นับวันมีการพูดถึงบทบาทของกองทัพและทหารกันหนาหูขึ้นและมีการหยิบฉวยเอาเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวต่างๆ ล่าสุดก็เรื่องการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณก็มีการเชื้อเชิญผู้นำเหล่าทัพและมีการซักถามเกี่ยวกับรายการใช้จ่ายเงินต่างๆ ของกองทัพ
และเรื่องใหญ่ใจความที่เป็นข่าวเกรียวกราวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็คือการแสดงท่าทีหลายครั้งหลายหนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองของประเทศ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่ากองทัพย่อมต้องแสดงท่าทีสนับสนุนรัฐบาล ยืนเป็นข้างเดียวกันกับรัฐบาล แต่ที่น่าสังเกตก็คือมีการกล่าวความกระทบกระทั่งไปถึงพรรคการเมืองอื่น และรวมไปถึงประชาชนที่ไม่เห็นด้วยหรือเห็นต่างกับรัฐบาล
เมื่อเป็นเช่นนั้นบรรดาพรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการแสดงท่าทีของกองทัพก็ดี หรือนักการเมืองหรือประชาชนหรือกลุ่มการเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งหลายที่ได้รับกระทบจากการแสดงท่าทีของกองทัพก็พากันออกมาชี้แจงแถลงไข หรือโต้แย้ง หรือคัดค้านด้วยประการต่างๆ จึงเข้าทำนองก่อความยาวสาวความยืด
และถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปก็จะเกิดเป็นความขัดแย้งใหม่ขึ้นในบ้านเมืองของเรา เป็นการเพิ่มเติมความขัดแย้งขึ้นอีกชนิดหนึ่งหรืออีกคู่หนึ่ง คือระหว่างพรรคการเมืองหรือนักการเมืองรวมทั้งประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลหรือเห็นต่างกับรัฐบาล และอาจพาดพิงโต้แย้งไปถึงกองทัพด้วย ซึ่งกองทัพก็มีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงแถลงไขตอบโต้ต่อไปอีก
สภาพเช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา จะต้องยึดมั่นในหลักการให้ดีว่าประเทศเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว ทหารเป็นแนวหน้า ประชาชนเป็นแนวหลัง ซึ่งต้องร่วมกันสนับสนุนกันและกัน และเพื่อกันและกัน จึงจะสามารถธำรงรักษาไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตยความมั่นคงของประเทศ และความผาสุกของประชาชนได้
เพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพหรือทหารเข้ายุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือเข้ามาเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง จึงมีการตราบทบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญไว้เป็นหลายประการ ดังเช่น
ประการแรก บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพไทยทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการประกาศสงคราม ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย
ประการที่สอง บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการแต่งตั้ง ถอดถอน ปลดออก ทั้งตำแหน่งและยศของทหาร โดยเฉพาะตั้งแต่ยศชั้นสัญญาบัตรเป็นต้นไป
ประการที่สาม บัญญัติให้ชายไทยมีหน้าที่ต้องเป็นทหาร
ประการที่สี่ บัญญัติให้กองทัพและทหารมีภารกิจที่ชัดเจน คือธำรงรักษาไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตย ความมั่นคงของประเทศชาติ และช่วยพัฒนาประเทศ
ประการที่ห้า บัญญัติให้รัฐต้องจัดให้มีกำลังพลที่มีประสิทธิภาพที่พอเพียงต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพ และต้องจัดให้มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เพียงพอต่อความจำเป็นในการปฏิบัติภารกิจของกองทัพ รวมทั้งต้องจัดงบประมาณให้เพียงพอต่อความจำเป็นในการปฏิบัติภารกิจของกองทัพ
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ก็คือการวางหลักการสำคัญให้กองทัพและทหารเป็นกองทัพและทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่กองทัพหรือทหารของพรรคการเมืองหรือนักการเมืองหรือเจ้าสัวคณะใดคณะหนึ่ง ซึ่งต้องถือว่าเป็นเกียรติยศอันสูงยิ่งที่ประเทศชาติและประชาชนได้มอบให้แก่ทหารและกองทัพ
โดยสรุป กองทัพและทหารมีภารกิจสองประเภทคือ การพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ และการพัฒนาประเทศ หรืออาจสรุปได้ว่าภารกิจสองประการนั้นก็คือภารกิจในยามสงครามกับยามสันติ
ภารกิจในยามสงครามก็คือ การพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตย
ภารกิจในยามสันติก็คือ ภารกิจในการรักษาความมั่นคงของชาติและการช่วยพัฒนาประเทศ ซึ่งรวมความไปถึงการช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยตามที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐบาลร้องขอตามความจำเป็นด้วย
หลักการแห่งอำนาจหน้าที่และภารกิจของกองทัพและทหารดังกล่าวจึงต้องเป็นหนึ่งเดียวกับประชาชน ต้องเป็นที่รักเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน มิฉะนั้นกองทัพและทหารก็จะดำรงอยู่ไม่ได้ และเมื่อใดที่กองทัพและทหารดำรงอยู่ไม่ได้ เมื่อนั้นประเทศชาติและประชาชนก็ดำรงอยู่ไม่ได้
และด้วยหลักการที่ว่านี้ กองทัพและทหารจึงต้องโดยเสด็จพระราชภารกิจและพระราชปณิธานขององค์จอมทัพไทยที่ต้องวางตนเป็นกลางทางการเมือง ต้องไม่เข้าไปเกี่ยวข้องแทรกแซงเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง และยิ่งต้องไม่เป็นขี้ข้านักการเมืองโดยเด็ดขาด เพราะนั่นเท่ากับทรยศหรือกบฏต่อจอมทัพไทยนั่นเอง
เพราะเหตุนี้ ตลอดระยะเวลาอันยาวนานแห่งรัชกาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จึงพระราชทานพระบรมราโชวาท ตรัสสอน ทรงย้ำเตือนมากครั้งมากหน ให้กองทัพและทหารเป็นกลางทางการเมือง อย่าเข้าไปก้าวก่ายยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงทางการเมือง
เหตุผลสำคัญก็คือหากเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงยุ่งเกี่ยวทางการเมืองแล้วไซร้ก็จะเป็นฝักฝ่ายกับประชาชน ก็จะเกิดแรงต้านหรือเป็นปรปักษ์กับประชาชน ซึ่งทำลายหลักการสำคัญของกองทัพและทหาร และเป็นอันตรายร้ายแรงต่อภารกิจในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตย ความมั่นคงของชาติและความผาสุกของประชาชน
ดังนั้นกองทัพและทหารทุกคนจึงมีหน้าที่ต้องซื่อสัตย์ต่อคำปฏิญาณที่ได้ถวายต่อหน้าพระพักตร์ก็ดี ที่ได้ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพลก็ดี ที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จะยอมพลีแม้ชีวิตเพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์ องค์จอมทัพไทย เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตยของชาติและความผาสุกของปวงชน
การดำรงรักษาไว้ซึ่งความสัตย์ดังกล่าวคือเกียรติของกองทัพ คือเกียรติของทหารที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่ยศศักดิ์เหรียญตราหรือตำแหน่งหน้าที่ใดๆ
ดังนั้นกองทัพและทหารทุกนายจึงต้องยืนหยัดยึดมั่นและปฏิบัติตามภารกิจตามภาระหน้าที่ของกองทัพและทหารตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ตามที่พระมหากษัตริย์พระราชทานพระบรมราโชวาท ตรัสและสอนไว้อย่างมั่นคง และต้องยืนหยัดปฏิบัติให้เป็นไปตามที่ได้ปฏิญาณไว้ต่อธงชัยเฉลิมพลด้วย ดังนี้ความสวัสดีก็จะมีแก่กองทัพและทหารทั้งหลาย
อันการเมืองนั้นมีธรรมชาติธรรมดาอยู่อย่างหนึ่งที่ต้องมีการต่อสู้ช่วงชิงชัยชนะกันเพื่อเข้าสู่อำนาจรัฐ เพื่อนำนโยบายของพรรคการเมืองไปสู่การบริหารบ้านเมือง จึงเป็นความขัดแย้งชนิดหนึ่งที่ดำรงคงอยู่คู่กับระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แม้ความขัดแย้งระดับธรรมดาธรรมชาติเช่นนี้ กองทัพและทหารก็ไม่มีสิทธิ์และไม่มีหน้าที่ที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะไม่ใช่ภารกิจและหน้าที่ของทหารเลย
ยิ่งการเมืองในบ้านเมืองของเราทุกวันนี้กำลังเปลี่ยนสายพันธุ์เป็นการเมืองพันธุ์ใหม่ที่ไม่ตั้งอยู่ในสัตย์ในธรรม ไม่ถือพระธรรมศาสตร์ ไม่เคารพธรรม ไม่เคารพกฎหมาย และใช้กฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือในการฟาดฟันปรปักษ์ทางการเมืองเท่านั้น
ดังที่เกิดคำกล่าวขานกันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าสองมาตรฐานบ้าง คุกมีไว้สำหรับขังคนจนบ้าง หรือแม้กระทั่งการทำให้กฎหมายกลายเป็นอภินิหารที่จะบันดาลอะไรให้เกิดขึ้นก็ได้ เพราะเมื่อเป็นอภินิหารแล้วก็สามารถเสกคนให้เป็นก้อนอิฐก้อนหิน หรือเป็นเหี้ย เป็นแย้ เป็นจิ้งจกได้ทั้งสิ้น
และที่บ้านเมืองของเราเป็นอยู่อย่างนี้ก็เพราะอภินิหารแบบนี้แหละ ที่สำคัญก็คือมีผู้เห็นดีเห็นงามไปกับการใช้อภินิหารแบบนี้โดยขาดสติยั้งคิดว่านี่คือการทำลายรากฐานทั้งหลายทั้งปวงของประเทศชาติ
ทำลายสิ่งที่เรียกว่าธรรม ทำลายสิ่งที่เรียกว่านิติรัฐ ทำลายสิ่งที่เรียกว่าความบริสุทธิ์ยุติธรรม และนั่นก็คือการทำลายขื่อแปของบ้านเมืองให้พังพินาศลง และเมื่อขื่อแปพังพินาศลงแล้ว ใครไหนเล่าจะมีอำนาจชูสองมือขึ้นค้ำยันหลังคาบ้านไม่ให้ถล่มทลายลงมาได้
เราทั้งหลายจงกลับคืนสู่ภาระหน้าที่ของตนๆ จงทั่วกันเพื่อนำบ้านเมืองของเรากลับคืนสู่ความร่มเย็นเป็นสุขสถาพรต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี