กองทัพไทยในอดีตโดยเฉพาะกองทัพบกและกองทัพเรือในสมัยราชาธิปไตยมีส่วนสำคัญในการกู้เอกราชจากการที่ประเทศไทยในสมัยนั้นคือสยามหรือว่าโยเดียต้องพ่ายแพ้สูญสิ้นอธิปไตยของชาติจากการรุกรานของกองทัพอาณาจักรพม่าในอดีตสมัยราชวงศ์อลองพญาเมื่อปี 2310 ด้วยการที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อดีตพระยาตาก แม่ทัพคนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา ได้รวบรวมทัพบกและทัพเรือยกกำลังพล 5,000 นาย จากเมืองจันทบุรี เข้ามากวาดล้างทหารพม่าของสุกี้นายกองทหารพม่าที่เมืองธนบุรีและกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จ
หลังจากนั้นราชอาณาจักรสยามต้องทำสงครามกับพม่าปกป้องอธิปไตย ต่อมาอีกถึง 30 กว่าปี จนสามารถตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ให้เป็นราชธานีแห่งใหม่ได้สำเร็จเพราะพระมหากษัตริย์แห่งพระราชวงศ์จักรีและกองทัพบกและเรือที่เป็นกองทัพแห่งชาติได้เสียสละชีวิตและทรัพย์สินป้องกันภัยจากกองทัพประเทศเพื่อนบ้าน
แม้ไม่มีสงครามจากเพื่อนบ้านแล้วแต่ราชอาณาจักรสยามก็ยังมีภัยคุกคามจากการล่าเมืองขึ้นจากมหาอำนาจตะวันตก เช่น ฝรั่งเศส, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, เนเธอร์แลนด์,สเปน หรือโปรตุเกส ฝรั่งผมแดงเหล่านี้ได้ใช้นโยบายเรือปืนเข้ามาข่มขู่คุกตามประเทศในเอเชียจนสามารถยึดครองดินแดนต่างๆ ให้ต้องตกไปเป็นอาณานิคมของตะวันตกทั้งทวีปเหลือแค่ไทย, จีน และญี่ปุ่น เท่านั้น ที่ยังคงเป็นเอกราชอยู่ได้แต่ทั้ง 3 ชาตินี้ ก็ต้องยอมเสียอิสรภาพต่างๆ มากมาย
ญี่ปุ่นจำต้องสละดินแดนเกาะบางแห่งให้ฝรั่ง จีนต้องยอมให้มหาอำนาจเช่าที่ดิน 99 ปี เช่น มาเก๊า,ฮ่องกง, เทียนจิน ส่วนไทยก็ต้องยอมยกดินแดนประเทศราชไปให้อังกฤษ และฝรั่งเศส เช่น แคว้นฉาน, เชียงรุ่ง, เกาะปีนัง,รัฐปะลิส, ไทรบุรี, กลันตัน, ตรังกานู, บางส่วนของลาวและบางส่วนของกัมพูชาเพื่อแลกกับอิสรภาพของราชอาณาจักรสยาม
ด้วยภัยคุกคามจากมหาอำนาจฝรั่งผมแดงที่ชอบอ้างคำว่าประชาธิปไตยทำให้พระมหากษัตริย์แห่งพระราชวงศ์จักรี 3 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ จำต้องปฏิรูปกองทัพไทยให้มีความทันสมัยเข้มแข็งตามแบบชาติตะวันตก
และเหตุนี้กองทัพไทยจึงได้มีส่วนกับประวัติศาสตร์การเมืองในการก่อรัฐประหารหรือกบฏมาตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2475 จนถึงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 รวมทั้งสิ้นถึง 29 ครั้งด้วยกัน 27 ครั้งแรกมาจากเหตุผลส่วนตัวจากการขัดแย้งทางด้านการเมืองกองทัพไม่ว่าจะเป็นทหารบกและทหารเรืออยู่ในอุ้งมือของอำนาจจากข้าราชการและนักการเมืองมีการใช้กำลังทหารเข้ามาแก้ไขปัญหาและแก่งแย่งอำนาจมาสู่ฝ่ายตนหากชนะก็ได้อำนาจรัฐ หากแพ้ก็คือกบฏ
แต่การรัฐประหารของคณะทหารในกองทัพใน 2 ครั้งล่าสุดในวันที่ 19 กันยายน 2549 และวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้นถือได้ว่ามันคือการรัฐประหารเพื่อโค่นอำนาจเผด็จการทุนนิยมของระบอบทักษิณให้สูญสิ้นไปอย่างแท้จริงและได้รับความยกย่องยินดีจากประชาชนคนไทยฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณเป็นอย่างมากเพราะคณะนายทหารเหล่านี้คือวีรชนของชาติที่กล้าเสี่ยงกับคำว่ากบฏเข้ามาโค่นล้มระบอบฉ้อราษฎร์บังหลวงของระบอบการเมืองสามานย์
เมื่อไม่นานมานี้มีข้อเสนอจากแรงแค้นของนักการเมืองขี้โกงที่ตั้งพรรคการเมืองเพื่อต้องการยึดอำนาจรัฐแต่มักชอบอ้างคำว่าประชาธิปไตยแบบตะวันตกฝรั่งผมแดงมาบังหน้าให้ดูหรูหรามีราคาต้องการปฏิรูปกองทัพและต้องการยกเลิกพ.ร.บ.เกณฑ์ทหารที่เป็นกฎหมายป้องกันประเทศดั้งเดิมเสียใหม่ อ้างจะทำให้กองทัพไทยไม่เข้ามายุ่งกับการเมืองวัตถุประสงค์ใหญ่แล้วเพราะนักการเมืองขี้โกงเขาแค้นใจที่ทหารมาล้มล้างอำนาจทางการเมืองของพวกเขามากกว่านี่คือข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ใช่หรือไม่
การเลือกการเกณฑ์ทหารในขณะนี้ภายใน 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยยังไม่ถึงระยะเวลาที่จะทำได้เพราะรัฐบาลไทยไม่มีงบประมาณมากพอที่จะทำแบบประเทศที่ร่ำรวยได้เลยเนื่องจากระบบประมวลรัษฎากรของไทยล้าสมัยมีประชาชนเสียภาษีเงินได้เพียง 6 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 67 ล้านคน ในขณะที่ชาติที่เจริญแล้วมีผู้เสียภาษีเงินได้ร้อยละ 45-50 ของประชากรซึ่งจะเห็นว่าแตกต่างกันมาก
ยกตัวอย่างให้เห็นชัดเอาเฉพาะกองทัพบกที่มีทหารประจำการตัวเลขกลมๆ ประมาณ 250,000 คน ทั้งชายและหญิงโครงสร้างประกอบด้วย 21 หน่วยระดับกองพล(ดิวิชั่น) 35 มณฑลทหารบก (มิลิทารี่แอเรีย)6 หน่วยระดับกองทัพภาค (อาร์มี่คอร์ปส)ย่อยลงมาเป็น 10 กองพลทหารราบ (อินแฟนทรี)3 กองพลทหารม้า (คาวารี่) 2 กองพลทหารปืนใหญ่ (อาร์เตอร์ราลี่) 1 กองพลรบพิเศษส่งทางอากาศ (แอร์บอร์น) 1 กองพลทหารช่าง(เอ็นจิเนีย) 4 กองพลพัฒนา (ดิวิลอป) และ4 กองบัญชาช่วยรบ (อ๊อคซิลารี่ยูนิตดิวิชั่น)
กองทัพบกไทยมีภาระต้องปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติจากชาติเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นเมียนมา, กัมพูชา, สปป.ลาว หรือมาเลเซีย แม้จะเป็นมิตรในกลุ่มอาเซียนโดยเฉพาะเมียนมามีกองทัพบกที่มีกำลังพลมากถึงกว่าสี่แสนคน ด้วยเหตุนี้กองทัพต้องมีกำลังมากพอในการป้องกันประเทศด้วยการมีกำลังพลที่มีความสมดุลกับการทำสงครามจำกัดเขตเพราะไทยไม่มีอาวุธทำลายล้างสูงแบบตะวันตกที่ใช้ระบบทหารอาสาสมัครได้นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ประชาชนคนไทยต้องรับรู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร อย่าได้เชื่อตามนโยบายของพวกคอมมิวนิสต์ย้อนยุคมาก
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี