ประเด็นของแรงงานมนุษย์ที่กำลังถูกคุกคามด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์นี้ ยังคงเป็นที่ถกเถียงหรือหารือกันอย่างมากในกลุ่มนักคิด นักธุรกิจ และรัฐบาลทั่วโลก และวันนี้เกาหลีใต้ก็เริ่มเลือกทางของตัวเองนำหน้านานาประเทศไปก่อนแล้ว ก็ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไปว่าภาษีหุ่นยนต์นี้จะก่อให้เกิดผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน1
วรากรณ์ สามโกเศศ นักวิชาการในประเทศไทยได้สรุปความเห็นที่น่าสนใจของบิล เกตส์ ที่แสดงความวิตกเกี่ยวกับการแพร่หลายของหุ่นยนต์กับข้อเสนอทางภาษีไว้ มีสาระดังนี้2
“Bill Gates บอกว่าเพื่อถ่วงเวลาให้หุ่นยนต์แพร่ระบาดในสังคมเราช้าลง ไม่รวดเร็วจนไม่สามารถจัดการกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพอันจะนำไปสู่วิกฤติของสังคม รัฐบาลควรพิจารณาเก็บภาษีจากหุ่นยนต์ในความเห็นของ Bill Gates การทดแทนแรงงานอย่างรวดเร็วของหุ่นยนต์ก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคมเฉกเช่นเดียวกับคนสูบบุหรี่ ขับรถเร็ว การปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ การปล่อยควันเผาไหม้ของโรงงานหรือรถยนต์ การดูดน้ำบาดาลจนทำให้เกิดการทรุดตัวของแผ่นดิน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดสิ่งที่เศรษฐศาสตร์เรียกว่าผลกระทบภายนอกที่เป็นลบ (negative externality)กล่าวคือเกิดผลกระทบต่อคนอื่นโดยเขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งซึ่งไม่พึงปรารถนา
รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นน้อยที่สุด หรือเยียวยาด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น กฎหมาย กฎระเบียบ และที่สำคัญคือภาษี เพื่อทำให้การกระทำเหล่านี้มีต้นทุนสูงขึ้นอย่างจงใจจนมีการกระทำน้อยลง
Bill Gates บอกว่าในกรณีของหุ่นยนต์ การเก็บภาษีตอนติดตั้งหรือตอนเกิดกำไรจากการใช้หุ่นยนต์ (อันเนื่องมาจากมีต้นทุนต่ำลงเพราะไม่ต้องใช้คน) จะทำให้ต้นทุนของการใช้หุ่นยนต์สูงขึ้น ผู้ประกอบการก็จะไตร่ตรองไม่รีบนำมาใช้ ส่วนรายได้จากภาษีก็จะนำมาเยียวยาบำบัดแรงงานที่ถูกทดแทน”
พร้อมทั้งวิจารณ์ไว้ว่า
“ข้อเสนอของ Bill Gates นั้นช่วยกระตุ้นเซลล์สมองได้เป็นอย่างดีเพราะตรงข้ามกับความเชื่อในทางวิชาการ เพราะหุ่นยนต์เป็น capital investment ที่สำคัญ ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจผลิตได้มากขึ้นด้วยการใช้วัตถุดิบเท่าเดิม หัวใจสำคัญของการสร้างความกินดีอยู่ดีของทุกสังคมอยู่ที่การเพิ่มขึ้นของผลิตภาพ (productivity) หรือปริมาณผลผลิตต่อหนึ่งหน่วยวัตถุดิบ หุ่นยนต์มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มผลิตภาพ ดังนั้นจึงสมควรส่งเสริม ไม่ควรปิดกั้นด้วยการเก็บภาษี ซึ่งจะทำให้เกิดขึ้นได้ยากขึ้นไม่มีใครสามารถหยุดการแพร่กระจายของหุ่นยนต์ได้แล้วในปัจจุบัน เพราะมันเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าในด้านการแพทย์ (ผ่าตัด ตรวจหรือรักษา) ด้านการบันเทิง ด้านอุตสาหกรรมภาคบริการ ด้านความมั่นคง ด้านการดำรงชีวิต ฯลฯ การเก็บภาษีไม่น่าจะชะลอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกเว้นแต่จะเก็บในระดับสาหัสเท่านั้น การเลียนแบบกันข้ามสังคมอย่างรวดเร็วในยุคสังคมออนไลน์ และการคาดหวังของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งในทุกสังคม เป็นตัวผลักดันที่สำคัญในการใช้หุ่นยนต์ เซลล์สมองไม่รู้ว่าตัวของมันเองอยู่ในสมองของใคร ถ้ามันได้รับการดูแลผ่านการกระตุ้นความคิดในแต่ละวัน มันก็จะอยู่ในสภาพที่เสื่อมสลายช้าลงถ้าบังเอิญเจ้าของเป็นคนดีมีประโยชน์ต่อโลก ไอเดียของ Bill Gatesก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความหมายไม่น้อย”
นอกจากนี้ ยังมีบทความที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งของ Sam Mitha CBE เกี่ยวกับภาษีหุ่นยนต์ ซึ่งได้สรุปข่าวการให้ข้อคิดเห็นของ Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ รวมทั้งได้แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์และเสนอแนะทางออกต่างๆ เพิ่มเติมจากข่าวดังกล่าว มีใจความสำคัญที่เกี่ยวกับมาตรการภาษีอากรสำหรับหุ่นยนต์ว่า3
(1) ขั้นตอนแรกในการเก็บภาษีหุ่นยนต์ ต้องกำหนดคำนิยามของหุ่นยนต์ให้ชัดเจน มีความเป็นกลาง ครอบคลุมหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ และเครื่องจักรกลที่ประกอบด้วยปัญญาประดิษฐ์ อันมีความเฉลียวฉลาดในลักษณะที่คล้ายคลึงกันอย่างกว้างขวาง ต้องไม่พิจารณาเฉพาะแต่ในมุมมองทางกฎหมายแต่ต้องรวมมุมมองทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และแนวทางตามรัฐธรรมนูญด้วย นอกจากนี้ การกำหนดคำนิยามนี้ต้องคำนึงถึงความยืดหยุ่นแห่งเทคโนโลยีหุ่นยนต์ด้วย คือไม่ใช่คำนึงถึงแต่หุ่นยนต์ที่มีในปัจจุบันแต่ต้องคำนึงถึงหุ่นยนต์ในอนาคตซึ่งเรียนรู้ด้วยตนเองได้ เช่น รถขับเคลื่อนเองยานไร้คนขับ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม หุ่นยนต์พยาบาล หุ่นยนต์เพื่อความบันเทิงตุ๊กตาหุ่นยนต์ หุ่นยนต์ทำการเกษตร เป็นต้น
(2) ปัญหาเกี่ยวกับสถานะในเชิงกฎหมายของหุ่นยนต์ ควรมีการกำหนดให้เจ้าของหุ่นยนต์ต้องรับผิดชอบและรับความเสี่ยงอย่างไรในกรณีที่หุ่นยนต์ทำงานผิดพลาด มีนักวิชาการบางท่านเสนอว่าควรให้หุ่นยนต์มีสถานะเป็นบุคคลในทางดิจิทัล และเจ้าของหุ่นยนต์ต้องร่วมรับผิดชอบในการกระทำของหุ่นยนต์ดุจเดียวกับนายทาสในกฎหมายโรมัน เพราะเป็นผู้ควบคุมดูแลและได้รับประโยชน์โดยตรงจากหุ่นยนต์ที่คล้ายทาส
(3) ทางเลือกของนโยบายเก็บภาษีเกี่ยวกับหุ่นยนต์ เพื่อลดและป้องกันปัญหาการปลดคนงานจากการใช้หุ่นยนต์ทำงานแทน มีหลายทางตัวอย่างเช่น
1) การเก็บภาษีหุ่นยนต์ ซึ่งไม่ใช่เป็นการเก็บภาษีจากหุ่นยนต์ที่ไม่มีสถานะเป็นอิสระหรือไม่มีสภาพบุคคล แต่เป็นการเก็บภาษีจากสัดส่วนการลงทุนในหุ่นยนต์ของบริษัทต่างๆ
2) การเพิ่มอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ต้องมีการเพิกถอนการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาหุ่นยนต์ควบคู่ไปด้วย เพราะมิฉะนั้นกลับจะทำให้บริษัทเพิ่มการใช้หุ่นยนต์เพื่อให้มีกำไรจากการลงทุนมากขึ้นหลังเสียภาษีเงินได้
3) การเก็บภาษีจ่ายครั้งเดียว ทุกคนรับภาระร่วมกัน ไม่มีการบิดเบือนเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากเป็นภาษีที่ไม่ได้เก็บจากฐานเงินได้หรือการใช้จ่าย คนจนจึงมีภาระหนัก
4) การเก็บภาษีเงินได้บริษัท โดยถือเสมือนว่าบริษัทจ่ายค่าจ้างสมมุติแก่หุ่นยนต์เท่ากับกรณีจ้างแรงงานคน และถือเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินได้ของบริษัท วิธีนี้คำนวณได้ในทางทฤษฎี แต่อาจปฏิบัติยากเพราะไม่ทราบว่าหุ่นยนต์ทำงานอะไรแทนใครบ้าง นอกจากนั้นบริษัทอาจต้องจ่ายเงินค่าประกันสังคมด้วยและจะหักเงินจำนวนค่าจ้างสมมุติเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้ ภาษีนี้จะกลายเป็นรายได้รัฐทดแทนการขาดหายไปของภาษีเงินได้ที่เก็บจากคนงาน
5) การเก็บภาษีจากผู้ใช้หุ่นยนต์ จำนวนภาษีขึ้นกับว่าหุ่นยนต์ทำให้จำนวนเงินเดือนค่าจ้างที่จ่ายให้คนงานลดลงเท่าใด หรือมีการลงทุนในเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในระดับใด จำนวนเท่าใด อาจช่วยกิจการขนาดเล็กโดยยกเว้นฐานภาษีให้ส่วนหนึ่งและควรป้องกันบริษัทใหญ่ที่เลี่ยงภาษีโดยกระจายฐานภาษีไปให้หน่วยภาษีย่อยอื่น การประเมินภาษีนี้อาจติดตามจากข้อมูลว่ามีคนงานก่อนหน้าต้องจ่ายค่าประกันการว่างงานไว้เป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
6) การเก็บภาษีเงินเดือนเสมือนจากจำนวนคอมพิวเตอร์ ถ้าบริษัทต้องเสียภาษีจำนวนมากขึ้นเพราะใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากขึ้น ไม่ใช่เพราะกำไรมากขึ้น บริษัทอาจจ้างคนทำงานมากขึ้นแทนการใช้โปรแกรมคำสั่งหรือใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
7) การไม่ให้บริษัทหักค่าสึกหรอหรือค่าเสื่อมราคาสำหรับเงินลงทุนในเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่จ่ายไปเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรเพื่อเสียภาษีเงินได้
8) การเพิ่มอัตราภาษีการบริโภคหุ่นยนต์ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่มจะทำให้การใช้หุ่นยนต์ทำงานมีต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันอาจกำหนดให้ภาษีซื้อหุ่นยนต์ไม่สามารถนำไปหักออกจากภาษีขายที่บริษัทต้องเสีย
9) การเพิ่มอัตรามูลค่าเพิ่มสำหรับมูลค่าเพิ่มที่หุ่นยนต์สร้างขึ้น บริษัทจะใช้หุ่นยนต์แทนคนงานในกรณีที่หุ่นยนต์สร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าคนงาน ทำให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นและมีกำไรมากขึ้น ในทางทฤษฎีวิธีนี้จึงเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราที่สูงขึ้นสำหรับการขายสินค้าหรือบริการที่เกิดจากการใช้หุ่นยนต์ดังกล่าว หรืออาจจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราที่สูงขึ้นถ้าบริษัทมีสัดส่วนยอดขายหรือให้บริการต่อจำนวนคนงานสูงกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ดี วิธีนี้ต้องแยกเก็บหลายอัตรา จึงซับซ้อน มีค่าใช้จ่ายสูงและไม่เป็นที่นิยม รวมทั้งรูปแบบนี้อาจขัดกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป (เว้นแต่เป็นประเทศนอกสมาชิกสหภาพยุโรป)ด้วย
(4) แม้ว่าจะเป็นที่ยอมรับกันเกี่ยวกับแนวโน้มต่อไปของหุ่นยนต์ ที่จะมีความฉลาดคล้ายมีสมองเหนือมนุษย์ สามารถหาข้อมูลได้เองและมีความน่าเชื่อถือได้อย่างมาก แต่เนื่องจากข้อดีข้อเสียและผลกระทบของการพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะยังไม่ทราบแน่ชัด ยากจะคาดการณ์ถึงปัจจัยเกี่ยวข้องอย่างรอบด้านทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้น จึงมีมุมมองในแง่บวกและแง่ลบต่างๆ อย่างหลากหลาย มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แม้แต่ข้อเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานดูแลพัฒนาการและสถิติข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องหุ่นยนต์ ก็ยังได้รับการปฏิเสธจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร จึงเสนอว่าควรให้หน่วยงานรัฐบาลที่ดูแลธุรกิจ พลังงานและอุตสาหกรรม (BEIS), การศึกษา, แรงงานและบำเหน็จบำนาญ และการคลังร่วมกันรับผิดชอบออกมาตรการที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงอันเกิดจากพัฒนาการของหุ่นยนต์โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับรายได้สาธารณะและการคลังต่อไป
3 https://www.taxjournal.com/.../robots-technological-change-and-taxation-14092017, accessed Dec.5,2017. ข่าวเกี่ยวกับบิล เกตส์ ดูเพิ่มเติมใน https://i1.wp.com/www.tech
-talkthai.com/wp-contenthttps://static.naewna.com/uploads/2017/02/Bill_Gates_June_2015_wiki.jpg?ssl=1, สืบค้น 15 ธันวาคม 2560 นอกจากนี้ดู
1 https://www.adpt.news/2017/08/11/south-korea-world-first-robot-tax/,accessed Dec. 1,2017.
2 ดู วรากรณ์ สามโกเศศ, เก็บภาษีจากหุ่นยนต์, กรุงเทพธุรกิจวันที่ 7 มีนาคม 2560, http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/640541, สืบค้น 15 ธันวาคม 2560
ศาสตราจารย์ ดร.สุเมธ ศิริคุณโชติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี