l 1.ฝุ่นอคติ อวิชชา ที่ปกคลุมความคิดผู้นำและประชาชนในสังคมไทย สร้างปัญหา และทำให้ไม่มีทางออกการแสวงหาสัจจะจากความเป็นจริง : เป็นสิ่งจำเป็น พื้นฐานเริ่มต้น ก่อนที่จะคิดและทำอะไร? หากเราใช้ อคติ อวิชชา นำทาง เราก็มักจะนำเอา “ข้อมูลข่าว” ที่ตรงจริต ตัวกูของกู ไปคิดและทำต่อเมื่อเริ่มต้นที่ผิด : ผลลัพธ์ เป้าหมายปลายทาง ที่เราจะคิดจะทำต่อไป, มันจะถูกทิศทาง ได้อย่างไรมันอาจจะสนอง และให้ผลประโยชน์แก่เขา พรรคพวกได้ในช่วงแรกๆ หากเขามีกลไกในการกระจายสร้างข่าวเท็จได้ คือ มีทั้งอำนาจพรรคการเมือง ทุน นักวิชาการ สื่อ มวลชนฯ แต่จะทำให้งานของส่วนรวม หรือของบ้านเมืองเสียหายและในที่สุด ก็จะย้อนมาทำให้เขา พรรคพวกเสียหายในภายหลัง
l 2.การเริ่มต้น ด้วยข้อมูลที่ผิด จะทำให้คุณ ต้อง “โกหก” ไปตลอด และเมื่อคุณโกหกคนอื่นตลอด :ในที่สุด “การโกหกก็จะกลับมาหาคุณ” แล้วคุณก็จะโกหกตัวเอง
ข้อคิดเกี่ยวกับ การพูด “โกหก และความจริง”
“คุณอาจจะหลอกทุกคนได้ในบางเวลา คุณอาจจะหลอกบางคนได้ตลอดเวลา แต่คุณไม่สามารถหลอกทุกคน ได้ตลอดเวลา” อับราฮัม ลินคอล์น
การพูดโกหก ต้องจดจำตลอดเวลาว่า ครั้งก่อนนี้พูดโกหกอะไร
หากคุณพูดความจริง คุณไม่ต้องจดจำอะไรเลย : มาร์ก ทเวน
l 3.ผมมักจะแนะนำ “ทุกคน” ทั้งคน มีความเห็นร่วม และความเห็นต่าง และคนทั่วไปให้ “แสวงหาข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง” ก่อนจะทำอะไรต่อเราก็เริ่มต้น จากความเป็นจริง มีข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเราก็จะได้เข้าใจ และรู้ว่า แต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร ตามความเป็นจริงหากเราคิดต่างไป เราก็จะสามารถประยุกต์ไปใช้ จากข้อมูลที่ถูก เพราะการมีข้อมูลเบื้องต้นที่ผิด ก็จะทำให้เราคิดและทำผิด ต่อไปการรับรู้ในเรื่องของข้อมูลและบุคคลนั้นสำคัญยิ่ง : รู้ทั้ง “เขา และเรา”
“หากรู้เขารู้เรา : แม้นรบกันตั้งร้อยครั้งก็ไม่มีอันตรายอันใด ถ้าไม่รู้เขา แต่รู้เพียงตัวเรา : แพ้ชนะย่อมก้ำกึ่งอยู่ หากไม่รู้ในตัวเขาตัวเราเสียเลย : ก็ต้องปราชัยทุกครั้งที่มีการยุทธนั้นแล”
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง (ซุนวู)
แต่หากให้ครบถ้วนจริงๆ ต้องรู้และเข้าใจ สภาพหรือสถานการณ์ของสังคมนั้นๆ ด้วย
l 4.คนที่ไม่เริ่มจากความเป็นจริง ชอบโกหก อาจจะชนะได้ในตอนต้น แต่ในที่สุดเขาก็จะพลาด และพ่ายแพ้หัวหน้าฯ ที่ชอบโกหกกับประชาชน มักจะโกหกกับลูกน้องทุกคน ด้วยลูกน้อง ที่หวังลาภยศ เงินทอง แม้รู้ว่า“หัวหน้าโกหก” ก็ยังยอมสยบก้มหัวให้แต่หากมีทางเลือกใหม่ พวกเขาก็จะเป็นคนแรกที่หันหลังให้หัวหน้า และเดินจากไปและในที่สุด ประชาชนจะรู้ทันทัก แล้วก็จะจากไป แล้วย้อนกลับมา เอาหัวหน้าลงจากเวที
l 5.พรรคการเมือง ฝ่ายค้าน นักวิชาการพวกที่อคติ ชอบโกหกกล่าวหาคนอื่นฯ คงต้องปรับทัศนคติตัวเอง ใหม่! หลายคนแปลกใจ “บางคนมีความรู้สูงมีฐานะตำแหน่งที่มีเกียรติ ฯลฯ “กลับชอบกล่าวหา” รัฐ สถาบันฯ “ซึ่งหากเจาะลึกหาความจริงดูให้ชัด : จะไม่แปลกใจเลย : เหตุเพราะหลายปัจจัย”
1.อัตตาสูง คือ เก่งและดังในบางเรื่อง แต่คิดว่า“กูรูรู้ทุกเรื่อง” กูแพ้ไม่ได้ ต้องชนะลูกเดียว
2.“คิดเฉพาะส่วน ไม่มองภาพรวม เป็นกระบวนการไม่เข้าใจ ระยะการเปลี่ยนผ่านของสังคม”
3.นำประชาธิปไตยแบบตะวันตกมาใช้แบบตายตัว ไม่นำมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
4.อคติต่อทหาร สถาบันฯ มองการรัฐประหารเลวหมด ไม่ได้พิจารณารูปธรรม ตามความเป็นจริง
5.อคติ คือ ไม่พอใจการกระทำของรัฐในบางเรื่อง แต่เหมารวมว่า “รัฐผิดทุกเรื่อง”
6.ล่องลอย นั่งเทียน คือ นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่ได้ลงมาสัมผัสกับความเป็นจริง
7.มีผลประโยชน์ร่วม คือ เคยร่วมงาน หรือคุ้นเคยใกล้ชิดหรือได้ประโยชน์ จาก “คนโกง หนีคดีฯ”
8.มีความสนิทชอบเชียร์ “นโยบาย หรือ ความคิดของคนผิด” ในบางเรื่อง แต่เชียร์ไปทุกเรื่อง แม้เรื่องผิด
9.ชอบคบค้าสมาคม กับ “คนที่คิดผิด แบบเดียวกัน” ไม่รับฟังความคิดเห็นต่างฯ
10.ขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เอาตัวเอง หรือคนที่ชอบเป็นใหญ่
คนประเภทนี้ “มักมีปัญหาในเชิงความคิดความเชื่อ” กับผู้คนอื่นบ่อยๆ แล้วโทษคนอื่น ลืมดูตัวเอง
l 6.หากรักชาติบ้านเมืองจริง ต้องเริ่มต้นแสวงหาสัจจะจากความจริง จึงจะพบทางออกสภาพสังคมไทยขณะนี้ อาจจะยากมากในการหาความจริง แต่สามารถทำได้ หากเรามีความจริงใจ เอาจริง เราก็จะฝ่าฟันไปได้ ด้วยความรู้ สติปัญญา ที่ไม่ยอมแพ้
@ เริ่มต้นจากตัวเอง แล้วแสวงหาเพื่อนมิตร กลุ่มคนที่มีจิตอาสา ฯลฯ คิดเพื่อบ้านเมืองต้องศึกษา ทำความเข้าใจ ทฤษฎี แนวทาง ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอน การเปลี่ยนผ่านต้องจำแนก มิตรคนดี คนไม่ดีแนวร่วม ให้ออกสภาพสังคมการเมืองเช่นนี้ ไม่มีใครทำถูกหมด ต้องเลือก “ผู้นำ กลุ่มคน” ที่มีหลักการที่ดีถูกต้องแล้ว ร่วมมือกัน สามัคคีกัน ในการไปลดบทบาท“คนไม่ดี” และเสริมความเข้มแข็งของมิตร และแนวร่วมต้องแสวงหา ส่งเสริมสนับสนุน ผลักดัน ให้เกิด
ผู้นำเชิงรัฐบุรุษ ที่กล้าตัดสินใจ เพื่ออนาคตของบ้านเมืองจนถึงเวลา ที่เรามีกำลังมากกว่า เราจึงรวมศูนย์ ไป
ขจัดพวกไม่ดี ให้หมดไป หรืออ่อนแอลงถึงเวลานั้น เราก็จักสามารถปฏิรูป เปลี่ยนแปลงสังคม ให้เป็นประชาธิปไตยได้จริงแล้ว ต้องร่วมมือกับประชาชนผู้ก้าวหน้า สถาปนาระบอบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยของประชาชนขึ้น
นี่คือ หนทางที่ถูกต้อง ของขบวนการของประชาชน ในการสร้างประชาธิปไตยขึ้นในสังคมไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี