คุณเคยได้ยินสำนวนโบราณ “ผีเน่ากับโลงผุ” หรือไม่ หากคุณได้ยินแล้วตอบได้ไหมว่า สำนวนนี้มีหมายความอย่างไร
อันที่จริงแล้วสำนวนนี้ตั้งใจจะบอกว่า ความดีและความชั่วจะเป็นสิ่งดึงดูด และชักจูงให้คนที่มีความคิดเหมือนๆ กันเข้าไปอยู่รวมกัน คือคนดีก็จะไปอยู่รวมกับคนดี ส่วนคนไม่ดีก็จะไปอยู่รวมกับคนไม่ดี โดยไม่มีวันที่คนดีจะไปอยู่รวมกับคนไม่ดีได้ แล้วก็ไม่มีวันที่คนไม่ดีจะไปอยู่รวมกับคนดีได้ ต่อให้คนดีจำเป็นจะต้องอยู่ในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งร่วมกับคนไม่ดี ก็จะไม่มีวันที่คนดีจะยอมคบหาสมาคมกับคนไม่ดี เพราะศีลไม่เสมอกัน
ตามแนวคิดของพุทธศาสนา ให้ความสำคัญกับแนวคิดเรื่องศีลเสมอกันของผู้ที่คบหาสมาคมกันและกัน ผู้ที่ศีลเสมอกัน และปัญญาเสมอกัน จะสามารถคบหาสมาคมและเป็นกัลยาณมิตรของกันและกันได้ แต่สำหรับคนที่มีความเสมอกัน หรือเท่าๆ กันในด้านของความไม่ดี ก็จะสามารถรวมตัวกัน และสามารถคบค้าสมาคมกันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่รังเกียจความไม่ดีของกันและกัน
คุณคงไม่ประหลาดใจที่พบว่า คนพาลจะแวดล้อมไปด้วยคนพาล และชอบสมาคมกับคนพาล โดยในกลุ่มคนพาลจะไม่มีคนดีเข้าไปปะปนอยู่เป็นอันขาด ซึ่งเรื่องเช่นนี้มีมูลเหตุมาจากการดึงดูดของกันและกันของคนพาลกับคนพาล ส่วนคนดีนั้น ธาตุแห่งความดีจะดึดดูดกันและกันให้เข้าไปอยู่รวมกันได้ โดยไม่มีวันยอมรับความไม่ดี หรือคนไม่ดีให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มเป็นอันขาด จึงกล่าวได้ว่าคนดีไม่สามารถคบหาสมาคมกับคนพาลได้ และคนพาลก็ไม่มีวันอยู่รวมกลุ่มกับคนดีได้
คนดีกับคนพาลมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของหลักการทำงาน หลักการดำรงชีวิต วิธีคิด พื้นฐานนิสัย โลกทัศน์ และพฤติกรรม คนดีกับคนพาลไม่มีวันสนทนาในเรื่องเดียวกันได้ เพราะมีความคิดต่างกันอย่างสุดขั้ว ดังนั้นจึงมีคำกล่าวว่า คนดีไม่มีวันประนีประนอมทางความคิด และการกระทำกับคนพาลได้เป็นอันขาด และคนพาลก็ไม่มีวันประนีประนอมทางความคิดและการกระทำกับคนดีได้เช่นกัน ดังนั้นต่างคนจึงต่างอยู่ โดยไม่ข้องเกี่ยวกัน
สังคมไทยมีการตั้งคำถามว่า เหตุใดนักข่าวบางคนจึงมีพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์ คำตอบของเรื่องนี้คือ เพราะว่านักข่าวคนนั้นอยู่ในองค์กรหรือในสำนักข่าวที่ผู้เป็นเจ้าของสื่อมีพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์ หรือถ้าหากเจ้าของสื่อ ไม่ได้กรรโชกทรัพย์ตรงๆ ก็จะต้องมีพฤติกรรมสนับสนุนให้เกิดการกรรโชกทรัพย์ เพราะถ้าหากเจ้าของสื่อ ไม่นิยมการกรรโชกทรัพย์แล้ว ก็จะไม่มีวันปล่อยให้มีนักข่าวกรรโชกทรัพย์ในสำนักข่าวของตน และใช้สำนักข่าวของตนเป็นที่กรรโชกทรัพย์ได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นนักข่าวกรรโชกทรัพย์กับเจ้าของสื่อ ที่มีนิสัยชอบกรรโชกทรัพย์ จึงเป็นเสมือนผีเน่ากับโลงผุ แต่ถ้าหากคุณจะถามว่า แล้วเหตุใดจึงมีคนบางคนยอมให้นักข่าวกรรโชกทรัพย์จากตนได้ ก็จำเป็นต้องกลับไปพิจารณาทบทวนว่า ผู้ที่ยอมให้นักข่าวกรรโชกทรัพย์มีพฤติกรรมด้านมืดอะไรอยู่ในตัวของเขาหรือไม่ เพราะหากผู้ที่ถูกนักข่าวกรรโชกทรัพย์เป็นคนขาวสะอาด บริสุทธิ์ ไร้ราคีแล้ว เขาจะไม่มีวันปล่อยให้นักข่าวกรรโชกทรัพย์เขาได้เป็นอันขาด
เพราะฉะนั้น เวลาสาธารณชนจะประณามว่านักข่าวรายใดมีพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์ ก็ต้องพิจารณาด้วยว่านักข่าวกรรโชกทรัพย์อยู่ในสำนักข่าวใด เจ้าของสำนักข่าวมีพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์ด้วยหรือไม่ ขอย้ำว่านักข่าวกรรโชกทรัพย์จะต้องอยู่ในสำนักข่าวที่เจ้าของสำนักมีพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์ด้วย เพราะผีเน่ากับโลงผุเป็นของคู่กัน แล้วก็ไม่มีวันที่นักข่าวกรรโชกทรัพย์จะสามารถทำมาหากินอยู่ในสำนักข่าวที่เจ้าของสำนักเป็นคนซื่อสัตย์ ขาวสะอาด เพราะสำนักข่าวที่เจ้าของเป็นคนสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีวันปล่อยให้นักข่าวกรรโชกทรัพย์อยู่ร่วมกันตนเอง เนื่องจากศีลไม่เสมอกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี