วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ปัญหาความแตกแยกในสังคมไทยในระหว่างปี2544 ถึงปีนี้ 2563 เป็นห้วงระยะเวลา 2 ทศวรรษ ทางด้านการเมืองที่แหลมคมส่งผลให้ประเทศและสังคมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ถึงขั้นเรียกว่า หมิ่นเหม่ต่อภาวะที่อาจจะเรียกว่าสงครามกลางเมืองใกล้เต็มทน ระหว่างฝ่ายสนับสนุน อดีตนายกรัฐมนตรีที่หนีคดีอาญาอยู่ในต่างประเทศนายทักษิณ ชินวัตร กับครอบครัว กับฝ่ายต่อต้านระบอบนายทักษิณเหตุการณ์ในปี 2548-2549,2551-2553,2556-2557
คงไม่ต้องทบทวนความจำว่าคนไทยต้องมีการสูญเสียไปมากมายเท่าไหร่กับความขัดแย้งที่ระบอบทักษิณก่อขึ้นอย่าได้ไปกล่าวหาทหารว่าก่อรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 และวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เด็ดขาดเพราะคณะทหารเขาไม่ได้กระทำเพื่อตัวเองเขาต้องรัฐประหารเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศมากกว่านักเศรษฐศาสตร์การเมืองคงจำได้ดีว่าประเทศไทยมีการรัฐประหารเพราะความจำเป็นเพราะต้องแก้ไขปัญหาจากนักการเมืองขัดแย้ง 4 ครั้งเท่านั้น คือ
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2490 จอมพลผินชุณหะวัณ ยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือตรีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์,วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ยึดอำนาจรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ, วันที่ 19 กันยายน 2549 พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการของนายทักษิณ ชินวัตร และวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการของนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาลที่ทำหน้าที่แทนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกปลดโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
การรัฐประหาร 2 ครั้งหลัง ของคณะทหารที่ก่อขึ้นนั้นมีเป้าหมายต้องการป้องกันสงครามกลางเมืองที่คนไทย 2 ฝ่าย จะต้องจับอาวุธออกมาเข่นฆ่ากันเพราะกลุ่มนักการเมืองผู้สูญเสียอำนาจที่หนีคดีอาญาอยู่ในต่างประเทศ การรัฐประหารนับเป็นทางออกเพื่อป้องปรามกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และปี 2550 ไม่สามารถแก้ไขจุดอ่อนทางการเมืองในประเทศไทยได้จึงเกิดรัฐธรรมนูญปี 2560 ขึ้นมาใช้เป็นกฎหมายกวาดล้างนักการเมืองขี้โกง
จะเห็นได้ว่าการที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจองค์กรอิสระโดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญรวมไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง,คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและคณะกรรมการ ป.ป.ช.มากขึ้นการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองอย่าง ไทยรักไทย,พลังประชาชน และอนาคตใหม่นั้นเป็นเพราะอำนาจพิจารณาตามกฎหมายมหาชนไม่ใช่กฎหมายเอกชนตามปกติเพราะประเทศไทยมีกลุ่มนักธุรกิจการเมืองแสวงหาประโยชน์ทางการเมือง
โดยเฉพาะความพยายามในรอบกว่า 1 ทศวรรษที่ผ่านมาที่พรรคการเมืองหลายๆ พรรคมีนโยบาย 3 ประการ คือ การล้มปืน การล้มศาล การล้มเจ้า ซึ่งนับเป็นภยันตรายต่อบ้านเมืองเป็นอย่างมาก หากย้อนไปดูเหตุการณ์รัฐประหาร 2 ครั้งหลัง ในวันที่ 19 กันยายน 2549 และวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้นมีความเป็นไปได้ว่าระบอบการเมืองจอมโคตรโกงได้มีนโยบายที่จะลดอำนาจของศาลทุกระบบ ลดอำนาจกองทัพและลามไปถึงการจะล้มสถาบันพระมหากษัตริย์
และที่น่าห่วงคือกลุ่มนักการเมืองหัวเอียงซ้ายที่หลายฝ่ายเรียกพวกนี้ว่าพวกซ้ายจัดดัดจริตที่กำลังแอบแฝงอยู่กับนักการเมืองอภิมหาโคตรโกงเข้ามาปลุกปั่นประชาชนคนรุ่นใหม่ สร้างเหตุการณ์รุนแรงเหมือนเหตุการณ์ในวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ซ้ำขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งนั่นเอง

‘ภราดร’ชงครม.เยียวยาน้ำท่วมเพิ่ม จ่ายรายเดือนเป็น‘4 ขั้นบันได’30-60-90-120 วัน
พลังศรัทธา! ‘หลวงตาบุญชื่น’ ปฏิเสธพักฟื้น รพ. ลุกเดินธุดงค์ทั้งที่มีภาวะเลือดจาง
‘ปชป.’ผุดแคมเปญ‘เปิดฟ้าใหม่ ไล่เมฆเทา’ เปิดข้อมูล‘อาชญากรรมข้ามชาติ’ ฟอกเงินโยง‘อดีต รมช.’
ส่องฟีดแบค!! หลัง 'เดอะมีน' พ้นสภาพพนักงาน 'อาร์ม OHANA'โพสต์เดือดทันที
มาสเตอร์ 'ลูกเกด เมทินี'รุกฆาต ขึ้นบัลลังก์ 'Master Chair'พลิกเกมเชือด WARRIOR 'หวาย กามิกาเซ่'

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี