เป็นเวลากว่า 87 ปี ที่ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นการปกครองระบอบที่อ้างว่าเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยคณะปฏิวัติที่เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร” ประกอบด้วย ทหารและพลเรือนซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการศึกษามาจากประเทศในทวีปยุโรปเมื่อทำการปฏิวัติยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวสำเร็จ ประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยคืออะไร
บางคนก็ว่าประชาธิปไตยเป็นลูกของหัวหน้าคณะผู้ก่อการ คือ พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา มันสมองของคณะปฏิวัติที่สำคัญ คือ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งศึกษาจากประเทศฝรั่งเศสกับหลวงพิบูลสงคราม ซึ่งเป็นผู้ร่วมนำนายทหารและพลเรือนที่สำเร็จการศึกษาส่วนใหญ่มาจากประเทศฝรั่งเศส การปฏิวัติประสบความสำเร็จได้โดยง่าย เพราะพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าถ้าพระองค์จะต่อสู้กับคณะผู้ก่อการจะต้องเสียเลือดเนื้อระหว่างคนไทยด้วยกันเอง ขณะที่เกิดการปฏิวัติพระองค์เสด็จแปรพระราชฐานประทับอยู่ ณ พระราชวังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
นับแต่นั้นเป็นต้นมาสังคมการเมืองของประเทศไทยเกิดความไม่สงบเพราะการแย่งชิงอำนาจระหว่างนักการเมืองยกเว้นเมื่อเกิดสงครามโลก ครั้งที่ 2 ซึ่งขณะนั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ปกครองประเทศโดยระบอบเผด็จการได้เกิดคำขวัญที่ยกย่องจอมพล ป. พิบูลสงคราม มามากมาย เช่น เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย หรือเชื่อผู้นำชาติไม่แตกสลาย ฯลฯ เป็นต้น
จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ประเทศไทยโดย นายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นหัวหน้าที่เรียกว่าคณะเสรีไทยในประเทศไทย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เอกอัครราชทูตประจำประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหัวหน้าคณะเสรีไทยในสหรัฐอเมริกา และศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ หัวหน้าคณะเสรีไทยที่ประเทศสหราชอาณาจักรได้ทำการต่อต้านรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่ประกาศสงครามเข้ากับญี่ปุ่นเมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้ในสงครามโลก ครั้งที่ 2 คณะเสรีไทยได้ประกาศว่าการเข้าร่วมสงครามกับประเทศญี่ปุ่นเป็นโมฆะ ทำให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องถูกจับเป็นอาชญากรสงคราม นับแต่นั้นมาการเมืองของประเทศไทยเกิดความวุ่นวายมีปฏิวัติรัฐประหารตลอดมาจนทำให้นายปรีดี พนมยงค์ ต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสจนถึงแก่อนิจกรรมที่นั่น
การต่อสู้ทางการเมืองที่สำคัญต่อมาคือการเดินขบวนของนิสิตนักศึกษา เมื่อ พ.ศ. 2500 จนทำให้เกิดนายทหารคนสำคัญ คือ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้ายึดอำนาจจากจอมพล ป. พิบูลสงคราม (สมัยที่ 2) ทำให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องลี้ภัยและถึงแก่อสัญกรรมที่ประเทศญี่ปุ่น เหตุการณ์ทางการเมืองของประเทศสงบไปชั่วคราวจนกระทั่งถึงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เกิดขบวนการนิสิต นักศึกษา และนักเรียนรวมตัวกันขับไล่จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี กับจอมพลประภาส จารุเสถียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น เกิดจลาจลขึ้นในกรุงเทพมหานครในที่สุดพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงระงับเหตุการณ์และตั้งศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
การเมืองของประเทศจึงสงบไปจนกระทั่ง พ.ศ. 2535 เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกครั้ง คือ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เป็นเรื่องที่พลเอกสุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี ตระบัติสัตย์ และเหตุการณ์ต่อมาครั้งหลังสุด คือ การต่อต้านนายทักษิณ ชินวัตร ที่คนจำนวนมากออกมาขับไล่จนทำให้นายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรีต้องหนีออกนอกประเทศจนถึงทุกวันนี้ การปฏิวัติครั้งหลังสุดนี้นำโดยพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น นำทหารออกมาห้ามทัพมิให้เกิดปะทะกันระหว่างพลเรือนด้วยกันโดยเข้ามาทำหน้าที่เป็นคนกลางเพื่อจัดการให้เกิดความสงบและครั้งแรกประกาศว่าจะอยู่บริหารประเทศไม่นาน แต่สุดท้ายการบริหารประเทศภายใต้ระบอบเผด็จการอยู่ถึง 5 ปีกว่า จนเมื่อประกาศกลับสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันซึ่งจัดทำโดยนักกฎหมายมืออาชีพซึ่งทำขึ้นตามความต้องการของผู้มีอำนาจจนทำให้การเมืองวุ่นวายจนถึงทุกวันนี้ เพราะหัวหน้าคณะปฏิวัติซึ่งปัจจุบันกำลังทำหน้าที่หัวหน้ารัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบปกครองประเทศต่อไป
ฉะนั้น อนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร การปกครองระบอบประชาธิปไตยจะเกิดและงอกงามในแผ่นดินไทยได้หรือไม่ จะเป็นไปตามหลักประชาธิปไตยที่กล่าวไว้ว่า “ประชาธิปไตยจะดำรงอยู่ได้ก็ด้วยการที่ประชาชนรู้จักใช้สิทธิ กระทำตามหน้าที่ มีระเบียบวินัย และความรับผิดชอบ” ถ้าคนไทยสามารถปฏิบัติตามได้ สังคมไทยก็คงจะเป็นสังคมประชาธิปไตยที่คนไทยใฝ่ฝัน แต่ถ้ายังก้าวไม่พ้นอดีตที่ผ่านมา “วงจรอุบาทว์ต้องกลับมาสู่สังคมไทยอีกแน่นอน”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี