“เด็กไทยมีศักยภาพในการผลิตหุ่นยนต์ไปแข่งขันระดับโลกและได้รับรางวัลมาทุกปี ถือเป็นบุคลากรที่ดีในการเข้ามาสู่อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในอนาคต ในแง่กำลังคนมีขีดความสามารถในการเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ได้เริ่มจากดูแลควบคุม พัฒนาโปรแกรมให้หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ตามที่ต้องการได้” นายจักรมณฑ์ กล่าว1
คงไม่ต้องสงสัยว่าพลังและอานุภาพของอำนาจทางการคลัง ที่ใช้ผ่านเครื่องมือทางการคลังชนิดต่างๆ นั้น มีหรือไม่ และคงเห็นได้ว่าเครื่องมือทางการคลังที่ใช้อย่างสมเหตุสมผลอาจกระตุ้นหรือลดแรงจูงใจของมนุษย์ เบี่ยงเบนพฤติกรรมมนุษย์ที่ยังประกอบด้วยกิเลสหนาแน่นได้
กล่าวสำหรับหุ่นยนต์ ย่อมเกี่ยวข้องกับฐานภาษีชนิดต่างๆ คือการมีหุ่นยนต์ สำหรับบริษัทย่อมทำให้ประหยัดรายจ่าย หักรายจ่ายได้ จึงมีกำไรมากขึ้น สำหรับผู้บริโภคใช้จ่ายซื้อหาหุ่นยนต์ ย่อมทำให้มีรายจ่ายในการบริโภคสินค้าและบริการมากขึ้น สำหรับนักลงทุน ผู้มีฐานะดี ธุรกิจพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ เจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับหุ่นยนต์ รวมทั้งผู้ต้องการเป็นเจ้าของหุ่นยนต์ ย่อมทำให้มีเจ้าของหุ่นยนต์และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาจำนวนมากขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้น ถ้าเก็บภาษีจากฐานเงินได้ในอัตราสูงมาก แนวโน้มการลงทุน การทำงาน การสร้างกำไรที่เกี่ยวกับหุ่นยนต์อาจลดลง ถ้าเก็บภาษีจากฐานการบริโภคหรือการใช้จ่ายในอัตราสูงมาก แนวโน้มการใช้จ่ายบริโภคสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับหุ่นยนต์อาจลดลง และถ้าเก็บภาษีจากฐานการเป็นเจ้าของทรัพย์สินในอัตราสูงมาก แนวโน้มการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ราคาทรัพย์สิน และรายได้จากทรัพย์สินเกี่ยวกับหุ่นยนต์ อาจลดลง หรือมิฉะนั้นอาจมีการหนี้ภาษีมากขึ้น เพราะคุ้มค่าความเสี่ยงคุกตาราง หรือย้ายที่เกิดฐานภาษีไปในประเทศที่เก็บภาษีอัตราต่ำก็ได้
ในทางตรงกันข้ามถ้าเก็บภาษีจากฐานต่างๆ ในอัตราต่ำ แนวโน้มต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นอาจเพิ่มขึ้นในทางตรงกันข้ามได้ อย่างไรก็ดี ผลกระทบมากน้อยจากอิทธิพลที่เกิดจากเครื่องมือทางการคลังต่างๆ ยังมีปัจจัยอื่นอีกหลายอย่างประกอบด้วย การวัดผลให้แน่ชัดเพื่อให้สามารถตัดสินใจในเชิงนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องสร้างสรรค์องค์ความรู้และทำการวิจัยทดลองให้มากขึ้นกว่านี้
บทสรุปและข้อสังเกตบางประการ
(1) ทัศนะและท่าทีต่อหุ่นยนต์อย่างถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุด รัฐควรมองว่าแนวคิดเกี่ยวกับหุ่นยนต์เป็นธรรมชาติที่มีอยู่และเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยธรรมชาติจึงไม่ใช่สิ่งน่ากลัวโดยตัวหุ่นยนต์เอง หากแต่ขึ้นอยู่กับมนุษย์ที่เป็นผู้ใช้งานว่าจะใช้งานในทางที่เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษมากกว่า หุ่นยนต์เป็นสิ่งแสดงถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งด้วยซ้ำ ถ้าทุกคนรู้จักพิจารณาเลือกและใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม ปรับปรุงตามกาลเทศะ ย่อมเกิดประโยชน์และไม่มีโทษเช่นเดียวกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อื่นๆ หรือการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมที่เคยเกิดขึ้นผ่านมาแล้วหลายยุคหลายสมัย หลายระลอก ความคิดที่ว่าต้องใช้มาตรการทางการคลังหน่วงเหนี่ยวการค้นคว้าวิทยาการในเรื่องหุ่นยนต์โดยทั่วไปไม่น่าจะถูกต้อง จริงอยู่ที่ว่าเมื่อหุ่นยนต์มาแทนที่แรงงานคน คนอาจค่อยๆตกงานหรือว่างงานมากขึ้น แต่ถ้ามองในแง่ดี คนจะมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น สวัสดิการดีกว่าเดิม คุณภาพชีวิตสูงขึ้น ถ้ารัฐสามารถประหยัดรายจ่ายค่าจ้างข้าราชการจำนวนมหาศาลเพราะใช้หุ่นยนต์ทำงานแทน ภาษีเงินได้ถึงจะขาดไปบ้างก็คงไม่เป็นไร เพราะรายจ่ายรัฐลดลงไม่แน่ว่าโลกพระศรีอารย์ที่มนุษย์ไฝ่ฝันและมักกล่าวขวัญถึงนั้น อาจเป็นยุคที่มีการพัฒนาหุ่นยนต์อย่างสูงสุดก็ได้ โดยหุ่นยนต์ช่วยผลิตสิ่งจำเป็นต่างๆ รับใช้และดูแลสนองความต้องการของมนุษย์ทั้งหลาย จนคล้ายเป็นต้นกัลปพฤกษ์ตามจินตนาการ
(2) การใช้มาตรการทางการคลังผ่านเครื่องมือทางการคลังทั้งสามชนิค คือ รายจ่ายสาธารณะ รายได้สาธารณะ และหนี้สาธารณะ มีผลกระทบต่อการพัฒนาหุ่นยนต์อย่างแน่นอน ตราบใดที่มนุษย์ยังมีกิเลสอยู่แน่นหนา ย่อมจูงใจให้เกิดพฤติกรรมตามนโยบายรัฐโดยไม่ยากเย็น แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปในด้านส่งเสริมเร่งเร้าหรือหน่วงเหนี่ยวกีดกันการพัฒนาหุ่นยนต์ก็ได้ และยังมีความไม่แน่ชัดว่าจะเกิดผลในระดับมากหรือน้อยอย่างไร คุ้มค่าหรือไม่ ไม่มีใครรับรองผลให้ได้ เพราะยังมีการค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้ไม่มากนัก ผู้เขียนเห็นว่าการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ มีต้นทุนและความเสี่ยงสูงมาก กระแสการต่อต้านคัดค้านก็ยังคงมีในระดับสูง ประกอบกับมีผลกระทบหลายอย่างทางการคลังและต้องอาศัยปัจจัยอย่างอื่นนานาประการ ทั้งปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายใน ปัจจัยระหว่างประเทศ แหล่งพลังงาน วัสดุ ความรู้ ความนึกคิด ทัศนคติของบุคคลในสังคมมาประกอบเข้าด้วยกัน กล่าวสำหรับประทศไทยแล้ว พื้นฐานความรู้ตลอดจนการลงทุนค้นคว้าวิจัยในเรื่องหุ่นยนต์ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก ดังนั้น รัฐจึงไม่ควรรีบร้อน ควรปล่อยให้เป็นบทบาทของเอกชนและประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะถ้าพัฒนาโดยไม่มีพื้นฐานความรู้และทักษะที่เพียงพองานวิจัยก็อาจมีความเสี่ยงที่จะล้มเหลวมากกว่าเกิดผลสำเร็จ การใช้มาตรการทางการคลังสนับสนุนให้เอกชนลงทุนเกี่ยวกับหุ่นยนต์ในประเทศแทนที่รัฐจะลงทุนเอง รวมทั้งการสนับสนุนให้ซื้อหุ่นยนต์บางประเภทมาใช้งานโดยประเมินข้อดีและข้อเสียแล้ว น่าจะเป็นนโยบายที่เหมาะสมกว่า ในกรณีที่รัฐจะลงทุนพัฒนาหุ่นยนต์ ควรมีการศึกษาแนวทางการร่วมลงทุนค้นคว้าวิจัยกับประเทศอื่นในด้านที่ประเทศไทยมีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์โดยธรรมชาติ เช่น หุ่นยนต์แปลภาษาไทยและภาษาเพื่อนบ้านของไทยก่อน นอกจากนี้ เนื่องจากแรงงานทางการเกษตรรวมทั้งแรงงานไร้ฝีมือในไทยยังขาดแคลน จึงควรสนับสนุนให้มีการใช้หุ่นยนต์ทดแทนในเรื่องนี้ให้มากขึ้น
(2) โดยเหตุผลที่มนุษย์ยังมีกิเลส และมีความรู้จำกัดอยู่ มาตรการต่างๆ ในทางการคลังเกี่ยวกับหุ่นยนต์ควรนิยามความหมายให้ชัดเจน เพื่อว่าถ้าวัตถุประสงค์ชัดเจนแน่นอน จะได้เลือกใช้มาตรการทางการคลังให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพได้ รวมทั้งจะได้ตรวจวัดประเมินผลได้อย่างแม่นยำ นำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นต่อไป หรือยกเลิกเสียถ้ามีความผิดพลาดในเชิงนโยบาย นอกจากนั้น รัฐควรต้องเตรียมการป้องกันผลกระทบในทางเป็นโทษหรืออกุศลไว้ด้วย โดยเฉพาะอย่าให้มนุษย์กลายเป็นทาสกิเลสหรือทาสหุ่นยนต์ อย่าให้มนุษย์เมามันนอนทอดหุ่ย ไม่ยอมออกกำลังกาย เพราะมีหุ่นยนต์ทำงานแทน จนอ้วนลงพุงเป็นโรคต่างๆ นานา และทำลายสุขภาพตนเองในท้ายที่สุด หรืออย่าให้มนุษย์ถูกหุ่นยนต์ทำให้สูญพันธุ์เสียเอง การพัฒนาไม่ว่าด้านใด รัฐควรต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ ต้องรักษา อย่าทำให้เสียหายด้วย
ศาสตราจารย์ ดร.สุเมธ ศิริคุณโชติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี