ทหารการเมือง หรือทหารที่มีอำนาจทางการเมือง ถือว่ามิใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับหลายประเทศบางประเทศที่ประสงค์ความสำเร็จในการก้าวไปเป็นประชาธิปไตยบางประเทศยังเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ หรือครึ่งๆ กลางๆ บางประเทศก็ยังติดกับติดหล่มอยู่กับเผด็จการทหาร ในกลุ่มหลังนี้ก็อาจมีหลายสาเหตุ เช่น
- มักจะมีการเรียนการสอน ปลูกฝังกันมาในแวดวงโรงเรียนทหารว่า เป็นหน้าที่รับผิดชอบเพื่อเสถียรภาพ ความสงบ และความมั่นคงของบ้านเมือง
- นักการเมืองในประเทศเหล่านั้น มักประพฤติตนให้สังคมเบื่อหน่าย ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งต้องการให้ทหารเข้ามาดำเนินการกับรัฐบาลพลเรือนนั้นๆ หรือเข้ามายันทัพกับการเมืองพลเรือนที่ชั่วช้า
- ประชาชนส่วนหนึ่งเห็นว่า การปกครองด้วยทหาร แม้ประเทศจะลิดรอนสิทธิเสรีภาพ แต่ก็ดีกว่าจะเสี่ยงกับการถดถอย กับการคอร์รัปชั่นของฝ่ายการเมืองอาชีพ
- ทหารกุมกำลังของประเทศบางกลุ่ม ต่างยังมีความทะเยอทะยานทางการเมือง เป็นต้น
ในกรณีของไทยในช่วงประมาณ 15 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายทหารได้เข้ามายึดอำนาจรัฐ เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลหุ่น หรือเป็นตัวรัฐบาลเสียเองก็ด้วยการผสมผสานของปัจจัยต่างๆ เช่น
- เห็นแก่บ้านเมือง ก็อยากช่วยแก้ไขจัดบ้านเมืองให้เรียบร้อย
- สถานการณ์ขัดแย้งสุกงอม ไม่มีทางออก ก็เข้ามาแทรกแซง
- คิดว่า ฝ่ายทหารเท่านั้นที่จะทำให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้าได้
- ฝ่ายการเมืองอาชีพทำตัวอย่างเลวร้าย ประชาชนชิงชัง ก็หันไปเลือกทหารให้มาปกครองบ้านเมือง ความชอบธรรมของการเล่นการเมืองของทหารก็เกิดขึ้น โดยเฉพาะการคงอยู่ของระบอบทักษิณ พร้อมด้วยขุนศึกตัวใหม่และองค์กรขับเคลื่อน นามว่า ธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ ประชาชนกลุ่มใหญ่ก็สนับสนุนให้ทหารอยู่กับการเมือง เพื่อยันทัพและตีกรอบระบอบทักษิณ
เป็นว่าตราบใดที่ทักษิณและระบอบของเขายังคงอยู่ ทหารก็มีข้ออ้างที่จะเล่นการเมือง ฝ่ายประชาชนก็รู้อยู่แก่ใจว่า ขีดความสามารถของทหารก็มีจำกัด ความบริสุทธิ์ผุดผ่องก็ไม่แน่ชัด แต่บวก ลบ คูณ หารแล้ว ก็ยังดีกว่าฝ่ายนักการเมืองผูกขาดและสามานย์
ประชาธิปไตยก็ถูกบอนไซ เป็นผู้แพ้
ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยก็เลยอยู่ตัวลีบๆ ท่ามกลางทหารการเมือง กับการเมืองทุนนิยมผูกขาดและสามานย์ด้วยประการทั้งปวง
ก็เหมือนกับสังคมเสรีประชาธิปไตยถูกจี้หลัง (Blackmailed) ให้อยู่กับที่ ถ้าไม่ยอมทนๆ กับทหารไป ก็ต้องไปเผชิญหน้ากับการคุกคามของระบอบทักษิณ / ธนาธร
โดยเฉพาะเมื่อทหารมาเล่นการเมืองแล้ว แทนที่จะแสดงอานุภาพใหญ่โต น่าเกรงขามเพราะรู้ๆ ว่ามีภารกิจต้องยันระบอบทักษิณแต่ก็ไม่เห็นจะใช้อำนาจอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวกับเรื่องนี้ เอาแต่ยันพอให้อยู่กันได้ ไม่ปราบให้เรียบร้อยเสียที แถมใช้กันแต่ละที ก็ใช้กับแต่ประชาชน เอาแต่ใช้พระเดช ไม่มีพระคุณไม่สร้างบารมี ประชาชนเขาก็เหนื่อยหน่ายกับการใช้อำนาจไม่เข้าเรื่องเข้าราว ทนๆ กันไป
เท่านั้นยังไม่พอ ในวันนี้ ผู้นำเหล่าทัพต่างดาหน้ากันออกมาพร้อมกับเปล่งเสียงว่า สนับสนุนรัฐบาลประยุทธ์ แล้วใกล้กันก่อนนั้น ฝ่ายทหารก็ออกมาเตือนสติประชาชนว่ามีองค์กร กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) อีกด้วย เสมือนมากำชับความน่าเกรงขาม เสมือนการข่มขู่ประชาชนพลเมืองให้ยำเกรง จงอย่าได้หือเป็นอันขาด
ก็น่าแปลกใจที่สมัยยุครัฐบาลพลเรือน เช่นรัฐบาลอภิสิทธิ์ กลับไม่ได้เห็นแม่ทัพนายกองคนไหน ออกมาส่งเสริมสนับสนุน แถมยังออกลีลายึกยัก ถ่วงเวลา ถ่วงการปฏิบัติหน้าที่ในการรับคำสั่งไปดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยอีกเสียด้วย
ในสมัยนั้น เวทีประชาคมอาเซียนถูกล้มไม่เป็นท่า ท้องถนนลุกเป็นไฟ ประชาชนอกสั่นขวัญหาย ชายแดนไทย-เขมร ก็มีเรื่องราวเขมรรังแกไทย การรักษาความมั่นคงชายแดนก็ไม่ปะติดปะต่อ เขมรไม่เกรงอกเกรงใจไทย (รัฐบาล) เพราะเขามองว่าฝ่ายรัฐบาลพลเรือนคุมทหารไม่ได้จริง และเอาเข้าจริง ทหารในช่วงนั้นก็ไม่ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลแบบทุกวันนี้
ก็เลยเกิดคำถามว่า ในอนาคต หากมีรัฐบาลพลเรือนขึ้นมาบริหารประเทศไทย แล้วฝ่ายแม่ทัพนายกองจะออกมาเชียร์รัฐบาลแบบนี้หรือไม่ หรือจะตั้งเชิง ทำตัวเป็นรัฐซ้อนรัฐกันต่อไปแบบในอดีต
ส่วน รัฐบาลมาอย่างไร ในวันนี้เลือกไม่ได้แล้ว ก็คงต้องกัดฟันว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญต่อไป แต่มันเป็นเรื่องที่ว่า เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้ว ก็ต้องเป็นรัฐบาลของประชาชน ต้องเดินหน้ารับใช้ประชาชน อุทิศใจกายให้กับประชาชนอย่างเต็มที่หรือไม่ ก็คงขอบอกว่า สร้างความดี สร้างความน่ารักจะดีกว่า และกำชับแม่ทัพนายกองให้ปกป้องชาติขยายกิจการพลเรือนช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่คำนึงถึงอดีตเจ้านายที่เป็นท่านรัฐมนตรีต่างๆ กัน
หากไม่แล้ว ประชาชนก็คงถูกตอกย้ำให้คิดว่า ทำทุกอย่างเพื่อแค่ให้ได้อำนาจก็พอเพลินกับอำนาจวาสนาก็พอแล้ว ส่วนประชาชนมีหน้าที่รับฟัง รับคำสั่ง รับความเกรงกลัวเท่านั้น ซึ่งมันแย่กว่าการตกอยู่ในอาณัตินักการเมืองสามานย์เสียอีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี