุ่มอายุ โดยปี 2563 ให้ครอบคลุมถึงผู้ป่วยสิทธิสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคมจากความร่วมมือหน่วยบริการในพื้นที่และ อปท. การเพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการแพทย์แผนไทยมากขึ้น
ยิ่งกว่านั้น ในปีงบประมาณ 2563 นี้ สปสช.ยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำร่องการจัดบริการเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นและมีคุณภาพชีวิตเพิ่มขึ้น อาทิ นำร่องบริการตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมทารกในครรภ์ นำร่องการล้างไตผ่านเครื่องอัตโนมัติในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง และนำร่องป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีด้วยวิธี Pre-Exposure Prophylaxis (PrEP) ในกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี
4. เปรียบเทียบง่ายๆ เฉพาะงบเหมาจ่ายรายหัว
จะเห็นข้อเท็จจริงว่า รัฐบาล คสช.ไม่ได้เลิกโครงการนี้เลย มีแต่ปรับปรุง และเพิ่มงบประมาณให้
งบประมาณปี 2558 ได้รับ 2,895.09 บาทต่อหัวประชากร
งบปี 2559 ได้รับ 3,028.94 บาทต่อหัวประชากร เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ร้อยละ 4.62
งบปี 2560 ได้รับ 3,109.87 บาทต่อหัวประชากร เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 2.67
เพิ่มทุกปี จนปีล่าสุด
สะท้อนว่า รัฐธรรมนูญไม่ใช่อุปสรรคเลย
ปัญหาปากท้อง ที่ยังมีปัญหาอยู่ ต้นเหตุไม่ใช่รัฐธรรมนูญ แต่เป็นปัจจัยอื่น
ตรงกันข้าม ถ้ามุ่งแต่จะแก้รัฐธรรมนูญ แล้วความวุ่นวายกลับมาอีก ชาวบ้านก็มีแต่จะเดือดร้อน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี