ประเทศไทยของเราเคยฮือฮาครั้งใหญ่ในทุกด้าน รวมทั้งมีความ popular ในการระหว่างประเทศชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญเป็นต้นมา ก็เมื่อครั้งที่นายทักษิณชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่โดดเด่นติดลำดับโลก เป็นผู้นำประเทศคนเดียวและคนแรกที่ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจครอบงำของระบบราชการประจำ และทำให้ระบบราชการประจำสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
ในระดับอาเซียน รัฐบาลไทยก็กลายเป็นรัฐบาลที่มีความเป็นผู้นำและมีความโดดเด่นในทุกเรื่อง ชนิดที่เรียกว่ายืนกระทบไหล่กับผู้นำชาติทั้งหลายได้อย่างองอาจสง่างาม และมีปัญญาทัศน์ที่ล้ำหน้ากว่าผู้นำหลายประเทศอย่างเด่นชัด
แต่นายทักษิณ ชินวัตร กลับพลาดในเรื่องใหญ่สองเรื่อง คือความไม่ระมัดระวังในโลกนิติและธรรมนิติจึงครองตนไม่สอดคล้องกับความเป็นไปในบ้านเมือง และที่สำคัญ ประกาศดำริที่จะออกสกุลเงินหรือตราสารของอาเซียน หรือของเอเชีย โดยไม่อิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐอีกต่อไป ซึ่งขณะนั้นต้องถือว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเท่ากับเป็นการประกาศสงครามนั่นเอง
และนั่นก็เป็นเหตุให้ต้องตกเป็นเป้าที่จะต้องอยู่ในอำนาจต่อไปไม่ได้
นายทรัมป์ก็ยิ่งกว่านายทักษิณ ชินวัตร หลายเท่านัก เป็นทั้งนักเล่นหุ้นตัวยงและเป็นนักเสี่ยงโชคตัวฉกาจ ชั่วชีวิตเกือบล้มละลายมาแล้วสองครั้ง แต่รอดมาได้ด้วยกระบวนการ hair cut ที่ชำระหนี้เพียง 10-15% ในการประนอมหนี้ให้รอดพ้นจากการล้มละลายและกลายเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของสหรัฐ และเข้าสู่อำนาจในยามที่สหรัฐตกต่ำเกือบจะที่สุดในประวัติศาสตร์
คือมีหนี้สินล้นพ้นตัว ประชาชนว่างงานไร้บ้านช่องห้องหับ นอนข้างถนนเต็มไปทั้งบ้านทั้งเมือง แสนยานุภาพของกองทัพดับเดี้ยงเป็นทิวแถวเรือรบและเครื่องบินจำนวนมากต้องจอดนิ่งอยู่กับที่ หน่วยงานรัฐหลายแห่งต้องประกาศ shutdown เป็นระยะๆ และด้วยความหวือหวาประกอบกับวิสัยทัศน์ในการใช้โซเชียลมีเดียในขั้นสูงได้ทำให้นายทรัมป์ชนะเลือกตั้งพลิกล็อคของขบวนการอิลลูมินาติชนิดที่กลับตัวแทบไม่ทัน
นายทรัมป์เข้าดำรงตำแหน่งปุ๊บก็แก้ปัญหาเงินหมดกระเป๋าทันที ซึ่งไม่มีทางใดทำได้รวดเร็วและเป็นไปได้ยิ่งกว่าการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ ดังนั้นกลยุทธ์ป่วนโลกจนเป็นเหตุให้นายทรัมป์ถูกด่าว่าเป็นคนบ้าครองเมืองจึงเกิดขึ้น
มีการเคลื่อนแสนยานุภาพของสหรัฐครั้งใหญ่ที่สุดต่อเนื่องกันในหลายภูมิภาค ประหนึ่งว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม โดยเริ่มต้นที่ชายแดนยุโรปกับรัสเซียก่อน แล้วกลับมาที่คาบสมุทรเกาหลี จากนั้นก็ย้อนไปที่ตะวันออกกลาง รวมทั้งเยรูซาเลม และเป็นศูนย์กลางข่าวใหญ่ของโลกนับตั้งแต่นายทรัมป์เข้าสู่อำนาจจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังตื่นกลัวภัยจากสงครามโลก จึงขาดสติยั้งคิดว่าธาตุแท้ของการเคลื่อนแสนยานุภาพนั้นคืออะไร ที่สำคัญคือประเทศที่ตกเป็นเป้าหมายได้ซื้อหาอาวุธยุทโธปกรณ์ครั้งใหญ่ที่สุดในสี่ภูมิภาค คือ
ในภูมิภาคยูเรเซียและยุโรป กว่าจะรู้สึกตัวรู้เท่าทันประเทศในยุโรปจำนวนหนึ่งก็ต้องทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ จนประชาชนเดือดร้อนเนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอในการพัฒนาประเทศ และเป็นเหตุให้หลายประเทศในยุโรปเปลี่ยนท่าทีพยายามเป็นญาติดีกับรัสเซียแทน
ในภูมิภาคแปซิฟิก ตรงคาบสมุทรเกาหลีก็เช่นกัน กว่าจะรู้สึกตัวรู้เท่าทัน ประเทศที่เป็นเป้าหมายรายใหญ่คือญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ก็แย่งกันซื้อหาอาวุธอุตลุดไปหมด จนเงินแผ่นดินแทบเกลี้ยงกระเป๋าตามๆ กัน และดูเหมือนว่าเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นจะรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นแบบเดียวกับประเทศในยุโรป จึงหันกลับไปจับไม้จับมือกับรัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ และอิหร่าน จึงคงเหลือแต่ไต้หวันที่ยังไม่รู้ว่ามีเงินเหลืออยู่เท่าใดที่พอจะจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมได้
ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งประหนึ่งกำลังเกิดเป็นสงครามล้างโลก ทำให้ประเทศเศรษฐีในย่านนั้นตื่นตระหนกตกใจ ทั้งซาอุดีอาระเบีย คูเวต กาตาร์ บาห์เรน โอมาน พากันซื้อหาอาวุธยุทโธปกรณ์ครั้งใหญ่ที่สุด จนกระทั่งประเทศมหาเศรษฐีอย่างซาอุดีอาระเบียก็เกือบจะล้มละลายเต็มทีแล้ว ในที่สุดประเทศเล็กๆ ก็รู้ตัวก่อนดังเช่น กาตาร์ หันไปจับไม้จับมือกับรัสเซียและอิหร่าน จึงถูกปฏิบัติการแซงก์ชั่นอย่างรุนแรง แต่ด้วยการช่วยเหลือของกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้จึงสามารถยืนอยู่ได้ และในวันนี้ซาอุดีอาระเบียก็เริ่มรู้สึกตัวหันไปปูทางสร้างญาติมิตรกับรัสเซียและอิหร่านมากขึ้นโดยลำดับ
บัดนี้ก็มาถึงภูมิภาคอาเซียน ซึ่งผลจากยุทธการปลาหมึกยักษ์ที่ส่อเค้าว่าจะยึดบางส่วนของฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย พม่า จึงทำให้ประเทศเหล่านั้นหันไปจับมือกับประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ในขณะที่ลาวและกัมพูชาจับมือกับจีนแน่นสนิทอยู่ก่อนแล้ว ส่วนเวียดนามแม้ระแวดระวังจีน แต่ก็จดจำเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยุคสงครามเวียดนามได้เป็นอย่างดี จึงไม่ญาติดีอย่างสุดตัวด้วย ส่วนบรูไนเป็นประเทศเล็กไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งจึงไม่เปลืองตัวมาก
คงเหลือแต่สิงคโปร์และไทยที่ต้องซื้อหาอาวุธกันเป็นจำนวนมาก และไม่รู้ว่าจะทนซื้ออยู่ได้อีกสักเท่าใด
สภาพเช่นนี้จึงทำให้การขายอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัฐบาลลุงตั้มเป็นผลงานเลื่องชื่อลือชาสูงสุด และในสถานการณ์เดียวกันนั้นก็สามารถใช้ประโยชน์ในการที่เครือข่ายที่สนับสนุนได้ผลกำไรจากการขึ้นลงของตลาดหุ้น ตลาดน้ำมัน และตลาดทองคำอย่างเป็นล่ำเป็นสันด้วย
แต่เป็นผลกำไรท่ามกลางความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของชาวอเมริกัน เพราะการขึ้นภาษีของสงครามการค้าก็ดี การป่วนโลกดังกล่าวก็ดี ได้เกิดผลสะท้อนกลับให้ชาวอเมริกันเดือดร้อนมากขึ้นชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
และช่างประจวบเหมาะกับทีมงานของนายบลูมเบิร์ก มหาเศรษฐีที่เหนือกว่านายทรัมป์ได้เห็นจุดอ่อนอย่างชัดเจน จึงรั้งรอจนถึงเวลาสุดท้ายและประกาศลงแข่งประธานาธิบดี จึงเป็นคู่แข่งที่กำลังจะมาดับฝันของนายทรัมป์ ซึ่งจะต้องจับตามองกันให้จงดี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี