ข่าวฮือฮาในวงการฟุตบอลยุโรปเวลานี้ คือ ยูฟ่าประกาศลงโทษสโมสรฟุตบอลชื่อดังแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปรับเงิน 30 ล้านยูโร และไม่ให้เข้าร่วมแข่งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 ฤดูกาลต่อไป (2020-21 และ 2021-22)
พูดง่ายๆ ว่า ถูกแบน 2 ปี จากรายการแข่งขันระดับสูงสุดในยุโรป
โดยชี้ว่า สโมสรฟุตบอลแห่งนี้ทำผิดกฎแฟร์เพลย์ทางการเงิน หรือ Financial Fair Play (FFP)
1. Financial Fair Play (FFP) พูดง่ายๆ คือ ห้ามสโมสรฟุตบอลใช้จ่ายเงินเกินกว่ารายได้ของตัวเอง
สโมสรต้องเปิดเผยข้อมูลทางการเงินให้ยูฟ่ารับรู้ และเงินที่เอาไปซื้อนักฟุตบอลจะต้องมาจากผลกำไรของสโมสรเท่านั้น ห้ามเป็นเงินส่วนตัวจากเจ้าของทีมเป็นอันขาด ซึ่งรายได้ของสโมสรมาจากค่าตั๋วเข้าชมการแข่งขัน ค่าสปอนเซอร์ ค่าถ่ายทอดสด ค่าของที่ระลึก และเงินจากการขายนักเตะ
กฎนี้ มีไว้เพื่อป้องกันมิให้บรรดาเศรษฐีใช้วิธีไล่ซื้อสโมสรฟุตบอล แล้วทุ่มเงินส่วนตัวอัดฉีดเข้ามาให้สโมสรทุ่มเงินซื้อนักเตะเข้ามาอยู่กับทีมของตัวเอง โดยไม่สนใจการทำการตลาด ความมั่นคงทางการเงินระยะยาวของสโมสร รวมไปถึงการพัฒนานักเตะเยาวชนของตนเองของแต่ละทีม
เจตนาเพื่อให้การแข่งขันฟุตบอลไม่เกิดการเอาเปรียบระหว่างสโมสรรวย-จนมากเกินไป มิฉะนั้น มหาเศรษฐีเจ้าของทีมรวยๆ ก็จะทุ่มเงินของตัวเองเท่าไหร่ก็ได้ เพื่อกวาดเอานักตะเก่งๆ เข้ามาอยู่กับทีมตัวเอง แถมไปแย่งเอามาจากทีมคู่แข่งอื่นๆ ทำลายการแข่งขันไปโดยปริยาย
อีกด้าน ก็เพื่อป้องกันมิให้ทีมฟุตบอลใช้วิธีไปกู้หนี้ยืมสิน เสี่ยงเพื่อเอามาทุ่มซื้อนักเตะดังๆ หวังเก็งกำไรว่าถ้าประสบความสำเร็จ มีเงินเข้ามาเยอะๆ ก็จะมีเงินมาใช้หนี้ภายหลัง แต่สุดท้ายถ้าไม่เป็นไปตามคาดก็อาจถึงขั้นล้มละลายทางการเงิน สร้างความเสียหายและผลกระทบต่อเนื่องไปอีกมาก
ทั้งหมด ทำให้มีกฎใหม่ เรียกว่า Financial Fair Play (FFP)
2. อย่างที่ทราบ เมื่อชีค มันซูร์ เทคโอเวอร์ทีมแมนฯซิตี้ ทีมนี้ก็มีเงินมาทุ่มซื้อตัวนักเตะมหาศาล กระสุนดินดำล้นปรี่ โดยแสดงให้เห็นว่า เอติฮัด แอร์เวย์สทุ่มเป็นสปอนเซอร์ให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 10 ปี 400 ล้านปอนด์ ซึ่่งมหาศาลผิดปกติในขณะนั้น (ลือกันว่าที่มาของเงินจริงๆ น่าจะมาจากชีคนั่นแหละ แต่เลี่ยงไปว่ามาจากสายการบินที่ญาติบริหารอยู่)
ในแฟนเพจ “วิเคราะห์บอลจริงจัง” เล่ารายละเอียดที่น่าสนใจ สรุปว่า เหตุที่ยูฟ่ามีหลักฐานเอาผิดได้ คือ ข้อมูลลับที่ถูกเผยแพร่ และถูกตีแผ่โดยสื่อเยอรมนี แดร์ สปีเกล ระบุว่า มีอีเมลของบอร์ดบริหารของแมนฯซิตี้ คุยกับผู้บริหารของ Aabar Investment บริษัทลงทุนยูเออี เนื้อความระบุว่า Aabar จะเป็นสปอนเซอร์ให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปีละ 15 ล้านปอนด์ แต่ในรายละเอียดการจ่ายเงินจริง Aabar จะจ่ายแค่ 3 ล้านปอนด์ ส่วนอีก 12 ล้านปอนด์ ที่เหลือ “ฝ่าพระบาท” (His Highness) จะจัดสรรมาให้เอง” (คำว่า His Highness ในอีเมลจะตีความเป็นคนอื่นไม่ได้เลย นอกจากชีค มันซูร์ เจ้าของแมนฯซิตี้ ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ของยูเออี)
อีเมลอีกฉบับ เป็นการคุยกันของ ฮอร์เก้ ชูมิลลาส CFO หรือหัวหน้าฝ่ายการเงินของแมนเชสเตอร์ ส่งจดหมายคุยกับไซม่อน เพียร์ซ บอร์ดของสโมสรว่า “เอติฮัด แอร์เวย์ส จะเป็นสปอนเซอร์ให้เราปีละ 67.5 ล้านปอนด์ แต่บันทึกไว้ด้วยว่า 8 ล้านปอนด์ จะเป็นเงินของเอติฮัด แอร์เวย์สจริงๆ ส่วนอีก 59.5 ล้านปอนด์ จะเป็นเงินของ ADUG” (ADUG ย่อจากอาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป ที่มีเจ้าของคือชีค มันซูร์นั่นเอง)
ในอีเมลเหล่านั้น มีลายเซ็น มีรายละเอียดข้อมูลครบ เป็นหลักฐานสำคัญที่ยูฟ่าใช้เอาผิดครั้งนี้
เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังดำเนินการสอบสวนมายาวนาน ยูฟ่าจึงประกาศบทลงโทษออกมาอย่างเป็นทางการว่า “หน่วยสืบสวนได้พิจารณาจากหลักฐานทั้งหมดแล้วระหว่างปี 2012 ถึง 2016 แล้ว พบว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จงใจฝ่าฝืนกฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ของยูฟ่า ด้วยการแสดงผลกำไรเกินจริงในบัญชีของสโมสร... นอกจากนั้น ยูฟ่ายังสั่งลงโทษสโมสรเพิ่มด้วยข้อหาไม่ให้ความร่วมมือกับ CFCB ในการสืบสวน”
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายแมนฯซิตี้ ยืนยันว่าจะอุทธรณ์กับศาลกีฬาโลกต่อไป
3. จากกรณีละเมิดสโมสรฟุตบอลละเมิดกฎแฟร์เพลย์การเงิน “สารส้ม” ชวนให้ลองพิจารณาเปรียบเทียบกับกรณีพรรคการเมืองรับเงินจากหัวหน้าพรรค 191 ล้านบาท ระบุว่าเป็นเงินกู้ เพื่อจะนำมาอัดฉีดใช้จ่ายเอาชนะคู่แข่งในการเลือกตั้ง จะเห็นภาพเหมือนในความต่าง
3.1 หลักฐานที่นำมากล่าวหาแมนฯซิตี้ คือ เอกสารลับที่บ่งชี้ว่ารับเงินจากเจ้าของทีม อ้างว่าเป็นเงินสปอนเซอร์จากสายการบินและบริษัทธุรกิจอื่น
แต่หลักฐานที่นำมากล่าวหาพรรคอนาคตใหม่ มีความชัดแจ้งแดงแจ๋กว่า เพราะหัวหน้าพรรคยอมรับต่อสื่อเอง แถมแจ้ง ป.ป.ช.ว่าให้พรรคกู้ 191 ล้านบาทด้วยตนเอง โดยที่กฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 66 ระบุว่า พรรคการเมืองจะรับบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ซึ่งมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อปี มิได้
นอกจากนี้ มาตรา 72 ระบุว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 72 แปลว่า พรรคการเมืองห้ามรับ 1.เงินบริจาค 2.ทรัพย์สิน 3.ประโยชน์อื่นใด โดยรู้ หรือ ควรรู้ ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย(ไม่ได้บอกว่ากู้ได้หรือไม่ได้)
เงินกู้ที่รับมาจากนายธนาธร 191 ล้านบาทนั้น มูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อปีแน่ๆ และพรรคก็น่าจะรู้หรือควรรู้ว่ามันเกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อปี เพราะนายธนาธรคือหัวหน้าพรรค และบริจาคเงินแก่พรรคเกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อปีอยู่แล้ว แต่พรรคเจตนาเล็งเห็นผลประโยชน์ที่จะได้จากเงิน 191 ล้านบาท จึงรับไว้ โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่?
เรื่องนี้ จึงไม่เกี่ยวเลยว่า นายธนาธรเอาเงินสุจริตหรือเงินสกปรกมาให้กู้ 191 ล้านบาท
นี่คือประเด็นสำคัญของคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัย 21 ก.พ.นี้
3.2 แมนฯซิตี้ ละเมิดกฎแฟร์เพลย์การเงิน ทำให้มีเงินจากเจ้าของมาอัดฉีด ทำให้การบริหารราบรื่น สะดวกสบาย ได้เปรียบคู่แข่งมากมาย
พรรคอนาคตใหม่ อ้างซ้ำซากว่ากฎหมายไม่ห้ามกู้ สามารถทำได้
ทั้งๆ ที่ สัญญาเงินกู้ที่กู้จากหัวหน้าพรรคคนเดียว 191 ล้านบาทนั้น ไม่ต้องมีหลักประกันอะไรเลย แถมแก้สัญญาภายหลังเพื่อลดภาระการใช้หนี้อีกต่างหากเอื้อประโยชน์สุดๆ
แบบนี้ ไม่แฟร์เพลย์การเงิน หรือไม่?
คิดง่ายๆ ถ้าพรรคการเมืองกู้ได้แบบที่พรรคอนาคตใหม่ทำ นายทุนใหญ่ก็ย่อมสามารถให้พรรคการเมืองอื่นๆ กู้ได้ด้วยเช่นกัน จะร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้านบาท เพื่ออัดฉีด สร้างความได้เปรียบทางการเมือง
แล้วกฎหมายพรรคการเมืองจะมีกฎข้อห้าม มิให้พรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด มูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อปี ไว้เพื่ออะไร
พรรคการเมืองก็พึ่งพา ตอบแทน ตอบสนองนายทุนพรรคอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องไปทำกิจกรรมระดมทุน ขายสินค้าที่ระลึก จัดโต๊ะจีน จัดดินเนอร์ทอล์ก(ซึ่งต้องทำตามระเบียบข้อกำหนดมากมาย) รวมถึงสร้างผลงานให้เป็นที่น่าเชื่อถือศรัทธาแลกกับเงินบริจาคของประชาชนในสังคม ส่งเสริมให้สมาชิกพรรคจ่ายเงินอุดหนุน เพื่อร่วมกันเป็นเจ้าของพรรค
คดีพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธรเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะเอง จากนั้น นายศรีสุวรรณ ไปยื่น กกต. 21 พ.ค.2562 กกต.มีมติ 11 ธ.ค. 2562
ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย 25 ธ.ค. 2562 นัดอ่านคำวินิจฉัย 21 ก.พ.2563
รวมระยะเวลา 9 เดือน
ทั้งที่ปรากฏข้อเท็จจริงชัดแจ้งและฝ่ายพรรคอนาคตใหม่ยอมรับเองว่าได้รับเงินจากนายธนาธรจริง โดยระบุว่ากู้ 191 ล้านบาท
รอดูศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร? จะเป็นบรรทัดฐานแก่พรรคการเมืองอื่นๆ อย่างไร?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี