สถานการณ์ของฮ่องกงทรุดหนักลงโดยลำดับ ทำให้ฮ่องกงซึ่งเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว การค้าขาย และการเป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาคนี้ตลอดมาในเวลาอันช้านานกำลังหมดสิ้นสภาพและกำลังกลายเป็นเมืองร้าง
และไม่มีทีท่าว่าปัญหาวิกฤติของฮ่องกงจะสิ้นสุดยุติลงเมื่อใดและอย่างไร แต่ในที่สุดวันนั้นก็จะต้องมาถึงเข้าสักวันหนึ่ง
ดังนั้นจึงสมควรที่จะได้ทราบถึงสถานการณ์ล่าสุดของฮ่องกงเพื่อเป็นทางแห่งความเข้าใจ และเป็นทางแห่งการศึกษาเป็นบทเรียน อย่าให้วิกฤติแบบนี้เกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเราในอนาคต
ประการแรก สภาพของฮ่องกงนั้นแม้เป็นดินแดนของจีนแต่อยู่ในอำนาจปกครองของอังกฤษ ภายใต้สนธิสัญญาที่อังกฤษเอาเรือปืนไปบังคับราชวงศ์ชิงให้ยินยอมให้อังกฤษเช่าฮ่องกงเป็นเวลา 99 ปี ซึ่งอังกฤษได้ใช้อำนาจปกครองฮ่องกงตลอดมา ในฐานะที่ฮ่องกงเป็นประเทศหนึ่งซึ่งเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ และผลประโยชน์ส่วนใหญ่ก็ตกได้แก่อังกฤษ โดยมีนักธุรกิจใหญ่ชาวฮ่องกงเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์เชื่อมโยงกับอังกฤษอีกส่วนหนึ่ง ในขณะที่จีนเข้ามาลงทุนได้รับผลประโยชน์อยู่บ้างไม่มากนัก
ยกเว้นการจัดส่งน้ำ กระแสไฟฟ้า และอาหารสดจากประเทศจีนไปขายให้แก่ชาวฮ่องกง ซึ่งเป็นผลประโยชน์เต็มๆ ของประเทศจีน
ประการที่สอง ก่อนจะหมดสัญญา 99 ปี อังกฤษได้ดำเนินการสองอย่างที่ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่หลวงแก่ฮ่องกงในอนาคต
อย่างแรก คือการเพิ่มสิ่งก่อสร้างเกือบเท่าตัวของสิ่งก่อสร้างเดิมที่มีอยู่และเอาบริษัทของอังกฤษเข้ามาทำการก่อสร้าง ขนเอาผลประโยชน์ทั้งหลายจากการก่อสร้างนั้นกลับอังกฤษอย่างแยบยล และทิ้งปัญหาสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ไม่พอเพียงไว้ให้กับจีนต้องแก้ไขต่อไป
อย่างที่สอง คือการสร้างคนฮ่องกงรุ่นใหม่ให้เป็นคนฮ่องกงและขาดจากความเป็นจีน แม้การตั้งชื่อเสียงเรียงนามก็ใช้ชื่อหน้าอังกฤษ ใช้ชื่อหลังเป็นจีน ดังเช่น เดวิด เจียง เป็นต้น ประการนี้ได้ทำให้คนฮ่องกงลืมชาติกำเนิดตัวเอง ไม่ยอมรับความเป็นคนจีน อ้างว่าเป็นคนฮ่องกง การวางหมากเรื่องนี้ประหนึ่งกับการวางเชื้อมะเร็งร้ายไว้กับฮ่องกง หวังว่าสักวันหนึ่งจะลุกลามเข้าไปในมณฑลกวางตุ้งที่มีประชากรร้อยล้านคนของจีน และเมื่อนั้นประเทศจีนก็จะแตกแหลกสลายอีกครั้งหนึ่ง
ประการที่สาม ดูเหมือนจีนจะรู้เท่าทันเกมกลของอังกฤษ ดังนั้นก่อนจะครบสัญญา 99 ปี โดยการนำของเติ้ง เสี่ยว ผิง จีนจึงได้พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับฮ่องกงให้มีความเจริญรุ่งเรืองเสมอด้วยฮ่องกง ดูดซับเอาความเจริญทั้งหลายจากฮ่องกงเข้าไปสู่เซินเจิ้น และขยายพื้นที่เขตเศรษฐกิจนี้ออกไปอย่างกว้างขวางถึงตงก่วน จูไห่ และเขตฝั่งทะเลตลอดแนวตะวันออกของประเทศจีนด้วย พิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นว่าจีนก็สามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองได้ไม่แพ้อังกฤษ และในที่สุดก็ขยายการพัฒนาไปทั่วประเทศจีนเหนือกว่าที่อังกฤษคิดคาดไว้มากมาย
ประการที่สี่ ก็เป็นผลจากการรู้เท่าทันของจีนเช่นเดียวกัน จึงคิดอ่านป้องกันการขยายตัวของมะเร็งร้ายที่อังกฤษวางไว้ด้วยการจัดระบบการปกครองฮ่องกงตามลักษณะพิเศษของฮ่องกง ตามทฤษฎีหนึ่งประเทศ สองระบบ โดยให้ฮ่องกงคงดำรงความเป็นรัฐบาลและเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีระบบต่างๆ เป็นของตนเอง แม้กระทั่งการรักษาความมั่นคงภายใน โดยจีนสงวนไว้ก็เฉพาะเรื่องการต่างประเทศและทางการทหารเท่านั้น
ประการที่ห้า เมื่อสถานการณ์สุกงอมขึ้น มหาอำนาจตะวันตกก็ได้สุมหัวกันปลุกปั่นยุยงให้คนรุ่นใหม่ในฮ่องกงลุกฮือขึ้นประท้วงรัฐบาลฮ่องกง โดยผู้ประท้วงเหล่านั้นลืมคิดไปว่าเป็นการกระทำที่เสี่ยงภัยถึงแก่ชีวิต แต่เข้าใจผิดว่าจะมีต่างชาติมาคุ้มกะลาหัวได้จึงฮึกเหิมลำพอง ถึงขนาดเชิญชวนให้ต่างชาติเข้ามาปกครองฮ่องกงอย่างดื้อๆ และอย่างโจ๋งครึ่ม
ประการที่หก ม็อบฮ่องกงหยามหน้าจีนถึงขนาดนั้นแล้ว แต่ผิดคาดเพราะจีนมิได้แสดงท่าทีใดๆ คงยืนยันในรูปแบบการปกครองเดิมว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลฮ่องกงต้องแก้ไขเอง จึงทำให้อสูรร้ายที่ยืนอยู่ข้างหลังต้องผิดหวัง เพราะวาดหวังว่าจีนจะใช้ความรุนแรงปราบปราม จะได้อ้างเป็นเหตุกระหน่ำซ้ำเติมและแทรกแซงได้ถนัดมือ จึงยุยงส่งเสริมให้ม็อบฮ่องกงก่อความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นเหตุการณ์ทำลายทรัพย์สินทางราชการ การเผาบ้านเผาเมือง และการใช้ความรุนแรงทุกชนิดจึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง
ประการที่เจ็ด กระทั่งถึงวันนี้สาธารณูปโภคต่างๆ ชำรุดเสียหายไปเกือบครึ่งแล้ว การค้าขายและการท่องเที่ยวของฮ่องกงแทบจะหยุดหมดสิ้นแล้ว สภาพร้านรวงต่างๆ แทบจะอยู่ในสภาพร้างโดยสิ้นเชิงแล้ว ที่สำคัญคือธรรมเนียมของคนฮ่องกงนั้นไม่ได้หุงหาอาหารกินกันเอง แต่ทุกมื้อออกไปซื้อหากินกันนอกบ้าน มาถึงวันนี้ร้านค้าต่าง ๆ ก็ปิด ทำให้อาหารการกินขาดแคลน เกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า และเกิดกระแสต่อต้านม็อบอย่างกว้างขวาง
ประการที่แปด เมื่อทำถึงขนาดนั้นแล้วจีนยังคงนิ่งเฉย จึงมีการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินหวังจะเข้าไปแสดงท่าทียึดครองฮ่องกง แต่มาถึงขั้นนี้จีนไม่อาจยอมรับได้ได้ส่งกองเรือเข้าไปควบคุมเรือบรรทุกเครื่องบินนั้นไว้ จนต้องมีการขอร้องให้ปล่อยเรือเดินทางกลับ
ประการที่เก้า สถานการณ์มาถึงขั้นที่น่าวิตก เพราะกำลังมีข่าวคราวว่าสหรัฐอาจจะออกกฎหมายเพื่อส่งทหารเข้าไปในฮ่องกง ในขณะที่จีนก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ยินยอมให้ชาติใดละเมิดอธิปไตยของจีนเด็ดขาด ในขณะเดียวกัน กองทัพปลดแอกประชาชนจีนก็เตรียมความพร้อมในการทำสงครามอย่างเต็มที่
สถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้วจึงต้องจับตามองอย่างระทึกใจ แต่ก็น่าจะเชื่อได้ว่าความก้าวหน้าแห่งยุคสมัยในวันนี้จะไม่มีชาติใดกล้าก่อสงครามก่อน ซึ่งจะต้องติดตามจับตาดูกันให้ดี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี