วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ขอคิดด้วยฅน
ขอคิดด้วยฅน

ขอคิดด้วยฅน

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
วันจันทร์ ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2562, 02.00 น.
ไม่ลด VAT มีประโยชน์กับประชาชนมากกว่า

ดูทั้งหมด

  •  

10 กันยายน ที่ผ่านมา ครม.ประยุทธ์มีมติลดหย่อนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากที่กำหนดในกฎหมาย 10% ของมูลค่าสินค้า เหลือเพียง 7% ของมูลค่าสินค้า ออกไปอีกเป็นเวลาหนึ่งปี ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563

ในปี 2535 นับเป็นเวลาถึง 27 ปี ที่ประเทศไทยประกาศใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT แต่ได้ลดอัตราลง 3% ตลอดอายุของการจัดเก็บ VAT


การลดอัตราภาษี VAT ในครั้งนี้ คงจะเป็นที่เข้าใจกันได้ว่ารัฐบาลประยุทธ์ โดยทีมเศรษฐกิจที่มีรองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และรัฐมนตรีอุตตมสาวนายน คงจะมีเจตนาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตามแนวถนัดของทีมเศรษฐกิจชุดนี้ ที่ใช้วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจ ลด แลก แจก แถม ให้ประชาชนนำเงินออกจับจ่ายใช้สอย

 

 

แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการลดภาษี VAT ของไทยตลอด 27 ปี ดูจะเป็นสิ่งปกติที่ไม่ปกติ เพราะได้กระทำต่อเนื่องยาวนานถึง 27 ปี

หากรัฐบาลจะได้ลดถึงปัญหาที่จะเกิดในอนาคตของไทย คือ “สังคมสูงวัย” ที่จะมีสัดส่วนของผู้สูงอายุจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ หรือมากกว่า 20 ล้านคน ในอีก 10 ปีเศษ สัดส่วนคนวัยทำงานจะน้อยลง สัดส่วนของเด็กเกิดใหม่ยิ่งจะน้อยลง
และเด็กที่เกิดจำนวนไม่น้อยจะเกิดกับ “คนท้องที่ไม่พร้อม” ส่วน “คนพร้อมไม่ค่อยจะท้อง”

รัฐจึงจำเป็นต้องส่งเสริมให้คนวัยทำงาน หรือคนที่มีรายได้จะต้องเก็บออมไว้ใช้ในยามชราที่ต้องหยุดทำงาน เป็นการออมเงินของเขาเองไว้ใช้ จะหวังพึ่งสวัสดิการของรัฐคงจะไม่ทั่วถึง ไม่พอเพียง และไม่ยั่งยืน ในสมัยปัจจุบันนี้จะหวังพึ่งลูกก็ไม่ค่อยจะได้

แนวนโยบายกระตุ้น ยุยง ให้คนใช้จ่ายเงินและเป็นหนี้สินจึงเป็นสิ่งที่สวนทางกับการสร้างระบบการออมของประชาชนที่จะแก้ปัญหา “สังคมสูงวัย”ในอนาคต

ดังนั้น หากรัฐบาลแทนที่จะลดภาษี VAT 3% ในครั้งนี้ แต่เก็บ VAT ในอัตราตามกฎหมาย คือ 10% แต่นำ 3% ที่เก็บได้เพิ่มขึ้นเป็นเงินออมของผู้บริโภคแต่ละคน ไปรวมไว้ในกองทุน เพื่อนำไปสร้างประโยชน์ให้ออกดอก ออกผล สูงมากขึ้น

VAT 3% ที่เก็บจะสามารถบันทึกชื่อผู้บริโภคที่จ่าย เป็นรายบุคคลในทุกครั้งที่จ่ายได้ เพราะบัตรประจำตัวประชาชนมีเลข 13 หลัก มีแถบแม่เหล็กหรือมีชิพที่สามารถบันทึกชื่อผู้จ่ายได้อยู่แล้ว เงินนี้จึงสามารถระบุเป็นเงินออมของแต่ละคนได้

รัฐสามารถรวบรวมเงินในชื่อของแต่ละบุคคล ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชราที่ได้จ่าย 3% สะสมตลอดมา จ่ายคืนผู้ที่จ่ายสะสมพร้อมทั้งดอกผลที่รัฐได้นำไปลงทุน ซึ่งน่าจะได้มากกว่า 2-3 เท่าของจำนวนเงินออม ทั้งนี้เพราะระยะเวลาที่นำเงินออมนี้ไปลงทุนยาวนาน

 

 

วิธีนี้จึงเป็นวิธีบังคับออม (Force Saving) วิธีหนึ่งที่ช่วยให้ประชาชนทุกคนมีเงินออม และทยอยได้รับเงินคืนเป็นรายเดือน ไว้ใช้ในยามชราที่หยุดการทำงาน

รัฐบาลก็สามารถจะเติมเงิน เพิ่มเงินเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีรายได้น้อย เพราะผู้มีรายได้น้อยจะใช้จ่ายน้อย จำนวน 3% ของมูลค่าที่ใช้จ่ายโดยรวมจะต่ำก็สะท้อนความยากจนที่มีเงินออมในระบบต่ำ รัฐก็สามารถเติมเงินสวัสดิการช่วยเหลือเป็นรายบุคคลได้ตรงตัว โดยไม่ต้องให้ประชาชนมาจดทะเบียนคนจน ซึ่งอาจจะจนจริงหรือบางรายอาจไม่จนจริง และรัฐก็ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคัดกรองอีกด้วย

ในการนี้รัฐบาลยังสามารถเก็บภาษี VAT 7% ส่วนที่จะนำไปใช้เข้าคลังได้มากขึ้น เพราะประชาชนผู้จ่ายภาษีจะเฝ้าติดตามการบันทึกจำนวนภาษีและชื่อของตนกับผู้ค้า

ร้านค้าและผู้ค้าขายจะต้องรีบเร่งเข้าสู่ระบบดิจิทัล ในการบันทึกรายการซื้อขายด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถตรวจสอบได้ แล้วยังเป็นการเอื้ออำนวยให้เกิดการจ่ายเงินชำระสินค้าแบบไร้เงินสด แต่ใช้การโอนเงินด้วย QR CODE หรือ BARCODE ได้ง่ายอีกด้วย จึงเป็นการลดต้นทุนการใช้เงินสด ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยเคยคำนวณไว้ว่าประเทศไทยจะประหยัดค่าจัดพิมพ์ธนบัตร กระจายธนบัตร ขนส่งธนบัตร จัดเก็บธนบัตรที่เสื่อมคุณภาพ และต้องสร้างระบบคุ้มกันความปลอดภัยการใช้ธนบัตรถึงปีละ 50,000 ล้านบาท หรือครั้งละประมาณ 1.40 บาท
ของธนบัตรแต่ละใบที่ประชาชนใช้จ่ายในแต่ละครั้ง อีกด้วย

 

 

บังคับออมร่วมกับภาษี VAT

แนวคิดข้างต้น จึงเป็นแนวคิดที่รัฐจัดเก็บภาษีเพื่อการออม ร่วมไปกับ VAT ในปัจจุบัน โดยเก็บ VAT ในอัตรา 10% ตามกฎหมาย แต่กันเงิน 3% เป็นเงินออมที่ระบุชื่อของผู้จ่ายด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำได้

ขอยกตัวอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้

สมมุติ นายเชี่ยวชาญ ชีวิต  เกิดเมื่อปี 2560 และจะหยุดทำงานในปี 2625 หรือเมื่ออายุ 65 ปี ในช่วง 65 ปี นายเชี่ยวชาญได้จับจ่ายใช้สอยทุก100 บาท เขาจะจ่ายภาษีการออม 3 บาท ฝากรัฐไว้ก่อน ถ้าเขาจับจ่ายใช้สอยเฉลี่ยนับตั้งแต่เด็ก ที่รายได้น้อยใช้น้อย จนถึงอายุมากขึ้น มีรายได้มากใช้มากขึ้น สมมุติว่า บริโภคเฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นบาท

แสดงว่าทุกเดือน เขามีเงินออมเฉลี่ย 600 บาท (3% ของเงินบริโภค 2 หมื่นบาท) หรือปีละ 7,200 บาท

คำนวณจนถึงอายุ 65 ปี เขาจะมีเงินออม (65*7,200) = ประมาณ 500,000 บาท ที่ฝากไว้กับรัฐบาล

รัฐบาลอาจเติมเงินออกดอกผลให้อีก 2 เท่าตัว เพราะเอาเงินเขาไปลงทุน 65 ปี (ปีหนึ่งๆ มากบ้างน้อยบ้าง)

สมมุติว่ารัฐบาลเติมให้อีก 2 เท่า คือ ประมาณ 1 ล้านบาท

รวมทั้งหมดเป็นเงินประมาณ 1.5 ล้านบาท

หากรัฐจะทยอยจ่ายคืนให้ใน 15 ปี ก็จะได้ปีละ 100,000 บาท เดือนละประมาณ 8,333 บาท ถ้าเสียชีวิตก่อน ก็ตกเป็นมรดกให้กับลูกหลานได้ต่อไป

นี่คือตัวอย่างรูปธรรมของการสร้างระบบออมเงินภาคบังคับ ผ่านภาษีการออมที่ 3% และเงินที่ใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นบาท ถ้าจะเพิ่มหรือลด ก็สามารถคำนวณดูได้

ตามแนวทางข้างต้น คนรวยที่มีรายได้ดี ก็มีการจับจ่ายใช้สอยสูง ย่อมจะมีเงินภาษีการออมสะสมมาก ทำให้ได้รับเงินคืนสูงกว่า

ตามกลไกปกติก็เป็นเช่นนั้น เพราะในความจริงเงินที่รัฐเก็บไป ก็เป็นเงินของเขาเองที่จ่ายไปให้รัฐใส่กองทุนมากกว่า ก็เงินของเขา เขาก็ได้มากกว่า เป็นเรื่องปกติ

แต่รัฐก็มีหนทางที่จะลดความเหลื่อมล้ำได้ โดยเงินที่รัฐจะเติมให้เป็นสวัสดิการพิเศษให้กับคนมีรายได้น้อยใช้จ่ายน้อยก็ได้ ยิ่งกว่านั้น

ตลอดช่วงชีวิต ประชาชนยังสามารถเช็คยอดเงินที่ตนเองออมไว้แล้วในช่วงเวลาใดได้อีกด้วย

แนวคิดนี้ จึงสามารถทำได้จริง ภายใต้ระบบเทคโนโลยีปัจจุบัน และยังประโยชน์ระยะยาวทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม เกิดผลลัพธ์รูปธรรมจับต้องได้ตั้งแต่เริ่มดำเนินการเลยทีเดียว

 

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
16:53 น. ริเป็นโจร! รวบเยาวชน 13 ปี ชิงถังเงินร้านชำกลางดึกอ้าง'ติดเกมหนัก'ต้องหาเงินเติมเกม
16:31 น. โดนคนไหนก็คนนั้น! นายกฯโยนกฎหมายจัดการ'ชนนพัฒฐ์'
16:31 น. เปิดคลิปที่มาที่ไป 'จ๋า ธนนนท์'ภรรยานายกฯ ฝากร้านกาแฟกลางวงประชุม ตึกสันติไมตรี
16:23 น. กลับมาอีกครั้ง'เพชรบุรี-หัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 23'ตระการตากับขบวนรถโบราณหาชมยาก
16:20 น. ข่าวดี! 'คนละครึ่งพลัส' เฟส2 ผู้ร่วมเฟสแรกได้สิทธิต่อเลย ส่วนคนที่ไม่ร่วมเฟสแรกรับ 4 พัน เริ่มใช้ ม.ค.69
ดูทั้งหมด
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 8-14 พ.ย.68
'เพลง ชนม์ทิดา'โพสต์ไอจีล่าสุด! ประกาศสถานะชัดทำชาวเน็ตแห่คอมเมนต์
สาวชุดหวือโชว์รอยสัก 'ของลับโผล่' ชี้แจงแล้ว 'ไม่ได้ตั้งใจ-ที่แปะหลุด-ดื่มหนัก'
โพสต์นี้มีสะเทือน! 'เพลง ชนม์ทิดา'แชร์ข้อคิดถึงการโกหกกับความสัมพันธ์
แฟนบอลเตรียมตัว! เปิดช่องทางชมสด'หมอนทองวิทยา'ดวล'อบจ.ชัยนาท'
ดูทั้งหมด
Bitcoin กับนโยบายแจกเงิน $2,000 ของทรัมป์ : เม็ดเงินใหม่ที่อาจหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดคริปโต
เทียบกำลังรบ‘สงครามไทย-กัมพูชา’
หยุดโกงใน 100 วัน (ตอนที่ 2) ถ้ามี ‘คู่มือรัฐบาลที่อยากโปร่งใสจริง’ มันจะดีไหม?
ขี้มรณะ
เริ่มปฏิบัติการทางทหาร !!!
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

มทภ.2 ลงพื้นที่ตรวจที่ห้วยตามาเรีย จุดทหารเหยียบทุ่นระเบิด สั่งเพิ่มมาตรการสูงสุด

ทบ.ชี้ข่าวปลอม เหตุปะทะช่องตาเฒ่า ทหารไทยถูกยิงที่ขา เจ็บ 1 นาย

โดนคนไหนก็คนนั้น! นายกฯโยนกฎหมายจัดการ'ชนนพัฒฐ์'

ทบ.ชี้ข่าวปลอม 'สื่อกัมพูชา'ปูด 1 ใน 18 เชลยศึก เสียชีวิตในไทย

ป.ป.ช.ชี้มูล‘อดีตรองเลขาฯ สกสค.’ร่ำรวยผิดปกติ 13.9 ล้าน หลังพบทุจริตเงินกู้ ช.พ.ค.

บุกจับ2วัยรุ่นสร้างตัว เปิดเหมืองบิทคอยน์ซุก'สวนมะพร้าวบ้านแพ้ว' โกงไฟหลวงมหาศาล

  • Breaking News
  • ริเป็นโจร! รวบเยาวชน 13 ปี ชิงถังเงินร้านชำกลางดึกอ้าง\'ติดเกมหนัก\'ต้องหาเงินเติมเกม ริเป็นโจร! รวบเยาวชน 13 ปี ชิงถังเงินร้านชำกลางดึกอ้าง'ติดเกมหนัก'ต้องหาเงินเติมเกม
  • โดนคนไหนก็คนนั้น! นายกฯโยนกฎหมายจัดการ\'ชนนพัฒฐ์\' โดนคนไหนก็คนนั้น! นายกฯโยนกฎหมายจัดการ'ชนนพัฒฐ์'
  • เปิดคลิปที่มาที่ไป \'จ๋า ธนนนท์\'ภรรยานายกฯ ฝากร้านกาแฟกลางวงประชุม ตึกสันติไมตรี เปิดคลิปที่มาที่ไป 'จ๋า ธนนนท์'ภรรยานายกฯ ฝากร้านกาแฟกลางวงประชุม ตึกสันติไมตรี
  • กลับมาอีกครั้ง\'เพชรบุรี-หัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 23\'ตระการตากับขบวนรถโบราณหาชมยาก กลับมาอีกครั้ง'เพชรบุรี-หัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 23'ตระการตากับขบวนรถโบราณหาชมยาก
  • ข่าวดี! \'คนละครึ่งพลัส\' เฟส2 ผู้ร่วมเฟสแรกได้สิทธิต่อเลย ส่วนคนที่ไม่ร่วมเฟสแรกรับ 4 พัน เริ่มใช้ ม.ค.69 ข่าวดี! 'คนละครึ่งพลัส' เฟส2 ผู้ร่วมเฟสแรกได้สิทธิต่อเลย ส่วนคนที่ไม่ร่วมเฟสแรกรับ 4 พัน เริ่มใช้ ม.ค.69
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ  ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

28 ก.ย. 2563

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

20 ก.ย. 2563

จดหมายเปิดผนึก  ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

จดหมายเปิดผนึก ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

14 ก.ย. 2563

ดีใจ  คนรุ่นใหม่คิดเป็น

ดีใจ คนรุ่นใหม่คิดเป็น

7 ก.ย. 2563

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

31 ส.ค. 2563

ห่วงประเทศ

ห่วงประเทศ

24 ส.ค. 2563

กินและบิณ

กินและบิณ

17 ส.ค. 2563

บ่อนทำลายประเทศไทย

บ่อนทำลายประเทศไทย

10 ส.ค. 2563

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved