คนเรานั้น เมื่อเวลาพลาดพลั้งประสบปัญหาใดปัญหาหนึ่งขึ้นมาแล้ว มักจะเข้าข่าย “ผีซ้ำด้ำพลอย” ตามมาด้วยเสมอๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในยุคสมัยนี้ก็เห็นจะต้องพูดถึงกรณีที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักหน่วงจากนักการเมืองฝ่ายค้านในเรื่องการเปล่งวาจาเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่ฝ่ายค้านระบุว่ากล่าวไม่ครบถ้วน
ไม่น่าเชื่อว่าบุคคลระดับนายกรัฐมนตรี ผู้ที่สาธารณชนเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าเป็นผู้ที่จงรักภักดีอย่างสูงสุดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะตกอยู่ในสภาพเสมือนตายน้ำตื้นเช่นนี้ และไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายกรัฐมนตรีจะถูกบุคคลซึ่งสาธารณชนตั้งคำถามในเรื่องของความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอดมาย้อนเกล็ดเอาอย่างเจ็บแสบถึงเพียงนี้
ประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ตรงที่ว่า การถวายสัตย์ที่กล่าววาจาโดยไม่ครบถ้วนทุกถ้อยคำจะมีความผิดสถานใดหรือไม่ และจะกระทบกระเทือนต่อการทำหน้าที่ของรัฐบาลทั้งคณะ และโดยเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ และอย่างไร เรื่องนี้จะถูกส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ แล้วศาลรัฐธรรมนูญจะตีความหรือไม่ แล้วจะตีความออกมาในสถานใด เพราะนี่จะถูกถือเป็นแนวปฏิบัติในอนาคตสืบต่อไป
ผู้รู้กฎหมายอย่างดีเช่น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยกล่าวไว้ในหนังสือ หลังม่านการเมือง บทที่ว่าด้วยเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ แต่ก็เป็นที่ประหลาดใจมากในหมู่สาธารณชนที่ติดตามเรื่องนี้ เพราะเหตุใดในวันที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯจึงเกิดปัญหานี้ขึ้นมาได้ และปัญหานี้ก็ได้ถูกคนที่ไม่น่าจะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยแท้จริงกลุ่มหนึ่งนำไปเล่นงานพลเอกประยุทธ์ จนได้ หลายคนจึงตั้งคำถามไปที่นายวิษณุว่า ทราบหรือไม่ว่าในวันเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯนั้น พลเอกประยุทธ์กล่าวไม่หมดทุกถ้อยคำทุกตัวอักษร
ทั้งนี้ นายวิษณุเคยเขียนในหนังสือเล่มที่กล่าวชื่อในข้างต้นว่า “…ต้องเปล่งวาจาด้วยถ้อยคำที่กฎหมายกำหนด จะพูดน้อยหรือยาวกว่านี้ไม่ได้ การกล่าวนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้กล่าวนำ ความสำคัญจึงอยู่ที่นายกรัฐมนตรีซึ่งจะผิดไม่ได้ ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะพิมพ์ลงบัตรแข็งให้อ่านเพื่อจะไม่ผิดพลาด ขืนท่องจำผิดๆ ถูกๆ ตกคำว่า และ หรือคำว่า หรือ ไปสักตัว ก็อาจต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ว่าถวายสัตย์ฯ ครบถ้วนหรือยัง จะยุ่งเปล่าๆ…”
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้กล่าวคำขอโทษต่อคณะรัฐมนตรีในประเด็นนี้แล้ว และประกาศขอแสดงความรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว แต่สำหรับผู้ที่ไม่ปลาบปลื้มชื่นชมในตัวนายกรัฐมนตรีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็พยายามจะตีความลากเข้าข้างความคิดเห็นของตนเองว่า การประกาศยอมรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีคือการแสดงว่านายกรัฐมนตรีจะลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งก็ไม่มีใครห้ามความคิดของใครได้ เพราะเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล แต่สำหรับข้อมูลที่นักข่าวสายการเมืองได้รับมาก็คือ นายกรัฐมนตรีไม่ลาออกจากตำแหน่งด้วยเหตุนี้อย่างแน่นอน แต่จะแก้เกมการเมืองเกมนี้อย่างไร ต้องติดตามดูกันต่อไป ส่วนเกมจะพลิกผันจนทำให้ฝ่ายที่โจมตีนายกรัฐมนตรีด้วยเรื่องนี้หรือไม่ ก็ต้องติดตามดูเช่นกัน แต่รับรองว่างานนี้มีบูมเมอแรงแน่นอน ส่วนจะแรงแค่ไหน ก็ต้องรอดูอีกเช่นกัน ขอบอกเพียงคำเดียวว่าอย่ากะพริบตา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี