อนิจจา เสียงด่าว่า ดังหนาหู
เสื่อมศรัทธา ไม่อยากดู ไม่อยากเห็น
บริหาร บ้านเมือง ก็ไม่เป็น
จนอดอยาก ยากลำเค็ญ ทั้งแผ่นดิน
“แต่งเอง”
ส่งกลอนบทนี้ให้ใครก็ได้ที่ถือปืนเข้ามาบริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ เพราะเสียงบ่น เสียงด่าเสียงตำหนิในการทำงานดังขึ้นทุกวันในขณะนี้จากผู้คนในบ้านเมืองที่ยังต้องเผชิญอยู่กับปัญหาร้อยแปดพันเก้าในชีวิตประจำวัน
เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการต่อต้านที่จะตามมา ในการลุกขึ้นสู้ของประชาชน เหมือนๆที่เคยเกิดขึ้นให้เห็นมาแล้วในประเทศของเราและในต่างประเทศ
โดยเฉพาะในเรื่องความจงเกลียดจงชัง
ความจงเกลียดจงชังจะเป็นมูลเหตุสำคัญให้เกิดการหาพวกที่มีความรู้สึกอย่างเดียวกัน ให้เข้ามาร่วมกันในการต่อสู้
ใครก็ตามที่กำลังบริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ถ้าไม่ใส่ใจรับฟังความเห็นและความต้องการของผู้คนที่ออกมาเรียกร้อง เพราะคิดว่าตนมีอำนาจหรือหลงตัว ทำตัวเหมือนสุนัขบ้าที่กัดคนไม่เลือกที่ เหตุการณ์จะเกิดความรุนแรงขยายตัวออกไปมากขึ้น จากการลุกขึ้นสู้ของประชาชนในครั้งนี้เหมือนๆกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาในบางยุคบางสมัยในบ้านเรา
ควรอธิบายหรือพูดจากับเขาให้เข้าใจในเหตุผลของตน ด้วยคำพูดที่สุภาพ ไม่ใช่คำพูดที่ไปด่าว่า หรือใช้พูดที่กล่าวหาผู้เรียกร้องอย่างนั้นอย่างนี้ จนดูเหมือนว่าผู้เรียกร้องเป็นคนชอบหาเรื่องอยู่ตลอดเวลา
ถ้าฝ่ายบริหารทำได้อย่างนี้ ความจงเกลียดจงชังดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้น หรือสะสมมากขึ้นอย่างที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน
โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าของฝ่ายบริหารด้วยแล้ว ต้องระลึกอยู่ตลอดเวลาว่า คำพูดคำจาของตนที่เปล่งออกมาในแต่ละครั้ง รวบถึงกิริยาท่าทางที่แสดงต่อคนอื่น เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตระหนักตลอดเวลาว่า การเป็นคนมีสัมมาวาจานั้นเป็นมงคลแห่งชีวิต
ผู้ใดเป็นคนไม่มีสัมมาวาจา ผู้นั้นมีแต่ความเสื่อม เป็นสิ่งอัปมงคลที่ควรอยู่ให้ไกลๆ กิริยาท่าทางในการแสดงออกก็ต้องระมัดระวัง โดยอยู่ให้ห่างไกลจาก “กิริยาแทงตา วาจาแยงหู” อย่างที่เคยพูดมาหลายครั้ง
การพูดอะไรที่ขาดสติ เพราะโกรธก็ดี หลงก็ดี นั้น แม้กระทั่งการพูดที่ไร้สาระ อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด หรือพูดอย่างยโส โอหัง นั้น ไม่ควรลืมโคลงโลกนิติที่ว่า
“คนใดโผงพูดโอ้ อึงดัง
อวดว่ากล้าอย่าฟัง สัปปลี้
หมาเห่าเล่าอย่าหวัง จักขบ ใครนา
สองเหล่าเขาหมู่นี้ ชาติเชื้อเดียวกัน”
โคลงโลกนิติบทนี้บอกว่าคนอย่างนี้เป็นหมาไปเลย
เหมือนใบตองแห้งซึ่งก็คือใบกล้วยที่แห้งติดต้นกล้วย เวลามีลมพัดจะเกิดเสียงดังแกรกกราก เมื่อหมาได้ยินก็จะเห่า และได้แต่เห่าเท่านั่นเอง
การพูดจาอวดอำนาจ อวดฤทธิ์อวดเดช หรือเพ้อเจ้อไร้สาระ ไม่ผิดอะไรกับการยิงกระสุนที่ไม่ได้เล็งเป้า เป็นคนที่เหมือนเปิดปากตัวเองในขณะที่ปิดตา แมลงวันย่อมบินเข้าปากได้ง่าย เพราะมองไม่เห็น
รู้จักเงียบให้เป็นบ้าง ชาวบ้านไม่หนวกหู
หรือพูดออกทีวีอย่างยืดยาว รบกวนเวลาชาวบ้านที่จะดูรายการของชาวบ้านก็ตาม ก็ควรจะรู้ด้วยว่าชาวบ้านเขาใช้เวลาดังกล่าวนี้ประหยัดไฟปิดทีวี
และก็ควรจะรู้ด้วยว่า การแสดงออกของตนเพื่อสื่อให้ผู้อื่นรู้ความประสงค์ของตนนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ทาง คือ ทางวาจา และทางร่างกาย
ผู้หลักผู้ใหญ่เคยสอนให้รู้จักดูคน ว่าคนไหนมีปัญญาแค่ไหนก็อยู่ที่ได้สนทนากัน หรือจะรู้ว่าใครมีศีลก็ต้องอยู่ด้วยกันนานๆ เพื่อจะรู้ว่าใครมีจิตใจอย่างไร
เพราะฉะนั้นเรื่องการพูดจาจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะแสดงให้เห็นถึงพื้นเพของภูมิปัญญาและของจิตใจของผู้นั้นเป็นสำคัญ คนพูดมาก พูดเพ้อเจ้อ พูดโอหังใหญ่โตวางอำนาจ จึงอ่านได้ง่ายและรู้ได้ง่ายว่าเป็นคนดีหรือไม่ดีอย่างไร
ปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการลุกขึ้นสู้ของประชาชนในบ้านเมืองนี้ โดยเฉพาะในเรื่องความจงเกลียดจงชังของผู้คนต่อคนที่กำลังมีอำนาจในขณะนี้ ก็มาจากเรื่องเหล่านี้แหละ โดยเฉพาะนอกจากไม่รับฟังเขาแล้ว ยังอวดฤทธิ์อวดเดชจากคนบางคนในคณะของตนอีกด้วยอย่างที่กำลังเห็นกันอยู่ในขณะนี้ แล้วอย่างนี้จะไม่เผชิญหน้ากันได้อย่างไร
สงสารประเทศไทยจริงๆ
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี