นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามขึ้นเป็นที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แล้ว นับแต่นั้นมาความสงบเย็นและยุคศิวิไลซ์ของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยก็ปรากฏขึ้น
ทำให้พุทธศาสนิกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศพากันชื่นชมยินดีอิ่มอกอิ่มใจอนุโมทนาแซ่ซ้องสาธุการกึกก้องเกริกฟ้าปกดินทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก
บัดนี้จึงต้องกล่าวว่ายุคศิวิไลซ์ของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยได้เจิดจ้าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พระบรมราชปณิธานแห่งองค์พระปฐมบรมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์แต่ครั้งกระโน้นได้รับการสืบสานและทำนุบำรุงให้มั่นคงสถาพร เป็นที่พึ่งของเวไนยสัตว์ทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ดังนั้นเพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้เหตุการณ์ร้ายกลับฟื้นคืนมาได้อีกในอนาคตจึงควรที่ประชาชนชาวไทยและพุทธศาสนิกชนจะได้ทำความเข้าใจในบทเรียนอันล้ำค่านี้สักครั้งหนึ่ง
ก่อนอื่นก็ต้องกล่าวว่านับแต่องค์พระปฐมบรมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทรงตั้งกรุงรัตนโกสินทร์และสถาปนาพระบรมราชจักรีวงศ์แล้ว ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่งเพื่อประโยชน์และความมั่นคงของชาติบ้านเมือง
ทรงตั้งพระบรมราชปณิธานที่ถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ชาติประการหนึ่งว่า “ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา” ซึ่งเป็นการทำให้พระราชอาณาจักรนี้มีธรรมเป็นเครื่องปกป้องคุ้มครองและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน
ทรงถอดสมเด็จพระสังฆราชที่ไม่ซื่อตรงต่อพระธรรมวินัยออกจากตำแหน่ง และทรงสถาปนาพระสี อดีตสมเด็จพระสังฆราชให้กลับฟื้นขึ้นเป็นที่สมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดระฆังโฆสิตารามมหาวิหาร
จากนั้นก็ทรงกระทำสังคายนาพระไตรปิฎกและฟื้นฟูพระพุทธศาสนาทั่วพระราชอาณาจักร โปรดให้กำจัดและกวาดล้างอลัชชีที่ย่ำยีพระพุทธศาสนาทั่วราชอาณาจักรด้วย จึงทำให้พระพุทธศาสนาที่ทรุดโทรมมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นในบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง
และนับแต่นั้นมาการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชก็ดี สมเด็จพระราชาคณะและพระมหาเถระทั้งหลายก็เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกและทำให้พระพุทธศาสนาได้วางหลักมั่นในพระราชอาณาจักรนี้มาอย่างมั่นคง เป็นสรณะแห่งเวไนยสัตว์ทั้งหลายมาเป็นเวลาช้านาน
จนกระทั่งถึงปีพุทธศักราช 2535 แก๊งเดียรถีย์ทั้งพวกหัวโล้น หัวดำ และหัวขาว ที่ได้รับการยุยงจากต่างชาติก็ได้คิดอ่านเบียดเบียนพระราชอำนาจด้วยการตรากฎหมายคณะสงฆ์เพิ่มเติม แย่งยื้อพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไปเป็นของบุคคลคณะหนึ่งที่เรียกว่าคณะกรรมการมหาเถรสมาคม
และนับแต่บัดนั้นมาคณะกรรมการมหาเถรสมาคมก็มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงมาโดยลำดับ และกลายเป็นผู้กำหนดผู้ดำรงตำแหน่งสมณศักดิ์ทั้งหลายตั้งแต่สมเด็จพระสังฆราชลงมา และในที่สุดกลุ่มเดียรถีย์ก็เข้าแทรกแซงครอบงำองค์กรสำคัญนี้และก่อบทบาทในการแต่งตั้งสมณศักดิ์ทั้งหลายตามที่มีการแก้ไขกฎหมายคณะสงฆ์นั้น
นับแต่นั้นมาการพระพุทธศาสนาก็เศร้าหมองลงโดยลำดับ มีความแตกแยกแตกสามัคคีในหมู่พุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวาง กลุ่มอลัชชีฮึกเหิมลำพองเปิดตลาดซื้อขายตำแหน่งกันอย่างเอิกเกริก และบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างแยบยลต่อเนื่อง ถึงขั้นสร้างรูปแบบพระประธานให้เป็นแบบผิดเพศเช่น ทาปากบ้าง พูดให้ชัดก็คือนำเอาลักษณะของเกย์และตุ๊ดหรือกะเทยมาเป็นแบบของพระประธาน
แล้วก็เชิดชูเผยแพร่กันเป็นการใหญ่ ลามปามไปถึงการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์ก็มีการแต่งตั้งให้พวกบัณเฑาะก์ซึ่งต้องห้ามมิให้บวชด้วยซ้ำไปมีตำแหน่งเป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นก็มีการเอาโจรผู้ร้ายมาบวช เอาพวกผิดเพศทั้งหลายมาบวช จนเกิดความเสื่อมขึ้นอย่างใหญ่หลวงในวงการพระพุทธศาสนา
และนานวันเข้าข่าวคราวการซื้อขายตำแหน่งก็เอิกเกริกยิ่งกว่าในระบบราชการ เป็นเหตุให้เกิดระบบพุทธพาณิชย์อย่างกว้างขวางเพื่อแสวงหาทรัพย์สินเงินทองมาเป็นค่าซื้อหาตำแหน่งและทำให้เดียรถีย์ซึ่งมั่งมีทรัพย์สินขึ้นจากพุทธพาณิชย์มีความเติบโตในตำแหน่งในคณะสงฆ์จนฮือฮากันทั้งบ้านทั้งเมือง
ทำให้การบวชเรียนกลายเป็นกิจการพาณิชย์ที่บิดามารดากุลบุตรที่ประสงค์จะบวชเรียนต้องจ่ายค่าบวชนับแสน ซึ่งผิดเพี้ยนไปจากพุทธบัญญัติอย่างสิ้นเชิง ลัทธินอกศาสนามากหลายก็ซึมแทรกเข้ามาจนทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมโทรมอย่างหนัก แต่ขบวนการเดียรถีย์เหล่านี้กลับขยายตัวเติบโตทั้งในส่วนพุทธจักรและอาณาจักร ค้ำจุนกันอย่างไม่เกรงฟ้า ไม่กลัวดิน
และแล้วเหตุการณ์วิปโยคก็เกิดขึ้น นั่นคือการแย่งชิงอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช โดยอ้างว่าทรงพระประชวร ปฏิบัติภารกิจไม่ได้ แล้วตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชขึ้น ทั้งหมายมั่นปั้นมือจะตั้งพระสังฆราชกันเอง ถึงขนาดซักซ้อมให้สมุนบริวารเรียกขานราชาศัพท์กันแล้ว
ทว่าแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ความคิดเป็นของคน แต่ความสำเร็จเป็นของฟ้า ความชั่วช้าถูกทำลายไปโดยอำนาจแห่งกรรม จากนั้นก็มีความมุ่งมั่นที่จะตั้งสังฆราชกันเองอีกต่อไป มีการรวบรวมทรัพย์สินเงินทองโดยการหลอกลวงฉ้อฉลประชาชนทั่วประเทศขายสวรรค์ ขายวิมาน เอาสวรรค์มาจัดสรรขายกันอย่างเอิกเกริก และในที่สุดก็ใช้เล่ห์อุบายจัดการประชุมมหาเถรสมาคมในเวลากลางคืนแล้วเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระสังฆราช เป็นความบังอาจใหญ่หลวงนัก
นายกรัฐมนตรีที่ถูกหยามว่าเป็นแค่ไปรษณีย์ทำอะไรไม่ได้ก็ได้หยุดยั้งเหตุการณ์ร้ายแรงนั้นได้ทันท่วงที โดยไม่นำความขึ้นกราบบังคมทูลจนกระทั่งมีการแก้ไขกฎหมายคณะสงฆ์ใหม่คืนพระราชอำนาจในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จพระราชาคณะให้เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ดังเดิม
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์พระผู้ทรงเป็นที่เคารพนับถือของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และพระองค์ท่าน ซึ่งเป็นพระมหาเถระอาวุโสสุงสุด บริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วยพรหมจรรย์ในพระธรรมวินัยแห่งพระตถาคตเจ้าขึ้นเป็นที่สมเด็จพระสังฆราช ความสงบร่มเย็นในพุทธจักรจึงบังเกิดขึ้นนับตั้งแต่บัดนั้น
บรรดาอลัชชีเดียรถีย์จำนวนหนึ่งถูกกำจัดออกไปแล้ว แต่ก็ยังมีอุ้งมือมารเดียรถีย์ที่ทำมาหากินกันมาแต่เดิมยังคงปกป้องคุ้มครองอยู่ จนเดียรถีย์เหล่านั้นยังลอยนวลเย้ยกฎหมายบ้านเมืองและกระบวนการยุติธรรมอย่างสุดแสนจะบังอาจและท้าทายความศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองอย่างหน้าตาเฉย
การล่วงมาจนถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษาแรกแห่งรัชกาลนับแต่ทรงเข้าพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็โปรดเกล้าฯให้สถาปนาสมเด็จพระสังฆราชสองพระองค์ที่ทรงล่วงลับแล้ว คือสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระอุปัชฌาย์ของพระองค์ และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหารซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงของพระองค์ขึ้นเป็นที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า อันเป็นการเฉลิมและถวายพระอิสริยยศแก่พระบุพการีของพระองค์ อันสมแก่ภูมิธรรมที่สมเด็จพระสังฆราชทั้งสองพระองค์นั้นทรงเป็นหลักชัยแห่งพระพุทธศาสนามายาวนานเป็นครั้งแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
จากนั้นก็ทรงสถาปนาสมเด็จพระราชาคณะและพระราชาคณะที่ทรงภูมิปัญญาวิชาคุณเป็นที่ประจักษ์ ที่สำคัญคือทรงสถาปนาพระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสีชาวต่างประเทศที่ได้ประพฤติพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์ตามแนวทางแห่งคณะสงฆ์ไทย มีคุณูปการใหญ่หลวงต่อพระพุทธศาสนาในการประกาศพระศาสนาในต่างประเทศขึ้นเป็นที่พระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่
เสียงแซ่ซ้องสาธุการเกริกไกรทั้งในและต่างประเทศทั่วโลกดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงอนุโมทนาสาธุกึกก้องไปทั้งประเทศและทั่วโลก
จากนั้นกระทรวงยุติธรรมก็ได้แถลงข่าวการเร่งดำเนินคดีและจับกุมตัวแก๊งอลัชชีเดียรถีย์ที่หลอกลวงฉ้อโกงประชาชนและยังคงลอยนวลอยู่ รวมทั้งยังปล่อยให้มีการโยกย้ายทรัพย์สินกันอย่างหน้าตาเฉยเพื่อเร่งรัดจัดการให้ถึงที่สุดโดยไว
เหล่านี้คือปรากฏการณ์ของยุคศิวิไลซ์ในทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏขึ้นในพระราชอาณาจักรนี้แล้ว และนี่คือรุ่งอรุณแห่งความสงบร่มเย็นและศานติที่จะบังเกิดขึ้นแก่ประเทศชาติของเราสืบไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี