ในประเทศพัฒนาแล้วที่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นเรื่องยากลำบากชนิดเป็นไปไม่ได้ ที่จะได้เห็นบริษัทในเครือกองทัพออกมาทำธุรกิจในสังคม เพราะกองทัพนั้นมีหน้าที่ที่จะป้องกันประเทศ และไม่ได้มีหน้าที่ไปทำธุรกิจหาเงินเข้าตัว
ในทางกลับกัน มีหลายประเทศกำลังพัฒนา ทั้งที่เป็นเผด็จการ หรือกำลังเพียรพยายามจะเป็นประชาธิปไตย การที่ฝ่ายกองทัพจะมีธุรกิจเพื่อหารายได้พิเศษเป็นของตนเองนั้นดูเป็นเรื่องธรรมดา หรือยอมๆ กันอยู่ด้วยมักจะอ้างเหตุผลว่า อาชีพทหารนั้นเป็นอาชีพที่เสี่ยงอันตราย มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองสูง แต่งบประมาณจากรัฐบาลให้มาไม่เพียงพอ สวัสดิการทหารจึงไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย กองทัพจึงจำเป็นต้องไปประกอบธุรกิจเพื่อหารายได้เอง ก็เป็นบ่อเกิดของการที่กองทัพสามารถมีวิสาหกิจของตนเองขึ้นมา
ยกตัวอย่างประเทศที่โดดเด่นในเรื่องกองทัพมีธุรกิจใหญ่โตคับประเทศ ก็มี พม่า ปากีสถาน ตุรกี และอียิปต์ เป็นต้น (ไทยเราก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน)
กองทัพไทยโดยเฉพาะกองทัพบก ก็มีกิจการหลากหลาย เช่น สนามกอล์ฟ สนามม้า สนามมวย โรงแรม ทีมฟุตบอลอาชีพ เป็นต้น อีกทั้งกองทัพยังมีบุคลากรที่ไปมีตำแหน่งหน้าที่ในสมาคมกีฬาอาชีพต่างๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และส่อถึงการเกี่ยวข้อง ระหว่างข้าราชการประจำ กับวงการธุรกิจค้ากำไร และเป็นการเบียดบังเอาทรัพยากรบุคคลด้านความมั่นคงไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการงานที่มิใช่ภาระหน้าที่โดยตรง
บัดนี้ เมื่อผู้บัญชาการกองทัพบกได้ประกาศนโยบายการแยกกองทัพออกจากการทำธุรกิจ โดยเริ่มต้นจากการล้มเลิกทีมฟุตบอลอาชีพทัพบก ก็เลยเป็นข่าวน่ายินดี เป็นที่แซ่ซ้อง ควรแก่การชมเชย สนับสนุน ให้กำลังใจ
นอกจากนั้น ข่าวก็ยังมีอีกว่า ฝ่ายกองทัพจะทำการว่าจ้าง หรือให้สัมปทานกับบริษัทเอกชน ในการบริหารจัดการธุรกิจต่างๆ ของกองทัพ
ดังกล่าว และจะนำรายได้ไปใช้กับการเสริมสร้างสวัสดิการให้แก่บุคลากรของกองทัพ
ก็หวังว่า การว่าจ้างก็ดี หรือการให้สัมปทานก็ดีนั้น จะเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีผู้รับผิดชอบต่อการตั้งกฎเกณฑ์ และควบคุมดูแลการบริหารจัดการ รวมทั้งเปิดโอกาสให้สาธารณชนเข้าถึงซึ่งข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ โดยมีตัวแทนของพวกเขา (รัฐสภา) ช่วยตรวจสอบด้วยอีกทางหนึ่งควบคู่กันไป
สำหรับรายได้เพื่อสวัสดิการนั้น ก็ต้องนิยามกันให้แน่ชัดแต่ต้นว่า เป็นสวัสดิการอย่างไร ทหารใดได้รับประโยชน์ และมีความทัดเทียม มีความเที่ยงธรรมหรือไม่
แล้วรายได้จะนำไปใช้เพื่อ “สวัสดิการ” ทั้งหมดนี้ ฝ่ายกองทัพควรจะคิดว่ารายได้ส่วนหนึ่งควรนำไปใช้ในกิจการอื่นด้วย เช่น
1.การวิจัย ค้นคว้า และพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ (ไทยคิด ไทยทำ ไทยใช้)
2.การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ แทนที่จะพึ่งงบประมาณประจำอย่างเดียว
3.การว่าจ้างบริษัทเอกชนไทย ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ เช่น การต่อเรือ การผลิตรถหุ้มเกราะการผลิตยานยนต์สะเทินน้ำสะเทินบก
4.อนึ่ง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกส์ มีความสำคัญต่อการสงคราม ต่อการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัย ต่อการสอดแนมและการหาข่าวมากยิ่งขึ้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ไทย(ทั้งทหารและพลเรือน) มีมันสมองและองค์ความรู้ไม่ด้อยกว่าต่างชาติ ก็น่าจะอยู่ในวิสัยที่จะคิดและพัฒนาอาวุธและอุปกรณ์สงครามสมัยใหม่ คืออากาศยานไร้คนขับ (Drones) ได้ ซึ่งโดรนจะเป็นได้ทั้งเพื่อการขนส่ง ต่อการสอดแนม โจมตี และป้องกัน เป็นต้น
นอกจากนั้น กองทัพก็มีที่ดินว่างเปล่ามาก หรือใช้ประโยชน์น้อย สามารถนำไปให้เอกชนเช่า และนำรายได้มาสมทบการสวัสดิการ และการพึ่งตนเองทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ด้วย
ในขณะเดียวกัน ก็หวังว่าบรรดาแม่ทัพทั้งหลายจะดูแลเรื่องความเป็นอยู่ และค่าตอบแทนต่างๆ ด้วย ด้วยว่ามีข่าวหนาหู ว่าด้วยบัญชีรายชื่อปลอม บัญชีรายชื่อกับผู้ทำงานจริงไม่สอดคล้องกัน เงินเบี้ยเลี้ยงของทหารชั้นผู้น้อยถูกหักหัวคิว การจัดซื้อจัดจ้าง มีการผูกปิ่นโตกับบริษัทเอกชนขาประจำ ไปจนถึงการใช้แรงงานทหาร ทหารเกณฑ์ ตั้งแต่ระดับบนเบิกรับค่าใช้จ่าย แล้วเอาเงินเข้ากระเป๋า ร่ำรวยไปตามๆ กัน
นอกจากนั้น ปัญหาภาคใต้ไม่ควรแก้ไขกันแบบ “เลี้ยงไข้” ที่เป็นช่องทางตบทรัพย์ รับงบประมาณจากภาษีราษฎร หากแต่ต้องเร่งทำงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งกองทัพสามารถกระทำได้ ถ้าตั้งใจจริง และซื่อตรง ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ต่อชาติบ้านเมือง
ในเรื่องของการแยกกองทัพออกจากธุรกิจครั้งนี้ ผมก็ขอเชียร์ท่านแม่ทัพอย่างเต็มที่ แต่ก็ขอวิงวอนให้ท่านค่อยคิดค่อยทำด้วยการปรึกษาหารืออย่างกว้างขวาง และหาข้อยุติที่จะไม่มีข้อสงสัยคลางแคลงใจใดๆ
ทั้งสิ้น
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี