วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ฮ่องกงประสบกับการประท้วงครั้งใหญ่ยืดยาวมานานกว่า 10 สัปดาห์แล้ว และดูยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ นอกจากนั้นยังดูท่าจะขยายวงไปอีก เพราะยังไม่มีการเจรจากันระหว่างฝ่ายทางการ กับฝ่ายประท้วง แถมทั้งฝ่ายตำรวจและฝ่ายผู้ประท้วงเริ่มใช้ความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวข้อง และอาจจะควบคุมสถานการณ์กันไว้ไม่ได้ อีกทั้งปัญหาก็ถูกเสริมด้วยการนัดหยุดเรียนกันอย่างกว้างขวาง
ชาวโลกต่างก็กำลังติดตามเหตุการณ์นี้ด้วยความระทึกใจว่า รัฐบาลจีนจะเข้าร่วมกับฝ่ายผู้ปกครองฮ่องกงออกฤทธิ์ เลือกใช้ยาแรงกับกลุ่มผู้ประท้วงหรือไม่ หรือเข้ายึดฮ่องกงให้มาเป็นส่วนหนึ่งของจีนแบบสมบูรณ์ (ดังที่รัฐบาลอินเดีย เพิ่งกระทำกับเขตแคชเมียร์)
ชนวนของเรื่องก็คือ ฝ่ายผู้ปกครองเขตฮ่องกงมีความต้องการจะออกกฎหมายการจัดส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่งผลให้ผู้คนออกมาประท้วง คัดค้าน เพราะชาวฮ่องกงอ่านความว่า กฎหมายฉบับนี้จะกลายเป็นกลไกให้รัฐบาลจีนสามารถเข้ามาแทรกแซงในกิจการภายในของฮ่องกง ในด้านการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่างๆ ได้ โดยเมื่อรัฐบาลจีนสงสัยคนจีนใดๆ โดยเฉพาะคนที่ลี้ภัยการเมืองมาอยู่ที่ฮ่องกง ทางจีนก็สามารถร้องขอให้ทางฮ่องกงส่งตัวไปขึ้นศาลที่ประเทศจีนได้ ซึ่งรูปแบบดังกล่าว ชาวฮ่องกงถือว่าเป็นการมีอำนาจเหนือฮ่องกง
ชาวฮ่องกงก็เลยแห่ออกมารวมตัวกันบนท้องถนนกันมากมายรวมเป็นแสนเป็นล้านคน เพื่อแสดงพลังคัดค้าน และเรียกร้องให้ยกเลิกร่างกฎหมายนี้ ซึ่งรัฐบาลฮ่องกงก็ตอบสนองในระดับหนึ่งคือ การถอนร่างกฎหมายออกไปจากวาระการพิจารณาของสภานิติบัญญัติ แต่ไม่ได้ทำการยกเลิกร่างกฎหมายฉบับนี้ไปอย่างถาวร
เมื่อเป็นเช่นนี้ ชาวฮ่องกงก็เลยยิ่งเดือดดาล ยังคงรวมตัวทำการประท้วงกันต่อไป เพื่อที่จะให้มีการยกเลิกร่างกฎหมายให้ได้ และเพิ่มการเรียกร้องให้ผู้บริหารฮ่องกงลาออก และลามปามไปจนถึงการเรียกร้องให้ฮ่องกงเป็นสังคมประชาธิปไตยเต็มใบ โดยจีนไม่ต้องร่วมเห็นชอบกับตัวหัวหน้าผู้ปกครอง เป็นต้น แต่ให้มาจากการเลือกตั้ง ก็ยังชักเย่อกันไปมาอยู่จนบัดนี้ และให้จีนเคารพหลักการเสรีภาพของฮ่องกง ตามข้อตกลงในการส่งมอบฮ่องกงคืนจากอดีตเจ้าอาณานิคม ประเทศอังกฤษ ที่ว่าจีนกับฮ่องกงนั้น ถือว่าอยู่ในประเทศเดียวกัน แต่มี 2 ระบบ (One country Two systems) กล่าวคือ จีนก็เป็นคอมมิวนิสต์ของจีนไป ส่วนฮ่องกงก็มีระบบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตยของตนเอง
อย่างไรก็ดี รัฐบาลจีนนั้นก็ยังมีอำนาจและอิทธิพลแฝงอยู่บนเกาะฮ่องกง ผ่านทางคณะรัฐบาลฮ่องกง และสภานิติบัญญัติของฮ่องกง (กึ่งเลือกตั้งและกึ่งแต่งตั้ง) แถมพ่วงด้วยการมีค่ายทหารตั้งมั่นอยู่ในฮ่องกงอีกด้วย ถึงจุดนี้รัฐบาลจีนอาจใช้วิธีปล่อยให้การประท้วงยืดเยื้อไปเรื่อยๆ จะได้มีผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงต่อฮ่องกง ในทำนองให้ฮ่องกงทำการอัตวินิบาตกรรมตัวเอง แล้วในขณะเดียวกันก็เพิ่มความแข็งแกร่งของเมืองท่าต่างๆ ของจีน เพื่อขึ้นมาแข่งขันและทดแทนฮ่องกงในที่สุด
ชาวฮ่องกงส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนหนุ่มคนสาวต่างตระหนักดีในผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ต้องการสิทธิเสรีภาพ และความเป็นตัวตนของตนเองเสียก่อน นั่นคือต้องการให้มีการเลือกตั้งทั่วไปอย่างเสรี แทนที่จะต้องมาเลือกผู้ว่าการเกาะฮ่องกงจากบุคคลที่จีนคัดสรรมาให้เท่านั้น เปรียบเสมือนฮ่องกงตกอยู่ในอาณัติของจีนและขัดกับหลัก 2 ระบบที่ต่างกัน
ความขัดแย้งยุ่งเหยิงจากการประท้วงครั้งนี้ได้กระทบกระเทือนต่อวิถีชีวิตประจำวันของชาวฮ่องกงอย่างมากมาย และส่งผลกระทบไปยังเศรษฐกิจของฮ่องกงอย่างใหญ่หลวง ในฐานะเป็นศูนย์กลางการเงิน การท่า การค้าขาย ระดับสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บรรดาผู้มีอันจะกินและบริษัท ห้างร้าน ทั้งของฮ่องกง และต่างประเทศ กำลังพินิจพิจารณาหาช่องทางโยกย้ายทรัพย์สิน และการลงทุนออกไปจากฮ่องกง เพราะไม่มั่นใจว่าหลังจากนี้ไปแล้ว จีนจะตัดสินใจดำเนินการอย่างไรกับเกาะฮ่องกง แต่ฝ่ายผู้ประท้วงและผู้คนส่วนใหญ่ก็ดูจะยอมลำบาก เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิเสรีภาพ และคงคิดว่าเมื่อมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ ก็จะสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐบาลจีนก็เลือกที่จะยังไม่เคลื่อนทัพเข้าไปปราบปรามผู้ประท้วง และทำการยึดอำนาจเกาะฮ่องกงกลับมา ก็อาจเป็นเพราะว่า ยังมีความเกรงใจประชาคมโลกอยู่บ้าง รวมทั้งไม่อยากจะสูญเสียภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือบนเวทีโลก ที่ต้องลงทุนลงแรงมาอย่างมากมาย อีกทั้งคงไม่อยากให้เหตุการณ์ใช้กำลังฆ่าฟันประชาชนชาวจีนที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน กลางกรุงปักกิ่ง กลับมาหลอกหลอนอีก ก็เฝ้าดูสถานการณ์ไปก่อน
ประเด็นก็เลยอยู่ที่ว่า ผู้บริหารฮ่องกง และผู้มีอิทธิพลในฮ่องกงนั้น จะเลือกออกมายืนอยู่ข้างเดียวกับประชาชนชาวฮ่องกงหรือไม่ ชนิดตายเป็นตาย วันข้างหน้าเอาไว้ค่อยว่ากัน หรือจะเลือกโอนอ่อน ยอมหงอยตายอย่างช้าๆ ในอุ้งมือของจีนต่อไป
ฉะนั้น ก่อนที่การเจรจาต่อรองกับจีนจะเกิดขึ้นได้ ต้องทำให้ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวฮ่องกงทุกหมู่เหล่าต้องเกิดขึ้นให้ได้ก่อน
ข้อคิดสำหรับผู้นำจีนก็คือ สิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกงนั้นไม่ได้เป็นภยันตรายต่อจีน ฮ่องกงภายใต้ประชาธิปไตยก็มิได้เป็นศัตรูกับจีนแต่อย่างไร และคงไม่ลืมว่า คนจีนแผ่นดินใหญ่อีกพันกว่าล้านคน ต่างก็ต้องการสิทธิเสรีภาพเช่นเดียวกัน ดังนั้น เหตุการณ์เรียกร้องสิทธิเสรีภาพที่ฮ่องกง จึงถือว่าเป็นปัญหาต่อความมั่นคงของผู้นำเผด็จการจีนเท่านั้น มิใช่ต่อความมั่นคงของชาติจีน
ฮ่องกงก็ได้แสดงให้เห็นว่า แม้ไม่ใช้ระบบวิธีเผด็จการ ก็สามารถพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้ ในขณะที่จีนนั้นพยายามเผยแพร่การพัฒนาเศรษฐกิจชาติ ผ่านทางการปกครองประเทศที่เป็นเผด็จการ ซึ่งที่อ้างว่าต้องมีเผด็จการนำพานั้น ก็เพราะนักเผด็จการได้ประโยชน์ในการอยู่ในอำนาจเพียงกลุ่มเดียว โดยไม่ยอมรับว่า การเปิดเสรีให้ทุกคนมีอำนาจ สามารถร่วมคิดร่วมทำ ก็ทำให้ชาติพัฒนาก้าวหน้าได้
หากฮ่องกงรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้จริง ก็น่าจะถึงเวลาที่ผู้นำจีนจะหันมาพิจารณา ปล่อยให้ฮ่องกงเดินต่อในวิถีเสรีประชาธิปไตย ตามข้อตกลงที่ได้ลงนามไว้ในสัญญาคืนเกาะฮ่องกงเสียที
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ 'เขมวันต์ สงคราม' เป็นพลเรือเอก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
หมอสมเกียรติ คลินิกดังกระบี่ เปิดคลินิกรักษาฟรี2วัน ส่งต่อทุกบาทช่วยน้ำท่วม
‘อนุทิน’เยี่ยมศูนย์ อพยพ ม.อ.หาดใหญ่ สั่งเร่งระดมช่วยคนติดค้าง
เซ่นน้ำท่วม! เด้ง ‘นายอำเภอหาดใหญ่’ ช่วยราชการวิทยาลัยการปกครอง
กรมชลประทาน เผย น้ำท่วมหาดใหญ่ลดต่อเนื่อง คาดกลางดึกคืนนี้ระดับน้ำเข้าสู่ตลิ่ง หากไม่มีฝนเพิ่ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี