การแจ้งความดำเนินคดีกับตัวแทนพรรคการเมืองฝ่ายค้าน 7 พรรค พร้อมกับนักวิชาการที่ไปจัดเวทีสัมมนาปราศรัยเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ในข้อหาว่าร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หรือถ้าพูดแบบชาวบ้านก็ต้องถือว่านี่คือข้อหากบฏ ต้องนับว่าเป็นเรื่องใหญ่
เพราะเป็นการแจ้งความกล่าวหากับตัวแทนพรรคการเมืองฝ่ายค้านถึง 7 พรรค ซึ่งหลายคนก็เคยมีตำแหน่งแหล่งที่สำคัญ ไม่ว่าระดับรองนายกรัฐมนตรี ระดับรัฐมนตรี และยังเป็นหรือเคยเป็น สส. หรือทำหน้าที่สำคัญในทางราชการมาก่อน
เป็นการแจ้งความดำเนินคดีต่อหน้าสถานการณ์ที่การก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ขยายตัวรุนแรงขึ้นต่อเนื่องมาหลายปีเต็มทีแล้ว และในปัจจุบันนี้เหตุการณ์ไม่สงบก็ได้เพิ่มความถี่ เพิ่มความรุนแรง และเพิ่มความเสียหายมากขึ้น
ถ้าหากนับตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนที่เจาะไอร้องเมื่อพ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นการคุโชนขึ้นใหม่ของไฟใต้ที่เคยดับสนิทมาตั้งแต่ยุครัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์มาถึงปัจจุบันนี้ก็เป็นเวลาใกล้ 20 ปีแล้ว เป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลไทยต้องทุ่มเทงบประมาณลงไปในพื้นที่สิริรวมแล้วกว่า 200,000 ล้านบาท ซึ่งมากพอที่จะพัฒนาภาคใต้ทั้งภาคให้เจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้าได้
แต่น่าเสียดาย ประเทศชาติต้องสูญเสียทรัพยากรไปจากความไม่เข้าท่าในเรื่องนี้ และแม้จะได้ทุ่มเทงบประมาณและกำลังถึงปานนี้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะลดน้อยถอยลงหรือจะสิ้นสุดยุติลง
และถ้ามองในแง่จำนวนประชากรในพื้นที่ที่เหลืออยู่ในขณะนี้ก็น่าวิตกอย่างมาก เพราะถ้าหากมีกลไกใดสามารถทำให้เกิดการลงประชามติในการตั้งเป็นรัฐอิสระแบบเดียวกับติมอร์ตะวันออกแล้วไซร้ พื้นที่นั้นอาจหลุดออกไปจากราชอาณาจักรไทยก็ได้
นั่นคือสิ่งที่พวกคลั่งไคล้ “รักชาติ” ถือตัวเองเป็นเจ้าของชาติ และขับไล่ไสส่งคนไทยด้วยกันให้กลายเป็นพวกตรงกันข้าม จะต้องตระหนักสังวรไว้ให้จงดี เพราะถ้ารักชาติกันแบบนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการผลักไสไล่ส่งและเพิ่มกำลังให้กับฝ่ายตรงกันข้าม ซึ่งอาจจะนำไปสู่การตั้งรัฐใหม่ขึ้น หรืออาจเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดคาดคิดไม่ถึงก็ได้
ทันทีที่มีการแจ้งความกล่าวหาผู้แทนพรรคการเมือง 7 พรรค และนักวิชาการ ก็มีการปลุกกระแสในพื้นที่อย่างกว้างขวางว่าขนาดชาวไทยพุทธด้วยกันก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม สำมะหาอะไรกับพี่น้องมุสลิม
ครั้นเกิดข่าวผู้พิพากษาฆ่าตัวตายในศาลโดยมีคำแถลงการณ์เป็นหนังสือว่ามีคำสั่งลับให้ประหารชีวิตจำเลย 3 คน ให้จำคุกจำเลยอีก 2 คน ทั้งๆ ที่ไม่มีพยานหลักฐานที่พอฟังได้ว่าจำเลยมีการกระทำความผิด ทำให้องค์คณะผู้พิพากษาไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งลับนั้นแล้วตัดสินยกฟ้องปล่อยตัวจำเลยทั้ง 5 ไป ก็ยิ่งเกิดการขยายผลออกไปอย่างกว้างขวาง
ทั้งหมดนั้นล้วนสร้างกำลังและความชอบธรรมให้กับฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบทั้งสิ้น และเป็นการบ่อนทำลายความเข้มแข็งและกำลังของชาติทั้งสิ้น โดยเฉพาะพรรคการเมืองฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค และนักวิชาการนั้นก็มิใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือย หากมีพวกพ้องและผู้นิยมชมชอบอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าคิดเป็นจำนวนเสียงก็ประมาณถึง 12 ล้านเสียง ซึ่งไม่น้อยเลย
ดังนั้นเมื่อคนเหล่านี้เห็นว่ามีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น จึงเป็นการบ่อนทำลายและพล่ากำลังของแผ่นดิน ทำให้เกิดความระส่ำระสายและความไม่เชื่อมั่นขึ้นภายในประเทศ โดยเฉพาะเมื่อมีความรู้สึกว่าไม่มีความเป็นธรรมแล้ว ความรู้สึกนี้จะแพร่ขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว
อันการจัดเวทีปราศรัยนั้นแตกต่างกับกรณีเล่นการพนัน เพราะในกฎหมายว่าด้วยการพนันนั้นท่านให้สันนิษฐานไว้ว่าใครก็ตามที่เข้าไปอยู่ในบ่อนการพนัน แม้ว่าไม่ได้เล่นการพนันก็ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้เล่นการพนันและต้องรับผิดด้วย
ส่วนการปราศรัยสาธารณะนั้น แต่ละคนที่ขึ้นปราศรัยต้องรับผิดชอบในคำปราศรัยของตนเอง โดยผู้เข้าร่วมการปราศรัยไม่มีหน้าที่ที่จะต้องทักท้วงคัดค้านการปราศรัยของคนอื่น ทั้งไม่มีข้อกฎหมายใดให้สันนิษฐานว่าการไม่ทักท้วงหรือไม่คัดค้านคือการกระทำร่วมกันแต่ประการใด
และสำหรับนักวิชาการที่ปราศรัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นก็เป็นเพียงความคิดความเห็นยังไม่ถือว่าเป็นการกระทำ และไม่อาจถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อปลุกปั่นยุยง เพราะนักวิชาการคนนั้นก็ดีแต่พูด สักแต่พูด การพูดไม่ใช่การกระทำ ซึ่งกฎหมายจะเอาผิดก็เมื่อมีการกระทำที่เป็นกบฏ
ส่วนผู้ปราศรัยคนอื่นๆ ที่ต่างคนต่างก็ปราศรัยไปในเรื่องของตน และไม่มีหน้าที่และโดยมารยาทก็จะไม่มีใครเที่ยวเกะกะระรานไปปราศรัยคัดค้านหรือโต้แย้งการปราศรัยของคนอื่น จึงไม่มีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกับผู้ปราศรัยคนอื่น ต่อให้ผู้ปราศรัยคนอื่นพูดจาในลักษณะที่อาจเป็นความผิด เช่น พูดหมิ่นประมาทคนอื่น คนที่ไม่ได้พูดด้วยแม้จะนั่งอยู่ในที่นั้น
หรือเป็นผู้ปราศรัยก่อนและหลังผู้นั้น คนเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นคนหมิ่นประมาท จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
เช่นเดียวกัน บรรดาผู้ฟังคำปราศรัยทุกคนก็ไม่มีหน้าที่ต้องทักท้วงคัดค้าน จึงไม่มีความผิดใดเกิดขึ้นกับผู้ฟังการปราศรัย
ถ้าหากไม่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแล้วมีการแจ้งความกล่าวหาว่ากระทำความผิด กฎหมายอาญาบัญญัติเอาโทษว่าเป็นการแจ้งความเท็จและมีโทษทางอาญา ทั้งผู้กระทำและผู้ใช้จ้างวานให้กระทำด้วย และถ้าเป็นการแจ้งความในข้อหา
ร้ายแรง ความรับผิดก็จะเพิ่มโทษสูงขึ้นไปด้วย อย่าทำเป็นเล่นไป!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี