ในอดีตกาลอันไกลโพ้น การเข้าเมืองนั้นไม่ต้องถือหนังสือเดินทางใดๆ ต่อมาเมื่อมีการไปมาหาสู่กันมากขึ้นและเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทาง จึงเกิดหนังสือเดินทางขึ้นและกลายเป็นพาสปอร์ตในปัจจุบันนี้
ครั้นการไปมาหาสู่ทั่วโลกกว้างขวางมากขึ้น ประเทศที่เป็นผู้รับก็ต้องการกลั่นกรองคนที่จะเข้าประเทศให้เป็นที่วางใจ จึงเกิดระบบการทำวีซ่าหรือการขออนุญาตเข้าเมืองก่อนออกเดินทาง โดยระบุไว้ในพาสปอร์ตนั้น
ครั้นพัฒนาการของโลกก้าวหน้าไปถึงยุคดิจิทัลแล้ว ระบบการตรวจสอบการเข้าเมืองก็มีความก้าวหน้าทันสมัยและรัดกุมยิ่งกว่าระบบการขอวีซ่าจนเทียบกันไม่ติด ดังนั้นหลายประเทศจึงยกเลิกการใช้วีซ่า และใช้ระบบการตรวจสอบบุคคลโดยเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบสารสนเทศ ทั้งของประเทศตนเองและประเทศที่เกี่ยวข้อง
เมื่อครั้งที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของประเทศจีนสามารถตรวจจับผู้ก่อการร้ายได้ถึง 57 คน ซึ่งการตรวจจับเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ วีซ่าหรือไม่ได้มีผลต่อเนื่องจากวีซ่าแต่ประการใด แต่เป็นผลจากการใช้ระบบสารสนเทศเกี่ยวกับการตรวจสอบ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นเด่นชัดว่าความปลอดภัยของประเทศและข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากระบบวีซ่า แต่เกิดขึ้นจากระบบสารสนเทศสมัยใหม่
จึงทำให้ประเทศต่างๆ หันมาให้ความสำคัญและให้ความสนใจในการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการตรวจสอบบุคคลในการเข้าเมืองและมีการใช้แพร่หลายมากขึ้นโดยลำดับ
ในปัจจุบันนี้ประเทศจำนวนมากในโลกได้ยกเลิกการใช้วีซ่าไปแล้ว แม้กระทั่งญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่อนุรักษ์และเข้มงวดในเรื่องคนเข้าเมืองมากที่สุดก็ได้ยกเลิกวีซ่าให้กับประเทศส่วนใหญ่ของโลกไปแล้ว รวมทั้งประเทศไทยด้วย
ประเทศไทยของเราก็เช่นเดียวกัน ได้ยกเลิกการใช้วีซ่ากับมิตรประเทศหลายประเทศ แต่ปรากฏว่าประเทศคู่ค้าสำคัญที่จะส่งผลประโยชน์ใหญ่หลวงแก่ประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องการท่องเที่ยวและการค้า การลงทุน กลับไม่ยกเลิก ไม่ว่าจีนหรืออินเดีย หรือประเทศในตะวันออกกลางบางประเทศ แม้ประเทศในยุโรปและอเมริกาอีกหลายประเทศ
ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องให้ความสำคัญในการปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบการตรวจสอบข้อมูลบุคคลในการเข้าเมืองที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูงตามแบบอย่างอารยประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรเลย ขอเพียงมีสติปัญญากล้าหาญตัดสินใจทำการก็จะทำได้สำเร็จ และจะลดภาระและหน้าที่รวมทั้งค่าใช้จ่ายของสถานทูตไทยและสถานกงสุลไทยทั่วโลกด้วย
ที่สำคัญคือจะเพิ่มความปลอดภัยให้กับประเทศไทยและคนไทยจากบรรดาคนเข้าเมืองทั้งหลายที่อาจมีอาชญากรหรือผู้หลบหนีเข้าเมืองหรือผู้ก่อการร้ายที่แอบแฝงเข้ามาได้ด้วย
ปัจจุบันนี้ระบบการทำวีซ่าของบางประเทศ รวมทั้งของประเทศไทยกลายเป็นระบบที่เอื้อประโยชน์ให้แก่การทำมาหากินหรือการทุจริตหรือการแสวงหาผลประโยชน์บนความเสียหายของประเทศชาติ ดังเช่น
ประการแรก มีการกำหนดหรือถ่วงเวลาในการพิจารณาวีซ่ายาวนานมาก สำหรับบางประเทศต้องใช้เวลา 3-6 เดือน แล้วจะมีใครหน้าไหนอยากจะไปมาหาสู่ด้วย ที่สำคัญคือการสร้างความคับแค้นใจให้กับมิตรประเทศ และประชาชาติของประเทศทั้งหลายเหล่านั้นว่าประเทศไทยกีดกันรังเกียจประชาชาติส่วนใหญ่ของประเทศนั้น เพราะถ้าหากมีคนไม่ดีหรือคนร้ายก็มีจำนวนไม่มากนัก สามารถตรวจสอบได้โดยวิธีอื่น เหตุไฉนจึงต้องทำให้ประชาชาติส่วนใหญ่ต้องรับผลร้ายจากเรื่องแบบนี้
ประการที่สอง มีเงื่อนไขที่ยุ่งยากซับซ้อนโดยเฉพาะการแสดงหลักฐานและข้อมูลที่บางครั้งเป็นข้อมูลในอนาคตที่ไม่อาจระบุได้ในขณะขอวีซ่า เช่น สถานที่พำนัก ซึ่งในขณะขอวีซ่าก็ยังไม่มีการจองที่พำนักเพราะไม่มีใครทราบว่าจะสามารถเดินทางได้หรือไม่เมื่อใด จึงเป็นการเปิดช่องให้นายหน้าหาประโยชน์ เพราะเมื่อจ้างนายหน้าดำเนินการเป็นพิเศษแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็ได้รับการผ่อนผันหรือมองข้ามไป
ประการที่สาม ระยะเวลาในการพิจารณาและดำเนินการเกี่ยวกับวีซ่ายุ่งยากและใช้เวลามาก ทำให้นักธุรกิจหรือผู้ประกอบธุรกิจหรือนักลงทุนเบื่อหน่ายไม่อยากติดต่อทำมาค้าขายด้วย หรือถ้าจำเป็นก็ต้องจ่ายเงินพิเศษให้นายหน้าไปดำเนินการ ซึ่งไม่แน่ชัดว่าผลประโยชน์ตกได้กับใคร แต่ที่แน่ชัดก็คือภาพลักษณ์แห่งการคอร์รัปชั่นหรือฉ้อโกงติดตรึงกับประเทศ และเป็นเครื่องทำมาหากินให้กับผู้ทุจริตฉ้อฉลทั้งหลาย
แม้ว่าประเทศไทยจะมีการลดค่าวีซ่าหรือยกเว้นค่าวีซ่าในบางครั้งบางคราว แต่นั่นเป็นเพียงตัวเงินที่แทบไม่สลักสำคัญเท่ากับเวลาและขั้นตอนซึ่งยังคงเป็นอุปสรรคอยู่เหมือนเดิมและไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาอย่างถาวร
เป็นเพียงการสร้างภาพแบบขอไปทีที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติเลย
ประเทศญี่ปุ่นหลังจากยกเลิกวีซ่าให้กับประเทศไทยแล้ว คนไทยได้แห่กันไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากมายมหาศาล และในที่สุดอัตราค่าท่องเที่ยวญี่ปุ่นก็แทบไม่ต่างกับการไปท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวในประเทศไปแล้ว
นี่คือหายนะทางเศรษฐกิจอย่างหนึ่งของประเทศไทย ที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องเลิกใช้ทัศนะราชการเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ให้ก่อเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนโดยเร็วที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี