วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ขอคิดด้วยฅน
ขอคิดด้วยฅน

ขอคิดด้วยฅน

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
วันจันทร์ ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2562, 02.00 น.
ไม่ลด VAT มีประโยชน์กับประชาชนมากกว่า

ดูทั้งหมด

  •  

10 กันยายน ที่ผ่านมา ครม.ประยุทธ์มีมติลดหย่อนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากที่กำหนดในกฎหมาย 10% ของมูลค่าสินค้า เหลือเพียง 7% ของมูลค่าสินค้า ออกไปอีกเป็นเวลาหนึ่งปี ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563

ในปี 2535 นับเป็นเวลาถึง 27 ปี ที่ประเทศไทยประกาศใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT แต่ได้ลดอัตราลง 3% ตลอดอายุของการจัดเก็บ VAT


การลดอัตราภาษี VAT ในครั้งนี้ คงจะเป็นที่เข้าใจกันได้ว่ารัฐบาลประยุทธ์ โดยทีมเศรษฐกิจที่มีรองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และรัฐมนตรีอุตตมสาวนายน คงจะมีเจตนาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตามแนวถนัดของทีมเศรษฐกิจชุดนี้ ที่ใช้วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจ ลด แลก แจก แถม ให้ประชาชนนำเงินออกจับจ่ายใช้สอย

 

 

แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการลดภาษี VAT ของไทยตลอด 27 ปี ดูจะเป็นสิ่งปกติที่ไม่ปกติ เพราะได้กระทำต่อเนื่องยาวนานถึง 27 ปี

หากรัฐบาลจะได้ลดถึงปัญหาที่จะเกิดในอนาคตของไทย คือ “สังคมสูงวัย” ที่จะมีสัดส่วนของผู้สูงอายุจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ หรือมากกว่า 20 ล้านคน ในอีก 10 ปีเศษ สัดส่วนคนวัยทำงานจะน้อยลง สัดส่วนของเด็กเกิดใหม่ยิ่งจะน้อยลง
และเด็กที่เกิดจำนวนไม่น้อยจะเกิดกับ “คนท้องที่ไม่พร้อม” ส่วน “คนพร้อมไม่ค่อยจะท้อง”

รัฐจึงจำเป็นต้องส่งเสริมให้คนวัยทำงาน หรือคนที่มีรายได้จะต้องเก็บออมไว้ใช้ในยามชราที่ต้องหยุดทำงาน เป็นการออมเงินของเขาเองไว้ใช้ จะหวังพึ่งสวัสดิการของรัฐคงจะไม่ทั่วถึง ไม่พอเพียง และไม่ยั่งยืน ในสมัยปัจจุบันนี้จะหวังพึ่งลูกก็ไม่ค่อยจะได้

แนวนโยบายกระตุ้น ยุยง ให้คนใช้จ่ายเงินและเป็นหนี้สินจึงเป็นสิ่งที่สวนทางกับการสร้างระบบการออมของประชาชนที่จะแก้ปัญหา “สังคมสูงวัย”ในอนาคต

ดังนั้น หากรัฐบาลแทนที่จะลดภาษี VAT 3% ในครั้งนี้ แต่เก็บ VAT ในอัตราตามกฎหมาย คือ 10% แต่นำ 3% ที่เก็บได้เพิ่มขึ้นเป็นเงินออมของผู้บริโภคแต่ละคน ไปรวมไว้ในกองทุน เพื่อนำไปสร้างประโยชน์ให้ออกดอก ออกผล สูงมากขึ้น

VAT 3% ที่เก็บจะสามารถบันทึกชื่อผู้บริโภคที่จ่าย เป็นรายบุคคลในทุกครั้งที่จ่ายได้ เพราะบัตรประจำตัวประชาชนมีเลข 13 หลัก มีแถบแม่เหล็กหรือมีชิพที่สามารถบันทึกชื่อผู้จ่ายได้อยู่แล้ว เงินนี้จึงสามารถระบุเป็นเงินออมของแต่ละคนได้

รัฐสามารถรวบรวมเงินในชื่อของแต่ละบุคคล ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชราที่ได้จ่าย 3% สะสมตลอดมา จ่ายคืนผู้ที่จ่ายสะสมพร้อมทั้งดอกผลที่รัฐได้นำไปลงทุน ซึ่งน่าจะได้มากกว่า 2-3 เท่าของจำนวนเงินออม ทั้งนี้เพราะระยะเวลาที่นำเงินออมนี้ไปลงทุนยาวนาน

 

 

วิธีนี้จึงเป็นวิธีบังคับออม (Force Saving) วิธีหนึ่งที่ช่วยให้ประชาชนทุกคนมีเงินออม และทยอยได้รับเงินคืนเป็นรายเดือน ไว้ใช้ในยามชราที่หยุดการทำงาน

รัฐบาลก็สามารถจะเติมเงิน เพิ่มเงินเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีรายได้น้อย เพราะผู้มีรายได้น้อยจะใช้จ่ายน้อย จำนวน 3% ของมูลค่าที่ใช้จ่ายโดยรวมจะต่ำก็สะท้อนความยากจนที่มีเงินออมในระบบต่ำ รัฐก็สามารถเติมเงินสวัสดิการช่วยเหลือเป็นรายบุคคลได้ตรงตัว โดยไม่ต้องให้ประชาชนมาจดทะเบียนคนจน ซึ่งอาจจะจนจริงหรือบางรายอาจไม่จนจริง และรัฐก็ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคัดกรองอีกด้วย

ในการนี้รัฐบาลยังสามารถเก็บภาษี VAT 7% ส่วนที่จะนำไปใช้เข้าคลังได้มากขึ้น เพราะประชาชนผู้จ่ายภาษีจะเฝ้าติดตามการบันทึกจำนวนภาษีและชื่อของตนกับผู้ค้า

ร้านค้าและผู้ค้าขายจะต้องรีบเร่งเข้าสู่ระบบดิจิทัล ในการบันทึกรายการซื้อขายด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถตรวจสอบได้ แล้วยังเป็นการเอื้ออำนวยให้เกิดการจ่ายเงินชำระสินค้าแบบไร้เงินสด แต่ใช้การโอนเงินด้วย QR CODE หรือ BARCODE ได้ง่ายอีกด้วย จึงเป็นการลดต้นทุนการใช้เงินสด ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยเคยคำนวณไว้ว่าประเทศไทยจะประหยัดค่าจัดพิมพ์ธนบัตร กระจายธนบัตร ขนส่งธนบัตร จัดเก็บธนบัตรที่เสื่อมคุณภาพ และต้องสร้างระบบคุ้มกันความปลอดภัยการใช้ธนบัตรถึงปีละ 50,000 ล้านบาท หรือครั้งละประมาณ 1.40 บาท
ของธนบัตรแต่ละใบที่ประชาชนใช้จ่ายในแต่ละครั้ง อีกด้วย

 

 

บังคับออมร่วมกับภาษี VAT

แนวคิดข้างต้น จึงเป็นแนวคิดที่รัฐจัดเก็บภาษีเพื่อการออม ร่วมไปกับ VAT ในปัจจุบัน โดยเก็บ VAT ในอัตรา 10% ตามกฎหมาย แต่กันเงิน 3% เป็นเงินออมที่ระบุชื่อของผู้จ่ายด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำได้

ขอยกตัวอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้

สมมุติ นายเชี่ยวชาญ ชีวิต  เกิดเมื่อปี 2560 และจะหยุดทำงานในปี 2625 หรือเมื่ออายุ 65 ปี ในช่วง 65 ปี นายเชี่ยวชาญได้จับจ่ายใช้สอยทุก100 บาท เขาจะจ่ายภาษีการออม 3 บาท ฝากรัฐไว้ก่อน ถ้าเขาจับจ่ายใช้สอยเฉลี่ยนับตั้งแต่เด็ก ที่รายได้น้อยใช้น้อย จนถึงอายุมากขึ้น มีรายได้มากใช้มากขึ้น สมมุติว่า บริโภคเฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นบาท

แสดงว่าทุกเดือน เขามีเงินออมเฉลี่ย 600 บาท (3% ของเงินบริโภค 2 หมื่นบาท) หรือปีละ 7,200 บาท

คำนวณจนถึงอายุ 65 ปี เขาจะมีเงินออม (65*7,200) = ประมาณ 500,000 บาท ที่ฝากไว้กับรัฐบาล

รัฐบาลอาจเติมเงินออกดอกผลให้อีก 2 เท่าตัว เพราะเอาเงินเขาไปลงทุน 65 ปี (ปีหนึ่งๆ มากบ้างน้อยบ้าง)

สมมุติว่ารัฐบาลเติมให้อีก 2 เท่า คือ ประมาณ 1 ล้านบาท

รวมทั้งหมดเป็นเงินประมาณ 1.5 ล้านบาท

หากรัฐจะทยอยจ่ายคืนให้ใน 15 ปี ก็จะได้ปีละ 100,000 บาท เดือนละประมาณ 8,333 บาท ถ้าเสียชีวิตก่อน ก็ตกเป็นมรดกให้กับลูกหลานได้ต่อไป

นี่คือตัวอย่างรูปธรรมของการสร้างระบบออมเงินภาคบังคับ ผ่านภาษีการออมที่ 3% และเงินที่ใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นบาท ถ้าจะเพิ่มหรือลด ก็สามารถคำนวณดูได้

ตามแนวทางข้างต้น คนรวยที่มีรายได้ดี ก็มีการจับจ่ายใช้สอยสูง ย่อมจะมีเงินภาษีการออมสะสมมาก ทำให้ได้รับเงินคืนสูงกว่า

ตามกลไกปกติก็เป็นเช่นนั้น เพราะในความจริงเงินที่รัฐเก็บไป ก็เป็นเงินของเขาเองที่จ่ายไปให้รัฐใส่กองทุนมากกว่า ก็เงินของเขา เขาก็ได้มากกว่า เป็นเรื่องปกติ

แต่รัฐก็มีหนทางที่จะลดความเหลื่อมล้ำได้ โดยเงินที่รัฐจะเติมให้เป็นสวัสดิการพิเศษให้กับคนมีรายได้น้อยใช้จ่ายน้อยก็ได้ ยิ่งกว่านั้น

ตลอดช่วงชีวิต ประชาชนยังสามารถเช็คยอดเงินที่ตนเองออมไว้แล้วในช่วงเวลาใดได้อีกด้วย

แนวคิดนี้ จึงสามารถทำได้จริง ภายใต้ระบบเทคโนโลยีปัจจุบัน และยังประโยชน์ระยะยาวทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม เกิดผลลัพธ์รูปธรรมจับต้องได้ตั้งแต่เริ่มดำเนินการเลยทีเดียว

 

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
23:20 น. ดีกว่านี้ได้อีก!‘โค้ชวัง’ถ่อมช้างศึกยังไม่ท็อปฟอร์ม
22:09 น. 'กิตติรัตน์'ท้วง กษ.ควรออกประกาศห้ามเผาป้องกัน PM2.5 ตั้งแต่ ธ.ค.นี้
21:46 น. คอนเฟิร์มแล้ว ดีเจดาด้า เผยรู้มาเป็นปี นานา-เวย์ ไทเทเนียม หย่ากันจริง
21:44 น. เมล็ดพันธุ์ สส.ที่ดี! ‘ปชป.’ภาคกลางเปิดงาน‘เพาะกล้า’คัด สส.
21:33 น. ทบ.ไทยย้ำปฏิบัติการใช้อาวุธมุ่งเฉพาะ'เป้าหมายทางทหาร'ตามหลักมนุษยธรรมสากล
ดูทั้งหมด
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 30 พ.ย.-6 ธ.ค.68
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2568
ถึงบางอ้อ นักเขียนซีไรต์ เล่าเรื่องราว เขต 8 หาดใหญ่
ทับทิม มัลลิกาแชร์โมเมนต์อบอุ่น เปิดแชต ชวน หลีกภัย ส่งกำลังใจหลังผ่าตัดเนื้องอกในสมอง
กษัตริย์กัมพูชา แต่งตั้ง สมเด็จฮุน เซน รักษาการประมุขแห่งรัฐ
ดูทั้งหมด
จบแล้วแต่ยังไม่จบ : ทำไมการสิ้นสุด QT ไม่ได้ทำให้สภาพคล่องกลับมาทันที
‘นายกแป้น’กับน้ำท่วมหาดใหญ่
เมื่อองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันทั้งภูมิภาคมาร่วมวงคุยกันจริงจัง
ฟื้นฟูและเยียวยา
ตรรกะสักแต่จะด่าหาแสง
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ดีกว่านี้ได้อีก!‘โค้ชวัง’ถ่อมช้างศึกยังไม่ท็อปฟอร์ม

คอนเฟิร์มแล้ว ดีเจดาด้า เผยรู้มาเป็นปี นานา-เวย์ ไทเทเนียม หย่ากันจริง

มาเลเซีย ฟื้นภารกิจค้นหาเที่ยวบิน MH370 หลังหายสาบสูญกว่า 11 ปี

‘ยศกร’แฮตทริค! ‘ไทย’ถล่ม‘ติมอร์ฯ’ 6-1 เปิดหัวซีเกมส์

ข่าวลือแรง! นานา ไรบีนา-เวย์ ไทเทเนียม หย่ากันนานแล้ว

เปิดบทสนทนา นานา โทรหา หนุ่ม กรรชัย ก่อนตำรวจบุกรวบคาบ้าน

  • Breaking News
  • ดีกว่านี้ได้อีก!‘โค้ชวัง’ถ่อมช้างศึกยังไม่ท็อปฟอร์ม ดีกว่านี้ได้อีก!‘โค้ชวัง’ถ่อมช้างศึกยังไม่ท็อปฟอร์ม
  • \'กิตติรัตน์\'ท้วง กษ.ควรออกประกาศห้ามเผาป้องกัน PM2.5 ตั้งแต่ ธ.ค.นี้ 'กิตติรัตน์'ท้วง กษ.ควรออกประกาศห้ามเผาป้องกัน PM2.5 ตั้งแต่ ธ.ค.นี้
  • คอนเฟิร์มแล้ว ดีเจดาด้า เผยรู้มาเป็นปี นานา-เวย์ ไทเทเนียม หย่ากันจริง คอนเฟิร์มแล้ว ดีเจดาด้า เผยรู้มาเป็นปี นานา-เวย์ ไทเทเนียม หย่ากันจริง
  • เมล็ดพันธุ์ สส.ที่ดี! ‘ปชป.’ภาคกลางเปิดงาน‘เพาะกล้า’คัด สส. เมล็ดพันธุ์ สส.ที่ดี! ‘ปชป.’ภาคกลางเปิดงาน‘เพาะกล้า’คัด สส.
  • ทบ.ไทยย้ำปฏิบัติการใช้อาวุธมุ่งเฉพาะ\'เป้าหมายทางทหาร\'ตามหลักมนุษยธรรมสากล ทบ.ไทยย้ำปฏิบัติการใช้อาวุธมุ่งเฉพาะ'เป้าหมายทางทหาร'ตามหลักมนุษยธรรมสากล
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ  ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

28 ก.ย. 2563

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

20 ก.ย. 2563

จดหมายเปิดผนึก  ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

จดหมายเปิดผนึก ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

14 ก.ย. 2563

ดีใจ  คนรุ่นใหม่คิดเป็น

ดีใจ คนรุ่นใหม่คิดเป็น

7 ก.ย. 2563

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

31 ส.ค. 2563

ห่วงประเทศ

ห่วงประเทศ

24 ส.ค. 2563

กินและบิณ

กินและบิณ

17 ส.ค. 2563

บ่อนทำลายประเทศไทย

บ่อนทำลายประเทศไทย

10 ส.ค. 2563

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved