เมื่อเป็นเพื่อน เป็นมิตรแท้กัน ยามเดือดร้อน มีข้อวิตกกังวล ก็ย่อมจะสามารถพูดจาหารือ และเตือนสติกันได้ เพื่อนที่หวังดีต้องไม่ท้อแท้ และเพียรพยายามต่อไป เพื่อให้เกิดผลในเชิงบวก แต่ถ้าเป็นเพื่อนเทียม ก็ไม่แปลกที่จะมีเจตนาแอบแฝง ป้อยอให้เพลินใจฟังแล้วรื่นหูดี ไม่หงุดหงิด
บัดนี้ มีองค์กรหนึ่งที่เป็นองค์กรมิใช่รัฐใดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีอายุกว่า 10 ปีแล้ว แต่เดิมมีวัตถุประสงค์ในการรณรงค์เรื่องประชาธิปไตย และผลักดันให้เกิดการปลดปล่อยสุภาพสตรีระดับโลก ออง ซาน ซู จี ออกจากการถูกจำกัดบริเวณ และเมื่อพม่าได้มีการเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลทหารเผด็จการ สู่รัฐบาลผสมทหาร-พลเรือน องค์กรนี้ก็ปรับทิศทางของตนไปยังเรื่องการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย โดยเปลี่ยนชื่อจาก The ASEAN Inter-Parliamentary Myanmar Caucus (AIPMC) มาเป็น ASEAN Parliamentarians for Human Rights-APHR
สมาชิกนั้นประกอบด้วย ที่เป็นสมาชิกรัฐสภาทั้งอดีตและปัจจุบัน ผู้รณรงค์และเคลื่อนไหวเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน เป็นต้น โดยการเป็นสมาชิกนั้นถือเป็นเรื่องเฉพาะตัวไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรต้นสังกัดใดๆ คือไม่เป็นตัวแทนขององค์กร หรือประเทศใด มุ่งเป็นตัวแทนของตนเองเท่านั้น
องค์กรนี้มีตัวแทนอยู่ในกรุงเทพฯ กัวลาลัมเปอร์ สิงคโปร์ จาการ์ตา มะนิลา ย่างกุ้ง และดิลี (ติมอร์ตะวันออก) โดยทำงานประสานกันเป็นเครือข่าย และแบ่งงานการรับผิดชอบ เช่น เรื่องประชาธิปไตยกับสิทธิมนุษยชน เรื่องผู้อพยพลี้ภัย เรื่องแรงงานต่างด้าว เรื่องสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา และการมีความเชื่อถือ เรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน เป็นต้น และได้รับเงินบริจาคสนับสนุนจากองค์กรในสังกัดของรัฐบาลสวีเดน และรัฐบาลนอร์เวย์ เป็นต้น แต่ก็มีการบริจาคจากบุคคลผู้มีจิตศรัทธาด้วย
องค์กรมีกิจกรรมหลักในการเสริมสร้างความรู้ให้กับสมาชิก การติดต่อกับหน่วยงานรัฐและพรรคการเมือง หน่วยงานภาคประชาสังคมฝ่ายสื่อ และแวดวงวิชาการ ในการขับเคลื่อนให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลุดพ้นจากเผด็จการทุกรูปแบบ เพื่อสร้างสังคมเสรีประชาธิปไตยโดยตลอดมา ได้มีการออกแถลงการณ์ หรือร่วมออกแถลงการณ์กับองค์กรอื่นๆ แสดงท่าที และจุดยืนในความเป็น ไปทางการเมืองของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคที่ลิดรอนต่อสิทธิมนุษยชน
นอกจากนั้น องค์กรยังมีการจัดส่งคณะผู้แทนไปหาข้อเท็จจริง ล่าสุดได้จัดคณะผู้แทนซึ่งประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และติมอร์ตะวันออกมาเยือนไทยเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และได้จัดทำรายงาน และการออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยภายใต้การนำพาของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งรีบดำเนินการใน 3 เรื่องสำคัญด้วยกันคือ
1.แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อขจัดสาระเนื้อหาที่บั่นทอนและขัดกับหลักประชาธิปไตย
2.ยุติและระมัดระวังมิให้มีการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการตีกรอบและทำลายล้างฝ่ายค้าน และผู้เห็นต่างทางการเมือง
3.ให้มีการยกเลิกคำสั่งต่างๆ ของคณะปฏิวัติ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ไม่ยุติธรรม ไม่ชอบด้วยหลักกฎหมาย บ่งบอกความเป็นเผด็จการ และการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ หรือนัยหนึ่งคำสั่ง คสช. มิคู่ควรต่อสภาพสังคมไทยที่เริ่มกลับสู่ความเป็นสังคมประชาธิปไตย
ในมุมหนึ่งอาจมีการมองกันว่า ข้อเรียกร้องเหล่านี้ถือเป็นการแทรกแซงในกิจการภายในของไทย แต่ถ้ามองให้กว้างๆ ก็จะเห็นว่าเป็นเรื่องการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ความยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องของมวลมนุษยชาติ ไม่มีมนุษย์กลุ่มใดได้รับอนุญาตให้ทำร้ายมนุษย์ผู้อื่น หรือผู้นำผู้ปกครองต้องไม่ปฏิบัติการใดๆ ที่กดขี่ทำร้ายคนชาติของตน ซึ่งมิตรสหายก็ย่อมจะมีสิทธิที่จะห่วงใย และมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้สิ่งที่ดีงามเกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยเหลือคนไทยให้หลุดพ้นจากพฤติกรรมความอยุติธรรมทั้งหลาย เพื่อที่คนไทยจะไม่ต้องตกอยู่ในกรอบและบรรยากาศของความมืดมนทางการเมืองที่ไม่พึงประสงค์และไม่ให้คงอยู่ต่อไป
ผู้นำประเทศต่างๆ ย่อมไม่ประพฤติตนเป็นศัตรูต่อประชาชนพลเมืองและมนุษย์ร่วมโลกทั้งหลาย ก็ต้องร่วมกันคัดค้านการกระทำที่ละเมิดสิทธิ์ และความเป็นสังคมประชาธิปไตยเหล่านี้เพราะความหวังดีและเอื้ออำนวยต่อกัน
อำนาจนั้นอยู่ไม่ถาวร หากอัตตาถูกใช้ไปในทางไม่ดี การต่อต้านย่อมมีตามมาอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว ก็ต้องเกิดการปลดปล่อยชาวไทยออกจากความมืดบอดทางประชาธิปไตยนี้ เพียงแต่จะสำนึกได้แล้วแก้ไขเอง หรือจะต้องรอให้ถูกบังคับจากชาวโลกก็เท่านั้น
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี