หลังศาลฎีกาพิพากษาจำคุกแกนนำ นปช. 4 ปี ในคดีบุกล้มการประชุมอาเซียนปี 2552
ใครหลบหนี ใครออกช่องทางธรรมชาติ? หนีตลอดชีวิต? ใครจะต้องถูกเรียกค่าเสียหายทางแพ่งด้วยหรือไม่?
ทุกอย่าง ล้วนเป็นเรื่องของกรรม คือ การกระทำ และผลแห่งการกระทำของคนนั้นๆ
แต่ความจริงในเหตุการณ์ดังกล่าว สังคมไทยไม่ควรลืม แต่ควรจดจำไว้เป็นบทเรียน
วันนี้ ขออนุญาตบันทึกความจริงในเหตุการณ์ดังกล่าว ผ่านสายตาและมุมมองของ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล อดีตสื่อสารมวลชนอาวุโส ผู้อยู่ในเหตุการณ์ล้มการประชุมอาเซียนในปี 2552 ด้วยตนเอง
และท่านได้คุยกับนายอริสมันต์ด้วยตนเอง ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ทก่อนจะล้มการประชุมอาเซียนด้วย
อาจารย์สมเกียรติ อ่อนวิมล เคยเขียนบันทึก หัวข้อ “ครบรอบ 4 ปี ทักษิณชินวัตร และ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กับการทำลายการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่พัทยา 10-11 เมษายน 2552”
เนื้อความน่าสนใจมาก บางช่วงบางตอน มีดังนี้
1. “...เดือนเมษายน 2552 ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน+6 ที่พัทยา ผมอยู่ในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท ทุกวัน เหมือนสื่อมวลชนทั้งหลาย ในวันแรกที่ไปถึง รู้สึกสะดวกสบายและเห็นความราบรื่นในการเตรียมงาน มองเห็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่จากการประชุม เพราะการเตรียมงานเรียบร้อย มีประสิทธิภาพอย่างน่าภาคภูมิใจในฐานะคนไทยที่เป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทย อาคารสถานที่ของโรงแรมก็โอ่โถง กว้างขวาง โอฬาร สมเป็นสถานที่จัดประชุมระดับโลก บรรยากาศสดชื่นงดงามของทะเลและชายหาดเป็นอมตะจนไม่ต้องอธิบาย...
... แต่พอเริ่มงานในวันที่ 10 เมษายน 2552 ทุกอย่างก็ไหวสะเทือนเพราะแรงการประท้วงจากฝูงชนผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ใส่เสื้อสีแดงเป็นสัญลักษณ์ ผมทราบดีว่าคุณทักษิณต้องการอำนาจกลับคืนมา แต่ไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากล้มรัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์ และไม่มีวิธีอื่นใดที่จะล้มรัฐบาลได้ขณะที่ตัวเองเป็นผู้ต้องโทษหนีไปอยู่ต่างประเทศ นอกจากจะให้ตัวแทนของตนในประเทศไทย รวมพลังมวลชนมาก่อกวนเพื่อล้มรัฐบาลด้วยเงื่อนไขที่รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยใดๆจะรับไม่ได้ แต่ผมก็ไม่คิดว่ามวลชนของคุณทักษิณจะมาล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา ที่ผมคิดเช่นนี้ก็เพราะว่าพวกเสื้อแดงที่เป็นผู้นำการประท้วง กล่าวบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลที่กรุงเทพฯว่าจะไม่ขัดขวางการประชุมสุดยอดอาเซียนและพิสูจน์การรักษาสัจจะให้เห็นแล้วในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนก่อนหน้านี้ที่ชะอำ-หัวหิน….”
2. “...ในวันที่ 10 เมษายน 2552 ขบวนประท้วงของพวกเสื้อแดงเดินทางเข้ามาถึงหน้าโรงแรมอย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่ทางเข้าก็แคบและมีทางเข้าด้านหน้าทางเดียว ทางเข้าด้านหลังโรงแรมก็มี แต่ก็สามารถปิดกั้นให้ความปลอดภัยแก่สถานที่ประชุมได้หากตำรวจและทหารต้องการจะทำหน้าที่จริงๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธรุนแรง เพียงแต่ตั้งเครื่องกีดขวางเสริมด้วยตำรวจและทหารหลายๆ แถว แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ...
...ระหว่างความชุลมุนวุ่นวายในอาคารสื่อมวลชนนั้น ผมนั่งคิดอยู่ว่าผมควรจะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์ จะหลบไปหามุมปลอดภัย หรือจะเข้าไปอธิบายให้พวกแดงฟังบ้าง หรือจะเข้าไปเผชิญหน้าถกเถียงกับพวกเขาด้วยตัวเองเสียเลย ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ในที่สุด ผมก็เดินแหวกฝูงชนที่ห้อมล้อมคุณอริสมันต์อยู่นั้น แล้วผมก็เข้าไปด้านหลัง สะกิดไหล่คุณอริสมันต์ที่กำลังยืนพูดกับผู้สื่อข่าวข้างหน้า คุณอริสมันต์หันมาทักทายผม แล้วผมก็บอกคุณอริสมันต์ ที่พวกเราสื่อมวลชนเรียก “กี้ร์” ซึ่งเป็นชื่อเล่น ผมขอร้องคุณอริสมันต์ว่าขอให้ถอนกำลังมวลชนกลับไปหลังจากยื่นหนังสือแล้ว ตามที่ได้สัญญาไว้กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ขอให้เห็นแก่อาเซียนและรัฐบาลซึ่งหมายถึงรัฐบาลของท่านนายกฯสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลท่านนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลของท่านนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทุกรัฐบาลทั้งหมดรวมกัน เพื่อรักษาชื่อเสียงของประเทศชาติเอาไว้ให้ได้ เพราะทุกรัฐบาล ล้วนแล้วแต่ร่วมกันทำงานเพื่ออาเซียนเพื่อชื่อเสียงของประเทศไทยมานานแรมปี อาเซียนเป็นของทุกรัฐบาล เป็นของคนไทย และเป็นของพลเมืองเกือบ 600 ล้านคนใน 10 ประเทศร่วมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ของเรา
อาเซียนไม่เกี่ยวกับปัญหาระหว่างคุณทักษิณกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แต่ประการใด
อาเซียนไม่เกี่ยวกับเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง
อาเซียนไม่ได้เป็นปฏิปักษ์อะไรกับพวกแดง!
ผมพูดกับคุณอริสมันต์โดยความหมายรวมทำนองนี้ในเวลาไม่ถึงนาที แล้วย้ำกับคุณอริสมันต์ว่า หากมวลชนของคุณอริสมันต์ถอยกลับตามสัญญาก็จะได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นในฐานะที่แสดงความเป็นนักประชาธิปไตยในการประท้วงแล้วส่งความคิดเห็นตามช่องทางที่เหมาะสม จบแล้วก็จบกระบวนการประท้วง
หลังการยื่นหนังสือประณามรัฐบาลไทยแล้วขบวนมวลชนเสื้อแดงของคุณอริสมันต์ก็ถอยกลับไปอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ผมโล่งใจและภูมิใจในความยึดมั่นสัจจะวาจาของคุณอริสมันต์...”
3. “...เมื่อผมกลับไปพักที่โรงแรมริเวียร่า ในเขตนาเกลือ ไกลจากที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ได้ดูช่องโทรทัศน์ D-Station ผ่านดาวเทียมของคุณทักษิณ ชมการปราศรัยบนเวทีของผู้ประท้วงที่กรุงเทพฯ ประกาศให้มวลชนเสื้อแดงเดินทางไปสมทบและเตรียมประท้วงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยาอีกรอบหนึ่ง
ผมฟังคำปราศรัยของคุณทักษิณ ผ่านจอภาพวีดีโอ
คุณทักษิณพูดปลุกเร้าอารมณ์ชาวเสื้อแดงแสดงความไม่พอใจที่การประท้วงนำโดยคุณอริสมันต์จบลงอย่างง่ายเกินไป คุณทักษิณต้องการให้พวกเสื้อแดงกลับไปประท้วงขัดขวางการประชุมสุดยอดอาเซียนต่อไป โดยตะโกนร้องว่า :
“ผมแพ้ไม่ได้” ประท้วงแล้ว “ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือกลับมา”
แล้วคุณทักษิณก็เรียกร้องให้การชุมนุมทวีความเข้มข้นขึ้น
ได้ยินดังนี้แล้วผมก็สิ้นหวัง และเชื่อว่าคำสั่งของคุณทักษิณนั้นศักดิ์สิทธิ์เหนือสัจจะวาจาใดๆ ที่คุณอริสมันต์ให้ไว้กับผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี หรือที่สัญญากับผมจากการคุยกันอย่างฉาบฉวยไม่กี่วินาที…”
4. “...เช้าวันที่ 11 เมษายน 2552 ผมไม่คิดว่าการประชุมสุดยอดอาเซียนจะเป็นไปได้ ดูจากสีหน้าที่โกรธขึ้งของคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และคุณจตุพร พรหมพันธุ์ บนเวทีปราศรัยหน้าทำเนียบรัฐบาล ก็เห็นความรุนแรงและมุ่งมั่นที่จะเอาชัยชนะติดมือจากพัทยากลับไปมอบให้คุณทักษิณให้ได้
ระหว่างทางบนถนนนาเกลือ ไปสู่โรงแรมที่จัดประชุมสุดยอดอาเซียน ผมพบกลุ่มเสื้อแดงวิ่งไล่ตีชาวพัทยาบริเวณวงเวียนน้ำพุ กระเจิดกระเจิงมาในซอยที่ผมกับทีมงานสารคดีโทรทัศน์อาเซียนหลบอยู่ ชายหนุ่มชาวพัทยาที่หนีเข้ามามือโชกเลือดเนื้อฉีกเป็นแผ่นยาวน่ากลัว เลือดไหลไม่หยุด ผมให้ผ้าเช็ดหน้าไปซับเลือด แล้วเจ้าของร้านขายของบริเวณใกล้เคียงก็ออกมาช่วยทำแผลให้ พวกเสื้อแดง วิ่งไล่ล่าตามมาในซอยหวังทุบตีด้วยไม้กระบองในมือ แต่ชาวพัทยาผู้บาดเจ็บก็ขึ้นรถหลบหนีไป ผมกับช่างภาพวีดีโอสองกล้องได้ถ่ายภาพเหล่านี้ไว้แล้วเดินออกไปปากซอย ดูเหตุการณ์ถึงวงเวียนน้ำพุแยกถนนนาเกลือ ซึ่งอยู่หน้าโรงแรมดุสิตธานีอันเป็นที่พักผู้นำชาติเอเชียตะวันออก ผมพบพวกเสื้อแดงในอาการโกรธแค้น ด่าทอหยาบคาย ผมเห็นตำรวจพัทยาปลอบใจหญิงเสื้อแดงที่อยากจะอยู่สู้กับชาวพัทยาบนถนน
แต่ตำรวจบอกให้ไปอยู่กับคนเสื้อแดงบนรถจะได้ปลอดภัย...
... มาถึงเวทีการประท้วงซึ่งอาศัยหลังคารถบรรทุกเป็นที่ยืนปราศรัย ผู้ปราศรัยนำโดยคุณอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เช่นเดิม เห็นหน้าคุณอริสมันต์อีกครั้งผมก็หมดความเชื่อถือในสัจจะวาจาที่เคยให้ไว้เมื่อวาน
ผมเชื่อในใจว่าคุณอริสมันต์จริงใจกับอาเซียนเมื่อวันวานที่ถอยกำลังกลับไป แต่ก็มั่นใจว่าคุณทักษิณมีอำนาจสั่งการเหนือกว่า แล้วสั่งผ่านผู้นำบนเวทีอภิปรายหน้าทำเนียบรัฐบาลที่กรุงเทพฯ
ผมเชื่อว่าการล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนเป็นของติดไม้ติดมือกลับไปตามที่คุณทักษิณต้องการนั้น คงจะถือเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ
ไม่ว่าจะอ้างเงื่อนไขอะไร เมื่อวันวานผู้ประท้วงสร้างเงื่อนไขเพียงขอยื่นหนังสือประท้วง แต่มาวันนี้ผู้ประท้วงขอขัดขวางการประชุม หากไม่จับตัวคนที่ทำให้พวกเสื้อแดงเสียชีวิตในการปะทะกันที่พัทยา โดยอ้างว่ามีพวกเสื้อแดงเสียชีวิตจริง แต่ข้อเท็จจริงต้อนนั้นไม่มีใครทราบ ผมเองทราบเป็นส่วนตัวเพราะพบเห็นโดยตรงว่าพวกเสื้อแดงตีชาวพัทยามือฉีกเลือดโชกไปหนึ่งคน หนุ่มพัทยาที่รับผ้าเช็ดหน้าจากผมไปห้ามเลือดย่อมยืนยันได้ ความจริงในวันต่อมาก็พบว่าไม่มีใครเสียชีวิตตามที่คุณอริสมันต์ประกาศเอาเป็นเงื่อนไขการล้มการประชุมสุดยอดอาเซียน
แต่ในขณะที่มีการสร้างข่าวสร้างเงื่อนไขเรื่องเสื้อแดงตายอยู่ในหมู่ฝูงชนที่กำลังเดือดดาลอยู่นั้น คุณอริสมันต์ก็พาฝูงชนบุกเข้าทุบทำลายประตูทางเข้าอาคารด้านหน้าของโรงแรมที่ประชุม
กระจกบานประตูแตกละเอียด กระจัดกระจาย คุณอริสมันต์พามวลชนเดินพล่านไปทั่วอาคาร ตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปทั่ว
ผมกับทีมงานและคณะนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์หลบอยู่ในห้องอาหารของสื่อมวลชน ซึ่งทั้งหมดใช้อาคารส่วนหน้าของโรงแรมนี้เป็นศูนย์ทำงานของเหล่าสื่อมวลชนรวมนับพันคนจากทั่วโลกความกร้าวกร่างและรุนแรงของพวกเสื้อแดงถูกบันทึกไว้โดยสื่อมวลชนทั่วโลกที่มาชุมนุมทำข่าวอาเซียนกันอยู่แล้ว
ณ นาทีนั้น บรรดาผู้นำชาติอาเซียนและประเทศคู่เจรจาถูกพาหนีออกจากโรงแรมไปทั้งทางเรือ และทางอากาศโดยเฮลิคอปเตอร์ ท่านนายกรัฐมนตรี Kevin Rudd กำลังเดินทางมาจากออสเตรเลียใกล้จะถึงพัทยาแล้ว พอได้ข่าวการก่อความวุ่นวายของพวกเสื้อแดง ท่านก็สั่งหันหัวเครื่องบินกลับออสเตรเลียกลางอากาศโดยฉับพลัน
คุณทักษิณใช้คุณอริสมันต์ทำลายที่ประชุมสุดยอดอาเซียนโดยเฉพาะเจาะจง
และทำลายอาเซียนโดยรวม จนคุณทักษิณและคุณอริสมันต์ถือว่าฝ่ายตนได้รับชัยชนะ
แต่ในความเห็นของผมนั้น คุณทักษิณพ่ายแพ้ยับเยิน จากพฤติกรรมที่ก่อขึ้นครั้งนี้
คุณทักษิณประพฤติตัวน่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในระดับชาติ ระดับอาเซียน และระดับโลก
คุณทักษิณไม่สำนึกเลยว่าตัวเองเคยร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนมาแล้วถึง6 ครั้ง มากกว่านายกรัฐมนตรีคนใดๆ ของไทย
คุณทักษิณไม่มีจิตสำนึกอะไรเลยต่องานที่ตัวเองทำให้อาเซียนและประเทศไทยนานถึง 6 ปี
คุณทักษิณไม่เคยคิดถึงคุณความดีของตัวเองที่เคยทำไว้ต่ออาเซียนบ้างเลย
ผมไม่มีทางเห็นเป็นอื่น ผมจะสรุปว่าคุณทักษิณเป็นคนดีของอาเซียนไม่ได้เลย
ผมได้เห็น รู้จัก และวิเคราะห์คุณทักษิณ มานาน 25 ปี แล้ว
ผมผิดหวังมากในความเป็นมนุษย์ของคุณทักษิณก็คราวนี้ ที่พัทยา
สำหรับอาเซียนและประเทศไทยนั้นก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียหายมหาศาลด้วยแน่นอน การประชุมสุดยอดอาเซียน+6 ล้มล่มลงอย่างน่าเสียใจเป็นที่สุด โลกชะงักงันต่อโอกาสในการประชุมแก้ปัญหาวิกฤติการเงินที่ทั้งโลกและอาเซียนเผชิญอยู่ อาเซียนต้องหยุดกระบวนการทำงานที่สำคัญที่สุดในรอบ 42 ปี…”'
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี