สื่อมวลชนมีภารกิจสำคัญ คือให้แสงสว่างทางปัญญากับประชาชน แต่คนในยุคนี้มีคำถามว่า สื่อฯ ให้ปัญญากับสังคมจริงหรือ เพราะสื่อฯ หลายรายถูกวิพากษ์ว่าไร้ปัญญา นอกจากไร้ปัญญาแล้ว สื่อฯ หลายรายยังจงใจทำให้สังคมเกิดความแตกแยกร้าวฉานอีกด้วย
นี่คือคำวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมที่พุ่งตรงไปยังสื่อฯ แต่ก็มีคำถามกลับว่า แล้วผู้วิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นเคยคิดไตร่ตรองบ้างหรือไม่ว่า เหตุใดจึงมีสื่อฯ สามานย์เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา เหตุที่ต้องถามเช่นนั้น ก็เพราะสื่อฯ คือธุรกิจชนิดหนึ่ง ดังนั้น การที่สื่อฯ ซึ่งถูกวิพากษ์ว่าสามานย์ยังสามารถดำรงและแพร่กระจายอยู่ได้ ก็เนื่องมาจากได้รับการสนับสนุนจากผู้เสพสื่อฯ เพราะฉะนั้นจึงต้องกล่าวให้ตรงประเด็นว่า เหตุที่มีสื่อฯ สามานย์ดำรงอยู่ ก็เพราะมีผู้เสพสื่อฯ ที่มีพฤติกรรมสามานย์ ใช่หรือไม่
มีคำถามอีกว่า สื่อฯ ดี มีคุณภาพ มีจรรยาบรรณ ยังหลงเหลืออยู่ในสังคมไทยบ้างไหม คำตอบที่ตรงประเด็นสำหรับคำถามนี้คือ คนอ่าน หรือผู้เสพสื่อฯ ต้องการสื่อฯ ที่ดี มีคุณภาพ มีจรรยาบรรณจริงๆ หรือ ถ้าหากต้องการจริงๆ แล้วเหตุไฉนจึงไม่สนับสนุนสื่อฯ คุณภาพ เมื่อสื่อฯ มีคุณภาพไม่ได้รับการสนับสนุน ก็เป็นเรื่องยากที่สื่อฯ คุณภาพจะดำรงอยู่ต่อไป เพราะเมื่อนำเสนอสิ่งมีสาระ มีคุณภาพแต่กลับไม่มีผู้สนับสนุน
ขอถามต่อไปว่า ในแต่ละวัน คนไทยเสพข่าวจากสื่อฯ ที่มีคุณภาพ หรือคนไทยเลือกเสพข่าวจากสื่อฯ ไร้คุณภาพ มากกว่ากัน หากคุณตอบว่าเสพข่าวจากสื่อฯ คุณภาพมากกว่า ก็ย่อมหมายความว่าสื่อฯ คุณภาพจะยังดำรงอยู่ต่อไปได้ แต่หากคุณตอบว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนสื่อฯ คุณภาพ เพราะเลือกเสพเฉพาะสื่อฯ ไร้สาระ ไร้คุณภาพเสพเฉพาะสื่อฯ ขยะ นั่นก็หมายความว่าคนไทยมีส่วนทำลายล้างสื่อฯ คุณภาพให้หมดสิ้นไปจากสังคมที่คุณอาศัยอยู่ เพราะฉะนั้นคนไทยจะถามไปทำไมว่า เหตุใดสื่อฯ จึงไร้คุณภาพ เพราะคำตอบมันชัดเจนอยู่ในตัวของผู้เสพสื่อฯ อยู่แล้ว
ประเด็นคำถามต่อมาคือ คนไทยส่วนใหญ่มีส่วนช่วยกระจายสื่อฯ ไร้คุณภาพด้วยหรือไม่ เช่น มักชอบกระจายข่าวที่ไม่ได้รับการกลั่นกรอง ข่าวลือ ข่าวมั่ว ข่าวเท็จ ข่าวลวง หรือคนบางกลุ่มเป็นคนจำพวกเห็นข้อความอะไรก็ตามแล้วต้องรีบส่งต่อ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องเหล่านั้นให้ละเอียดลออและไม่เคยตรวจสอบว่าข่าวนั้นจริงหรือเท็จ หากคนในสังคมของเราไม่มีพฤติกรรมเช่นที่ว่า ก็นับได้ว่าสมาชิกของสังคมคือผู้มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้สังคมไม่เกิดความปั่นป่วนโกลาหล
คนในสังคมของเรามักเรียกร้องหาเสรีภาพในการพูดการนำเสนอความคิดเห็น แต่ก็น่าประหลาดที่คนเหล่านั้นไม่ยอมรับในเรื่องความรับผิดชอบต่อคำพูด และการแสดงออกของตน สังคมที่เอาแต่ร้องหาเสรีภาพ โดยปราศจากความรับผิดชอบ คือสังคมที่หาความสงบสุขได้ยากลำบากมาก และขณะเดียวกันก็จะกลายเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยข่าวลือ ข่าวลวง และเกิดความโกลาหลได้ง่ายดาย
ยิ่งสังคมไทยมีความเจริญก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีการสื่อสารมาก ก็ยิ่งจำเป็นที่สมาชิกของสังคมจะยิ่งต้องมีความรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำของตนมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนสื่อฯ ที่ชอบอ้างเสรีภาพในการทำหน้าที่ ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อการรายงานข่าวของตนให้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน ส่วนผู้รับสารก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะหากผู้รับสารมีวิจารณญาณ สามารถเลือกรับเฉพาะสารที่มีคุณประโยชน์ และมีสาระ ก็จะช่วยกลั่นกรองให้สื่อฯ ที่มีคุณภาพสามารถทำหน้าที่ในสังคมได้ต่อไป และจะช่วยขจัดให้สื่อฯ ไร้คุณภาพหมดสิ้นไปจากสังคมไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี