การทำกิจกรรมการเมืองจำเป็นต้องใช้เงิน เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่อ้างว่าทำงานการเมืองไม่ต้องใช้เงิน จึงถือได้ว่าโกหกมดเท็จ แต่คำถามสำคัญคือ แล้วจะต้องใช้เงินจำนวนเท่าไร จึงจะไม่กลายเป็นการลงทุนเพื่อธุรกิจการเมือง
การที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายธุรกิจนายทุน ซึ่งสวมหมวกหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อ้างว่าตนเองให้เงินจำนวน 100 กว่าล้านบาท กับพรรคอนาคตใหม่กู้เพื่อนำไปดำเนินกิจการทางการเมืองนั้น หากฟังแบบผิวเผินตามข้ออ้างของนายธนาธร และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก็ดูเสมือนว่าไม่น่าจะผิดกฎหมายแต่ประการใด เพราะการทำงานการเมืองต้องใช้เงินทุน แต่คำถามที่สาธารณชนตั้งเพื่อถามไปยังนายธนาธรและนายปิยบุตรคือ คำกล่าวอ้างกับความจริงเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ แล้วมีความจำเป็นอันใดที่สาธารณชนจะต้องเชื่อคำกล่าวอ้างของบุคคลทั้งสอง
เรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ ในประเด็นเกี่ยวข้องกับเงินที่คนในพรรคอนาคตใหม่อ้างว่ากู้มาจากนายธนาธร โดยอ้างด้วยว่าพรรค เพิ่งก่อตั้ง แต่มีกิจกรรมการเมืองต่างๆ นานามากมายที่ต้องกระทำ แล้วอ้างต่อไปอีกว่าพรรค ถูกคำสั่งห้ามจาก คสช. ไม่ให้กระทำกิจกรรมการเมือง จึงทำให้พรรคอนาคตใหม่ไม่สามารถได้รับเงินบริจาคจากสาธารณะ ดังนั้นจึงต้องใช้การกู้เงินจากนายธนาธร
ข้ออ้างดังกล่าวเป็นสิ่งที่ดูแล้วไร้ตรรกะอย่างที่สุด เพราะในขณะที่พรรคอนาคตใหม่ก่อตั้งนั้น ก็มีพรรคการเมืองใหม่อีกหลายพรรคก่อตั้งเช่นกัน แล้วเหตุใดพรรคอื่นๆ จึงสามารถหาเงินเพื่อดำเนินกิจกรรมการเมืองได้โดยไม่ขัดกับข้อกฎหมาย เหตุใดพรรคอื่นๆ ไม่ต้องกู้เงินจากนายทุนการเมืองเพื่อใช้ในการทำกิจกรรมการเมือง แล้วเหตุใดพรรคอนาคตใหม่ที่วิญญูชนต่างรู้ดีว่า เจ้าของพรรคชื่อนายธนาธรจึงต้องกู้เงินจากนายธนาธร ขอถามย้ำอีกทีว่านายธนาธรคือหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ใช่หรือไม่ แล้วเงินที่ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ก็มาจากนายธนาธร ใช่หรือไม่ แล้วเมื่อความจริงปรากฏชัดว่านายธนาธรซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค ให้เงินกู้กับพรรค ที่ตนเองเป็นหัวหน้าพรรค จะให้วิญญูชนเข้าใจว่าอย่างไร แล้วจะให้เชื่อจริงๆ หรือว่านายธนาธรซึ่งเป็นเจ้าของเงินกู้ และเป็นหัวหน้าพรรค ไม่มีอิทธิพลใดๆ เหนือพรรคอนาคตใหม่
คนที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนิติกรรมอำพรางตั้งคำถามไปยังนายปิยบุตรว่า ในฐานะที่นายปิยบุตรเคยสอนกฎหมายอยู่ในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะตอบคำถามเรื่องนิติกรรมอำพรางกับสังคมอย่างไร แล้วนายปิยบุตรรู้ใช่ไหมว่านิติกรรมอำพรางกระทำขึ้นด้วยวัตถุประสงค์สำคัญคือ การมีเจตนาลวงโดยการกระทำผ่านนิติกรรมอำพราง โดยนิติกรรมอำพราง ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ.มาตรา 155 วรรคสอง คู่กรณีจะต้องแสดงเจตนาทำนิติกรรมขึ้นสองนิติกรรม คือ นิติกรรมหนึ่งแสดงให้ปรากฏออกมาโดยเปิดเผย คู่กรณีไม่ประสงค์จะให้มีผลบังคับอย่างใดตามกฎหมาย ส่วนอีกนิติกรรมหนึ่งเป็นนิติกรรมที่ไม่เปิดเผย เรียกว่านิติกรรมที่ถูกอำพรางปกปิดไว้ โดยคู่กรณีประสงค์จะให้นิติกรรมที่อำพรางปกปิดไว้นั้นใช้บังคับระหว่างกันเองได้ไม่ต้องการผลบังคับจากนิติกรรมที่แสดงให้ปรากฏออกมา
ถามต่อไปว่าพรรคอนาคตใหม่ต้องการได้เงินจากนายธนาธรใช่หรือไม่ แล้วนายธนาธรเป็นเจ้าของเงิน ใช่หรือไม่ แล้วนายธนาธรก็คือหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ใช่หรือไม่ คำถามต่อมาคือนายธนาธรมีส่วนได้ส่วนเสียภายในพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ แล้วนายธนาธรมีส่วนได้ส่วนเสียในเงินที่อ้างว่าให้พรรค กู้หรือไม่ ดังนั้นจะถือได้ว่านายธนาธรทำนิติกรรมขึ้นมาเพื่อที่จะให้ตนเองได้มีผลประโยชน์ ใช่หรือไม่ นายธนาธรเจ้าของเงินกับนายธนาธรที่เป็นหัวหน้าพรรค คือคนคนเดียวกัน ใช่หรือไม่
เรื่องเช่นนี้ถือเป็นการจงใจแสดงเจตนาลวง ใช่หรือไม่ และการจงใจแสดงเจตนาลวงเช่นนี้เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างกลุ่มบุคคลระดับแกนนำของพรรคอนาคตใหม่ ใช่หรือไม่ การจงใจแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง หมายถึงการที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายไม่ประสงค์จะให้เจตนาที่ได้แสดงออกมานั้น มีผลผูกพันตามกฎหมายโดยแท้จริง แต่กระทำลงไปเพื่อให้บุคคลอื่นเข้าใจว่านิติกรรมนั้นเกิดขึ้นจริง โดยมีความประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งการแสดงเจตนาเช่นนี้ถือว่าเป็นเจตนาลวง ซึ่งก็คือจงในทำนิติกรรมอำพราง ใช่หรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี