การจะทำมาค้าขายได้ก็ต้องมีตลาด และหากจะให้มีการแข่งขันกันได้ด้วยราคา ด้วยคุณภาพ และด้วยความซื่อสัตย์สุจริต (ไม่หลอกลวง ไม่ปลอมแปลงไม่แอบอ้างสรรพคุณที่ไม่เป็นจริง ไม่ด้อยคุณภาพ ไม่ทุ่มตลาด และไม่ตัดราคา และต้องปลอดภัยและมีความคุ้มค่า) ตลาดก็ต้องเป็นระบบตลาดเปิด ไม่มีการผูกขาด กินรวบ กินแต่ผู้เดียว
ฉะนั้น จิตสำนึกของผู้ค้าขาย ในเรื่องความถูกต้องต่อลูกค้า ผู้บริโภค รวมทั้งการไม่มุ่งแต่จะเอารัดเอาเปรียบต่อคู่แข่งขันทั้งสองอย่างนี้ต้องมีควบคู่กันไป
นอกจากนั้น ผู้ค้าขายทั้งปวง ก็ต้องเคารพกฎเกณฑ์กติกา โดยมีภาครัฐเป็นผู้ถือกฎหมายและการบังคับการใช้กฎหมายกำกับดูแล ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา และมีความเที่ยงธรรม
หากสังคมปล่อยให้มีการทุจริตต่อหน้าที่เกิดขึ้น หรือยอมให้ฝ่ายภาครัฐตกอยู่ใต้อาณัติของกลุ่มทุน แล้วตอบสนองแต่ภาคทุนนิยมเป็นหลัก ความอยุติธรรมก็เกิดขึ้น และความเหลื่อมล้ำในสังคมก็จะตามมา
แต่ปัจจุบันนี้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศแถวหน้าๆ ของโลกที่มีความเหลื่อมล้ำ ความไม่เสมอภาค หรือมีช่องว่างระหว่างคนรวย กับคนจน ที่กว้างมาก ซึ่งคนที่มีน้อย หรือไม่มีเลยนั้นเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
ฉะนั้น โภคทรัพย์ทั้งหลายก็กระจุกตัวอยู่ในมือของกลุ่มคนกลุ่มน้อยๆ ทั้งที่ดินสิ่งก่อสร้าง กิจการ และเงินตรา
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า ระบบตลาดเปิด แทนที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ทั่วถึงให้คล้ายคลึงกันให้มากที่สุด กลับกลายเป็นระบบการตลาดที่ปิดด้วยการผูกขาด ด้วยการกระจุกตัวของพลังอำนาจเศรษฐกิจ สังคมจึงแบ่งแยกโดยปริยายออกเป็น 2 กลุ่มชน คือ กลุ่มรวยแล้วรวยขึ้นของคนกระหยิบมือเดียว กับกลุ่มจนลงๆ ของคนส่วนใหญ่
เมื่อเป็นเช่นนั้น ความคับแค้นใจ ความโกรธ ความเกลียดชังก็ย่อมที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็มีการใฝ่หาผู้นำขี่ม้าขาว หรือไม่ก็ต้องจัดการประท้วงกันไม่รู้จักหยุดหย่อน หรือไม่ก็มุ่งใช้ความรุนแรง เพื่อปฏิวัติสังคม พลิกแผ่นดินให้เป็นไฟให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเสียเลย
แต่ก็คงไม่สายเกินไป…ถ้า
กลุ่มทุนนิยม (สามานย์) จักพึงได้คิดทบทวน ปรับกระบวนยุทธ์ เพื่อเปิดช่องทางให้ผู้อื่นได้มีที่ยืน และมีโอกาส และมีความหวังกันบ้าง ก็ต้องเป็นเรื่องของการค้าขายเพื่อช่วยจรรโลงสังคมด้วย มิใช่เอาแต่ตัวเองกันอีกต่อไป หันไปมองอภิมหาเศรษฐีระดับโลก เช่น Bill Gates, Warren Buffett และอื่นๆ คงพอจะใช้เป็นตัวอย่างแบบอย่างได้บ้าง
ในขณะเดียวกัน ผู้นำทางการเมืองทั้งหลายก็จะ “เล่นการเมืองแบบไม่เลิกรา” แทนที่จะ “ทำงาน” การเมืองตอบสนองสังคม ควบคู่ไปกับการฮั้วกับกลุ่มทุน จะได้ตระหนักนึกคิดได้หรือไม่ หรือจะปล่อยให้สังคมไทยของเราอยู่กันท่ามกลางความเหินห่าง ความเหลื่อมล้ำความเคียดแค้น ต่อกันไปแบบนี้
ทั้งกลุ่มทุน และกลุ่มการเมือง สามานย์ทั้ง 2 จะทำลายชาติบ้านเมืองกันต่อไป แล้วสุขสบายกันแต่ผู้เดียว โดยไม่คิดว่าวันหนึ่งข้างหน้าความเป็นอภิสิทธิ์ชนและพลังอำนาจทั้งหลายทั้งปวงนั้นย่อมจะมีวันสิ้นสุดได้เหมือนกัน เพราะผู้คนส่วนใหญ่เขาคงไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างไปโดยตลอด จุดเดือดคงต้องมีดังปรากฏการณ์ที่เห็นกันในหลายประเทศทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ก็ไม่รู้ว่า กลุ่มอภิสิทธิ์ชนเหล่านี้จะตระหนักบ้างหรือไม่ว่า หากปล่อยให้บ้านเมืองเป็นกันอย่างนี้แล้ว จะไม่ห่วงลูกหลานเหลนของตนบ้างหรือ ที่จะได้นั่งอยู่บนกองเงินกองทอง หากแต่เป็นกองสมบัติที่ตั้งอยู่ท่ามกลางการลุกฮือของไฟสังคม
ก็ขอเชิญชวนจิตสำนึกของการให้ผู้ด้อยโอกาสกว่ามีที่ยืนในสังคม และมีโอกาสในชีวิตได้มากขึ้น ขนมเค้กนั้นใหญ่โต แบ่งให้ทุกคนได้มีส่วนได้ประโยชน์ด้วยบ้างเถิด ไม่ใช่เป็นแบบขนมเค้กใหญ่แต่กินคนเดียว กินกลุ่มเดียวดัง40-50 ปีที่ผ่านมา นั่งบริโภคกันอยู่ไม่กี่คน เงินทอง ผลประโยชน์มิได้ไหลลงมาที่รากหญ้าเท่าที่ควรเลย
คน ด้วยศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ได้ถูกหล่อหลอมด้วยหลักธรรม ต้องการพึ่งตนเอง และฉะนั้น ย่อมต้องการโอกาส และกรอบกติกาที่แฟร์ เขาไม่ต้องการการเป็นทาสของลัทธิพึ่งพาพึ่งบุญ แบบแบมือขอเขากินเขาใช้
กลุ่มทุนต่างๆ ควรได้รีบหันมาแก้ไขปัญหารวยกระจุก จนกระจายกันแต่วันนี้ หันมาแบ่งผลประโยชน์ แบ่งโอกาสทางการทำมาหากินให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศบ้าง ก่อนที่เขาจะอดโซคับแค้นใจกับการไร้ความหวังในชีวิต และเมื่อถึงวันหนึ่ง คนเหล่านี้ก็จะระเบิดความสิ้นหวังออกมาเป็นการทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ชนิดที่ว่า อำนาจขนาดไหนก็ขวางไม่อยู่
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี