นโยบายกัญชาทางการแพทย์ (Marijuana for medical purpose) ของประเทศไทยมีสถานะถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2562 (ฉบับที่ 7) ตามที่ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา รัฐบาลจะได้ประโยชน์จากนโยบายนี้หากกำหนดให้มีนโยบายที่ให้หน่วยงานราชการจัดให้มีบริการกัญชาทางการแพทย์ให้ทั่วถึงแก่ผู้ป่วยบางโรคหรือบางอาการที่ได้รับการพิสูจน์ทางหลักวิชาการแล้วว่าจะได้ประโยชน์จากสารสกัดจากกัญชา ซึ่งขณะนี้มีเพียงบางโรคบางอาการเท่านั้นที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
ที่สำคัญ รัฐบาลจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบระยะยาว โดยรัฐบาลจะต้องจัดให้มีระบบควบคุมที่เข้มแข็งเพียงพอไม่ปล่อยให้มีการรั่วไหลของกัญชาทางการแพทย์ไปสู่มือของผู้ที่ไม่ใช่ผู้ป่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชน และควบคุมกัญชาทางการแพทย์และกัญชาทั่วไปในตลาดมืดให้ได้ เพื่อป้องกันการนำไปสู่การใช้เพื่อความบันเทิงจนเกิดการเสพติดหรือผลกระทบต่อผู้อื่น เช่น การเกิดอุบัติเหตุจากการเมากัญชาแล้วขับรถ เป็นต้น
นโยบายกัญชาเพื่อความบันเทิง (Marijuana for non-medical purpose หรือ Recreational marijuana) ไม่มีประโยชน์ใดๆ แก่สังคมโดยรวม จะมีประโยชน์ก็แต่สำหรับธุรกิจกัญชาที่รอจ้องรับประทาน (เขมือบ) ผลประโยชน์ก้อนนี้โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมในระยะยาว ข้อมูลทางการตลาดระบุว่าธุรกิจกัญชาเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในอนาคต คาดประมาณว่าภายในสิบปี ตลาดโลกของกัญชาถูกกฎหมายจะขยายตัวไปถึง 57 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2027 อีกทั้งสื่อแคนาดาระบุว่าธุรกิจบุหรี่ ใช้เงิน 2.4 พันล้านเหรียญแคนาดาซื้อบริษัทกัญชาในประเทศแคนาดาเมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา การที่ประเทศแคนาดาและรัฐบางรัฐในสหรัฐอเมริกากำหนดนโยบายให้เสพกัญชาเพื่อความบันเทิงได้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีผู้สูบกัญชาอยู่แล้วในสัดส่วนที่มาก คือ ร้อยละ 12 ในประเทศแคนาดา และร้อยละ 8-12 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศไทยมีผู้สูบกัญชาเพียงร้อยละ 0.2 จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะกำหนดให้มีนโยบายกัญชาเพื่อความบันเทิง
นโยบายกัญชาเพื่อเศรษฐกิจ (Marijuana for economic) คือ การจะอนุญาตให้ทุกครัวเรือนปลูกกัญชาได้บ้านละหกต้น จะสร้างรายได้จากการสกัดกัญชาถึงปีละ 420,000 บาทต่อครัวเรือน รัฐบาลจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่านโยบายนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์จริงดังนั้นหรือไม่ และจะเกิดผลกระทบด้านลบอะไรที่ไม่คาดคิดตามมาบ้าง เหตุผลที่รัฐบาลควรใช้ประกอบการพิจารณาประเด็นนี้ คือ หนึ่งจากหลักการตลาดที่ราคาจะขึ้นกับความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน เมื่อมีอุปทานมาก คือ มีคนปลูกกัญชาทั่วประเทศพร้อมกัน ราคาของกัญชาก็จะตกลงอย่างแน่นอน สอง นโยบายนี้จะขัดกับนโยบายควบคุมยาเสพติดระดับโลกซึ่งยังกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดในเวทีการควบคุมยาเสพติดระดับโลก สาม การอนุญาตให้ประชาชนปลูกได้บ้านละหกต้น จะมีวิธีการควบคุมอย่างไรไม่ให้ปลูกเกินจำนวนนี้
ประเทศไทยมีปัญหาการบังคับใช้กฎหมายมาตลอด เช่น การไม่สวมหมวกกันน็อกขณะขับขี่จักรยานยนต์ การที่เยาวชนอายุต่ำกว่ายี่สิบปีสามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งที่ผิดกฎหมาย การจำหน่ายสุราโดยไม่ติดแสตมป์ไม่เสียภาษีควบคู่ไปกับการจำหน่ายแบบติดแสตมป์เสียภาษีของสุรากลั่นชุมชน เป็นต้น สี่ จะควบคุมไม่ให้มีการจำหน่ายกัญชาสู่ตลาดมืดได้อย่างไร เพราะการขายตลาดมืดจะสะดวกและได้เงินสดรวดเร็วกว่า และ ห้า จะควบคุมไม่ให้ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนเสพติดกัญชาได้อย่างไร เนื่องจากมีกัญชาอยู่ในทุกบ้านและไม่มีค่าใช้จ่ายในการหามาใช้ บุหรี่และสุราซึ่งไม่ได้มีอยู่ในบ้านและมีกฎหมายควบคุมไม่ให้เยาวชนซื้อได้ ก็ยังมีเยาวชนเสพติดจำนวนมาก แม้แต่ยาแก้ปวด ยาแก้ไอ เยาวชนยังนำมาใช้เป็นยาเสพติดได้เลยอย่าว่าแต่กัญชา ที่สำคัญคืองานวิจัยในระดับสากลพบว่ากัญชาเป็นประตูสู่การใช้สารเสพติดร้ายแรงอื่น
เช่นเดียวกับนโยบายปลูกพืชผลเกษตรเชิงเดี่ยวอื่นๆ ในประเทศไทย ที่ราคาผลิตตกต่ำเมื่ออุปทานผลผลิตออกพร้อมกัน (เช่น การปลูกยางพาราทั่วประเทศ เป็นต้น) แต่คนขายปุ๋ยหรือต้นกล้าได้กำไรมหาศาลไปก่อนแล้ว นโยบายกัญชาเพื่อเศรษฐกิจนี้ ประชาชนจะมีรายได้เท่าไหร่ยังไม่แน่นอน ผลกระทบต่อสุขภาพและสังคมยังไม่อาจประมาณได้ แต่คาดว่าจะมีธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากนโยบายนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากรัฐบาลกำหนดให้มีนโยบายนี้ในนโยบายของรัฐบาล เชื่อได้ว่าจะเป็นหนึ่งใน “สนิมนโยบาย” ที่รอวันทำให้เรือเหล็กลำใหม่นี้จมลงอย่างแน่นอนในอนาคต
ก็ลองไปคิดดูนะครับรัฐบาล ทั้งหมดนี้ ผมสรุปย่อมาจากข้อเขียนของ ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล, Dalla Lana School of Public Health,University of Toronto, Canada
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี