รัฐบาลที่มีคุณธรรมจะต้องคำนึงถึงและให้ความสำคัญกับหลักสิทธิเสรีภาพของประชาชน และยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนรัฐบาลที่ยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนจะต้องรู้ตัวตลอดเวลาว่าตนเองมีอำนาจมากน้อยเพียงใด และต้องใช้อำนาจรัฐด้วยความระมัดระวัง โดยไม่ใช้อำนาจรัฐให้กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่สำหรับรัฐบาลจำพวกบ้าอำนาจ พวกเผด็จการอำนาจนิยมมักจะอ้างส่งเดชราวกับคนเพ้อตลอดเวลาว่า รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อประชาชน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงไม่เคยเห็นหัวของประชาชนแม้แต่น้อย
รัฐบาลบ้าอำนาจจะอ้างความอยู่รอดของประเทศชาติตลอดเวลา ทั้งๆ ที่คำว่าความอยู่รอดของประเทศชาติในความคิดของรัฐบาลเผด็จการคือความอยู่รอดของตัวรัฐบาลเอง รัฐบาลอำนาจนิยมจะอ้างแบบไร้ตรรกะว่าประชาชนต้องเชื่อฟังรัฐบาล อย่าโต้แย้งรัฐบาล ขอให้ประชาชนอยู่เฉย ปล่อยให้รัฐบาลทำงานไป แล้วทุกอย่างจะดีเอง
รัฐบาลเผด็จการจะทำตัวเป็น “พ่อแสนรู้” รู้ไปเสียทุกเรื่อง แล้วจะสร้างสถานการณ์ลวงชนิดต่างๆ ขึ้นมาเพื่อหลอกให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว เช่น อ้างว่าประเทศต้องมีอาวุธสงครามมากมาย เพื่อให้ประเทศเข้มแข็ง แล้วก็ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการถลุงเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดของประเทศเพื่อซื้ออาวุธสงคราม เพราะการซื้ออาวุธสงครามแต่ละครั้งทำให้รัฐบาลเผด็จการอิ่มเอมจนพุงกาง
แล้วที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่เรามักจะพบเห็นเป็นประจำว่ารัฐบาลเผด็จการชอบกระทำคือ การหว่านเงินของประเทศให้กับคนกลุ่มหนึ่ง โดยอ้างว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังอ้างด้วยว่าเงินที่หว่านไปยังประชาชนจะช่วยให้วงล้อเศรษฐกิจของประเทศหมุนต่อไปได้ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น การหว่านเงินของประเทศโดยรัฐบาลคือการถลุงเงินของแผ่นดินทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่รัฐบาลจะอ้างว่าการหว่านเงินช่วยให้ประชาชนระดับรากหญ้ามีเงินจับจ่ายใช้สอย และเมื่อรากหญ้ามีเงินใช้จ่ายแล้ว เศรษฐกิจของประเทศจะดีขึ้น ซึ่งข้ออ้างดังกล่าวเป็นเรื่องเพ้อฝันที่รัฐบาลจงใจสร้างภาพลวงตาขึ้นมา ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าการหว่านเงินไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น แต่มันคือการซื้อคะแนนนิยมทางการเมืองโดยการใช้เงินของประเทศเป็นเครื่องมือ
การนำเงินของแผ่นดินออกมาถลุงโดยรัฐบาล ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน เพราะต้องการให้เศรษฐกิจของประเทศหมุนเวียน เป็นเพียงกลอุบายของรัฐบาลที่ไม่ต้องการให้ประชาชนมีพละกำลังในการดำรงชีวิตอย่างแท้จริง แต่ต้องการให้ประชาชนมีสภาพไม่ต่างจากคนอ่อนแอ ที่ไม่สามารถหายใจได้ด้วยจมูกของตนเอง และไม่สามารถยืนด้วยลำแข้งของตนเองได้ รัฐบาลชนิดนี้คือผู้ปกครองประเทศที่หวังร้ายต่อประชาชน เป็นรัฐบาลที่ไม่ต้องการเห็นประชาชนมีความเข้มแข็ง เพราะหากประชาชนเข้มแข็งและสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตนเองแล้ว รัฐบาลจะไม่สามารถบงการประชาชนได้อีกต่อไป นั่นหมายความว่าอำนาจของรัฐบาลจะถูกท้าทายโดยอำนาจที่เข้มแข็งของประชาชน เมื่อประชาชนเข้มแข็ง รู้เท่าทันรัฐบาล ก็หมายความว่ารัฐบาลจะหมดหนทางโกงกินอีกต่อไป
การสงเคราะห์ประชาชนเป็นหน้าที่สำคัญอันดับแรกของรัฐบาลที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล แต่การสงเคราะห์ประชาชนไม่ใช่การทำให้ประชาชนเป็นง่อย ไม่ใช่การทำให้ประชาชนต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจตลอดเวลา และต้องไม่ทำให้ประชาชนหมดอนาคตในการยืนด้วยลำแข้งของตนเอง รัฐบาลที่มีความชอบธรรมต้องทำให้ประชาชนภาคภูมิใจในความสามารถของตน และต้องสนับสนุนให้ประชาชนยึดมั่นในหลักมนุษยนิยม ไม่ใช่ทำให้ประชาชนอยู่ในสภาพผู้ขอ ผู้รอรับความช่วยเหลือตลอดเวลาและตลอดชีวิต
รัฐบาลที่ดีแต่นำเงินของประเทศมาหว่านแจกชาวบ้านแบบแจกแล้วแจกอีก แจกซ้ำแจกซาก แต่ไม่เคยนำเงินของแผ่นดินไปลงทุนในการสร้างงานที่ยั่งยืนให้กับประชาชน คือรัฐบาลที่ทำลายความมั่นคงของประเทศ และเป็นตัวการบ่อนทำลายความเข้มแข็งของประชาชน รัฐบาลพรรค์อย่างนี้คือรัฐบาลที่เกิดขึ้นมาเพื่อทำลายประเทศชาติโดยแท้จริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี