ขยะสังคมในคราบมนุษย์ มีอยู่จริงๆ
1. ข่าวเด็กหญิงวัย 15 ปี ตั้งใจจะหารายได้พิเศษด้วยตัวเอง เพื่อเป็นค่าเล่าเรียน โดยเพิ่งเรียน ปวช.ปี 1 สาขาการบัญชี ในวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง จะได้ไม่ต้องรบกวนเงินของพ่อแม่ เพราะพ่อก็ทำงานโรงงานมีรายได้ไม่มาก กะทำกระทงขายช่วงลอยกระทง โดยนำขนมปังมาทำกระทงไปขาย และโพสต์ลงในเฟซบุ๊คขาย ปรากฏว่ามีคนสั่งซื้อมาจำนวนมาก โดยที่จะเน้นไปที่ลายดอกไม้ แต่มีอมนุษย์ตนหนึ่ง ที่มาสั่งเจาะจงให้ทำเป็นลายการ์ตูนที่มีลิขสิทธิ์ เช่น คุมะ และแมวการ์ฟิลด์ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ จึงได้ทำให้ตามออร์เดอร์
ปรากฏว่า คนโทร.ไปสั่งกับพวกอ้างเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์พวกเดียวกัน สุมหัวกัน วางแผนกะเรียกค่าปรับ
อ้างว่า เป็นการล่อซื้อ
เด็กเร่งทำกระทงตั้งแต่เช้า เวลา 08.00 น. ถึงเวลา 01.30 น. เพื่อให้ทันนำไปส่งให้ลูกค้า
ฝ่ายผู้ใหญ่ใจทรามวางแผนจับกุมตอนที่เด็กนำของไปส่งมอบ
จับแล้วขู่เข็ญ ต่อรอง ให้ผู้ปกครองเอาเงินมาจ่ายค่าปรับ 5,000-50,000 (เหยื่อมีหลายราย)
มิฉะนั้น เด็กจะถูกดำเนินคดี ขึ้นโรง-ขึ้นศาล
กระทั่งหลายคนยอมจ่าย เพื่อจบเรื่อง
เหตุเกิดในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
โดยที่ตำรวจในพื้นที่อ้างว่า เป็นไปตามกฎหมาย!!!!!!!!
พ่องงงงงง
2. ล่าสุด เฟซบุ๊ค TACConsumer ชี้แจงว่า ทางบริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนลิขสิทธิ์ของบริษัท San-X ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2560 โดยครอบคลุมประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา เมียนมา ลาว และเวียดนาม ยืนยันว่า ไม่ได้มอบหมายให้ผู้ใดทำการจับลิขสิทธิ์ผิดกฎหมายแต่อย่างใดตามข่าวที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทได้ทำการปรึกษาฝ่ายกฎหมายและมอบหมายให้ทนายความดำเนินการสืบหาความจริงในกรณีที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ถ้าหากว่าไม่มีการมอบอำนาจหรือมอบหมายให้ใครไปเที่ยวอ้างลิขสิทธิ์เพื่อดำเนินการแจ้งตำรวจจับกุมจริงๆ แสดงว่า ขยะสังคมที่ไปแจ้งตำรวจโคราชให้ไปจับเด็กทำกระทงขาย มันเอาความเท็จไปแจ้งตำรวจ
เจตนาหลอกลวง ตบทรัพย์ และกลั่นแกล้งบุคคลให้ได้รับโทษตามกฎหมาย
บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริง ต้องไม่ปล่อยให้พวกมันลอยนวล เพื่อปกป้องชื่อเสียงของบริษัท และแสดงให้สังคมเห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ได้รู้เห็นกับขบวนการขยะสังคมพวกนี้จริงๆ แล้วสังคมจะปรบมือให้ และเกิดความรู้สึกอันดีต่อเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริงด้วย ตรงกันข้าม ถ้าบริษัทลูบหน้าปะจมูก ก็ย่อมจะถูกสังคมมองไปอีกทางหนึ่งแทน
3. ตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ พูดได้อย่างไรว่าเป็นไปตามกฎหมาย
ต้องสงสัยว่า มีผลประโยชน์ร่วมกับฝ่ายที่อ้างลิขสิทธิ์ หรือไม่?
การเข้าจับกุมกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ คนแจ้งต้องเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือผู้ได้รับมอบอำนาจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยเอกสารที่ใช้แสดงต้องเป็นตัวจริงเท่านั้น ถ้าเข้าตรวจค้นจะต้องมีหมายค้นจากศาล ระบุวันเวลา ชื่อผู้เข้าตรวจค้นอย่างชัดเจน
ประการสำคัญ กรณีสั่งให้ทำ แล้วไปเอาตำรวจมาจับ จะอ้างว่าล่อซื้อไม่ได้ ไม่ถูกต้อง
การล่อซื้อ กับการล่อลวงให้ผู้อื่นกระทำความผิด ไม่เหมือนกัน
การล่อซื้อ เป็นวิธีการแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อจับกุมผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งใช้ได้โดยชอบด้วยกฎหมายในกรณีที่ผู้กระทำความผิดนั้นมีเจตนากระทำความผิดมาแต่แรก
แต่การล่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด เป็นการก่อให้ผู้อื่นหรือสร้างแรงจูงใจในการกระทำความผิด โดยที่ไม่มีเจตนากระทำมาแต่แรก เป็นวิธีการแสวงหาพยานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งหมดนี้ มีคำพิพากษาศาลฎีกาชี้ขาดเป็นบรรทัดฐานไว้มากมายหลายกรณี เช่น
ฎ.9600/2554 ร.รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย ว่าจ้างให้จล.ทำแผ่นซีดีและวีซีดี อันเป็นการทำซ้ำ ผิดพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ แต่ผู้เสียหายมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่มีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จล. /ภาพวีดีโอที่แอบถ่ายไว้ขณะที่จล.ทำการบันทึกเพลงลงแผ่นซีดี เป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยมิชอบและเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยการกระทำที่มิชอบ ต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของ จล.
ฎ.4077/2549 ผู้เสียหายใช้ให้อ.สั่งให้จล.ซื้อแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์กลางตลาดนัด แต่ไม่ปรากฏว่าจล.มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้าด้วยความสมัครใจของตนเองมาก่อนและพร้อมที่จะจัดหาแผ่นซีดีได้ในทันที /การแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีจึงเป็นกรณีที่ผู้เสียหายจูงใจหรือก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด ไม่ถือเป็นผู้เสียหายตามกม.
ฎ.4301/2543 บ.จ้างสายลับให้ซื้อคอมพิวเตอร์ประกอบจากจล. พร้อมขอให้ทำซ้ำโปรแกรมลงในคอมฯด้วย //การกระทำของจล.เกิดขึ้นเพราะการล่อซื้อของสายลับ มิใช่ทำขึ้นโดยผู้กระทำมีเจตนากระทำผิดอยู่แล้วก่อนการล่อซื้อ เท่ากับโจทก์เป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดเสียเอง โจทก์ไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายโดยนิตินัยไม่มีอำนาจฟ้อง
ฎ.412/2545 จล.มีพฤติการณ์กระทำละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์อยู่ก่อนแล้ว การที่โจทก์ให้สายลับล่อซื้อ มิใช่เป็นการก่อให้จล.กระทำความผิด แต่เป็นการดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิด ชอบด้วยกม. โจทก์เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยมีอำนาจร้องทุกข์มีอำนาจฟ้องจล. ฯลฯ
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะปล่อยให้ลูกน้องที่มีสติปัญญาและจิตสำนึกเท่านี้ ใส่เครื่องแบบตำรวจ ถืออำนาจตามกฎหมาย ยืนมองเด็กถูกรังแก หรือเข้าไปสนับสนุนการกระทำของพวกขยะสังคมต่อไปได้หรือ?
กรณีแบบนี้ ไม่ได้เกิดที่โคราชจังหวัดเดียว ยังมีอีกหลายจังหวัด ควรจะต้องมีนโยบายสั่งการให้ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นธรรมกับประชาชน หรือไม่?
อย่าปล่อยให้คนชั่วที่ทำตัวเป็นขยะสังคมลอยนวล
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี