จากนี้ไปอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันมหาสงกรานต์แล้ว คือวันที่ 13 เมษายน 2563 ดังนั้นวันมหาสงกรานต์ แต่เนื่องจากพระอาทิตย์โคจรข้ามราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษในวันจันทร์แรม 6 ค่ำเดือน 5 เวลา 21.45 น. ดังนั้นวันเวลาดังกล่าวจึงเป็นวันมหาสงกรานต์ ซึ่งถือกันว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย
แต่ในปีนี้เทศกาลสงกรานต์เป็นอันต้องงดระงับไป ซึ่งรัฐบาลก็ได้ยกเลิกวันหยุดสงกรานต์และผลจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ห้ามการชุมนุมหรือรวมตัวกันของ
คนจำนวนมาก ทำให้การจัดงานสงกรานต์โดยทั่วไปต้องงดหรือเลิกไปด้วย ซึ่งนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
เมื่อวันมหาสงกรานต์มาถึงก็ย่อมหมายความว่าพระนางสงกรานต์เวรองค์ก่อนก็จะออกเวรสงกรานต์ปี และพระนางสงกรานต์เวรองค์ใหม่ก็จะเข้าเวรตามวันเวลาแห่งมหาสงกรานต์นั้น และนางสงกรานต์เวรปีนี้ก็คือพระนางโคราคะเทวี
ในบรรดาเทวะบุตรีของท้าวกบิลพรหมนั้น ต้องถือว่าพระนามของพระนางโคราคะเทวีแปลกกว่าองค์อื่น
ท้าวกบิลพรหมเป็นพรหมชนิดหนึ่งในบรรดาพรหมทั้งหลาย แต่เป็นพรหมชั้นต่ำกว่าท้าวมหาพรหม ซึ่งเป็นพรหมที่มีรูปบูชา เช่นที่หน้าโรงแรมเอราวัณ โดยเป็นพรหมระดับเดียวกันกับท้าวลัสเตียน ซึ่งเป็นพ่อของทศกัณฐ์ และด้วยเหตุที่เป็นพรหมชั้นต่ำกว่าจึงยังคราคร่ำอยู่ด้วยกิเลส ไม่ต่างกับมนุษย์เท่าใดนัก และท้าวกบิลพรหมนั้นมีกิเลสหนาอยู่ตรงที่เป็นนักการพนัน ที่ติดการพนันงอมแงม ถึงขั้นพนันตัดหัวจนเป็นตำนานสงกรานต์มาจนถึงทุกวันนี้
ท้าวกบิลพรหมมีบุตรี 7 องค์ คือพระนางทุงษะเทวี พระนางโคราคะเทวี พระนางรากษสเทวี พระนางมณฑาเทวี พระนางกิริณาเทวี พระนางกิมิทาเทวี และพระนางมโหธรเทวี โดยมีพระนามที่แปลกอยู่สามองค์ คือ องค์ที่หนึ่งถึงองค์ที่สาม ส่วนองค์ที่สี่ถึงองค์ที่เจ็ดนั้นพระนามค่อนข้างไพเราะเพราะพริ้งและมีความหมายที่งดงามด้วย
พระนางทุงษะเทวี พระนางโคราคะเทวี และพระนางรากษสเทวีนั้น แม้แต่ชื่อก็ดูแปลกประหลาด แต่ก็ทรงอิทธิฤทธิ์มาก โดยพระนางทุงษะเทวีนั้นมีอาวุธคู่กายคือจักรและสังข์ ซึ่งเป็นเทพศาสตราของพระพรหมเป็นเจ้า ส่วนพระนางโคราคะเทวีนั้นอาวุธประจำพระองค์คือพระขรรค์ซึ่งเป็นเทพศาสตราวุธประจำองค์พระพรหมและพระอินทร์ แต่ก็มีไม้เท้าวิเศษประจำพระองค์ด้วย สำหรับพระนางรากษสเทวีนั้นชื่อก็บอกว่าเป็นยักษ์ มีเทพศาสตราวุธคู่กายคือตรีศูลและธนู ซึ่งเป็นเทพศาสตราวุธของพระอิศวรและพระนารายณ์
ส่วนอีกสี่องค์ที่เหลือนั้นก็มีอาวุธปกติธรรมดา แต่ที่มีอาวุธคู่กายที่ก้าวหน้ามากที่สุดก็คือพระนางกิริณาเทวี ซึ่งมีปืนเป็นอาวุธประจำกาย เป็นแต่ว่าปืนนั้นแม้มีความก้าวหน้าตามยุคสมัยกว่า แต่จะมีฤทธานุภาพเสมอด้วยเทพศาสตราวุธอย่างอื่นหรือไม่ก็ยังไม่มีใครวินิจฉัยในเรื่องนี้
พระนางโคราคะเทวีเข้าเวรเป็นนางสงกรานต์เวรปีนี้ไม่ใช่ปีแรก แต่จะทรงเข้าเวรเป็นนางสงกรานต์ปีเฉพาะปีที่วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันจันทร์ ดังนั้นเมื่อวันมหาสงกรานต์ปี 2563 ตรงกับวันจันทร์ จึงเป็นวาระที่พระนางโคราคะเทวีเข้าเวรเป็น
นางสงกรานต์ปี
การที่พระนางโคราคะเทวีเข้าเวรเป็นนางสงกรานต์ปีนั้นมีเหตุการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไรบ้าง ก็ลองทำความรู้จักทำความเข้าใจในห้วงเวลาที่พระนางเข้าเวรเป็นนางสงกรานต์ปีของอดีตที่ผ่านมา ซึ่งจะเริ่มแต่เวลาปี 2529 เป็นต้นมาถึงปัจจุบันนี้
การเข้าเวรเป็นนางสงกรานต์ปี 2529 สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นเป็นห้วงเวลารอยต่อที่ประเทศไทยกำลังหยุดยั้ง
ศึกสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมาหลายสิบปี รวมทั้งกำราบ
ปราบปรามเหตุการณ์ไม่สงบตามแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าโดยรอบประเทศทั้งสี่ทิศ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในยุคสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยมีพลเอกชวลิต ยงใจยุทธเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบก มีเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศและความขัดแย้งทางทหารภายในอยู่บ้าง แต่ก็ฝ่าฟันผ่านไปโดยเรียบร้อย จึงเป็นปีของการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์บ้านเมืองจากร้ายกลายเป็นดี
พระนางโคราคะเทวีเข้าเวรอีกครั้งหนึ่งในปี 2535 ไม่กี่วัน
ก็เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬซึ่งเป็นผลมาจากการต่อสู้ระหว่างฝ่ายที่เรียกร้องต้องการประชาธิปไตย กับคณะรัฐประหารของ รสช. จนเกิดเหตุนองเลือดกลางพระนคร ร้อนถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ต้องเสด็จออกห้ามทัพ จึงนำความสงบกลับคืนสู่บ้านเมือง และนำไปสู่กระบวนการในการร่างรัฐธรรมนูญ
พระนางโคราคะเทวีเข้าเวรต่อมาในปี 2541 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติใหญ่ทางเศรษฐกิจ อันเป็นผลต่อเนื่องมาจากประเทศไทยถูกโจมตีค่าเงินในปลายปี 2540 ต่อเนื่องมา จนต้องลดค่าเงินบาทและเข้า IMF ต้องสูญเสียสมบัติชาติและทรัพย์สินเอกชนจำนวนมากให้แก่ต่างชาติในราคาถูกๆ จนทำให้ภาคธุรกิจของไทยย่อยยับยิ่งกว่าเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง และภาระหนี้ของแผ่นดินในครั้งนั้นก็เกิดขึ้นร่วม 2 ล้านล้านบาท ซึ่งถึงบัดนี้ก็น่าจะมีหนี้ค้างคงเหลือกว่า 1 ล้านล้านบาท เป็นความอัปยศและเสียหายแห่งชาติที่ร้ายแรงที่สุด
พระนางโคราคะเทวีเข้าเวรในปี 2546 คราวนี้เกิดวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างซึมลึก รัฐบาลได้กลายเป็นเผด็จการทุนสามานย์ และเกิดการทุจริตใหญ่หลวงขึ้นในบ้านเมือง เป็นเหตุให้เกิดกระแสต่อต้านขึ้นเป็นวงกว้างเพื่อล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นเป็นครั้งแรกของประเทศ และเกิดวิกฤติต่อเนื่องมากว่า 10 ปี
ครั้นถึงปี 2552 ที่พระนางโคราคะเทวีเข้าเวร ความขัดแย้งทางการเมืองที่ก่อตัวขึ้นจากการเข้าเวรสงกรานต์ปีครั้งก่อนก็ได้ยกระดับรุนแรงขึ้นเป็นเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง กระทั่งคุกคามต่อประธานองคมนตรี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงมาก
พระนางโคราคะเทวีเข้าเวรอีกครั้งหนึ่งในปี 2557 ได้เดือนเศษ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้เข้ายึดอำนาจเพื่อรักษาความสงบสุขของบ้านเมืองไว้ เนื่องจากวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองยกระดับความรุนแรง ถึงขั้นมีกองกำลังอาวุธเข้าประหัตประหารกัน และมีการจัดตั้งเพื่อแบ่งแยกราชอาณาจักรออกเป็นเขตแคว้นต่างๆ ซึ่งถ้าหากแก้ไขไม่ทันท่วงทีก็คงจะสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน จึงเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจสองจังหวะขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย คือประกาศกฎอัยการศึกก่อน ตามมาด้วยการยึดอำนาจด้วยการพูดเบาๆ ไม่กี่คำ
มาถึงปีนี้ พระนางโคราคะเทวีก็เสด็จมาเข้าเวรสงกรานต์ปีอีกแล้ว พระนางเสด็จมาเข้าเวรสงกรานต์ปีในขณะที่มีวิกฤติใหญ่สามวิกฤติรุมเร้าประดังเข้ามาพร้อมกัน คือ วิกฤติทางเศรษฐกิจ วิกฤติทางการเมือง และวิกฤติจากโรคห่ากินเมือง หรือที่เรียกกันว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งนับว่าเป็นวิกฤติพันทางครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ เพราะแต่ละวิกฤตินั้นหากรับมือแก้ไขไม่ถูกต้องไม่ทันท่วงทีแล้วไซร้ ก็สามารถทำให้สิ้นชาติสิ้นแผ่นดินได้ทั้งสิ้น
เป็นบุญนักหนาของพระราชอาณาจักรนี้ที่แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ พระสยามเทวาธิราชมีจริง อานุภาพแห่งพระรัตนตรัยมีจริง พระบุญญาธิการ พระบุญฤทธิ์แห่งพระมหากษัตริย์มีจริง ดังนั้นพระพุทธบุตรองค์สำคัญแห่งพระราชอาณาจักรคือสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์จึงทรงรับอาราธนาตั้งการพิธีสวดรัตนปริตรเพื่อความสวัสดิมงคลแก่แผ่นดินและราษฎร
พลานุภาพของสิ่งที่มองไม่เห็นคืออธิษฐานฤทธิ์แห่งพระรัตนตรัยและพระบุญฤทธิ์แห่งพระมหากษัตริย์ จึงเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันพระราชอาณาจักรและราษฎรจากพิบัติซึ่งมองไม่เห็นเช่นเดียวกัน คือไวรัสโควิด-19 ซึ่งถึงวันนี้เวลาผ่านมาร่วมสี่เดือนแล้ว ประเทศไทยก็ยังสามารถยืนได้อย่างมั่นคงและเผยให้เห็นถึงความสวัสดีด้วยพลานุภาพอันมองไม่เห็นนั้นแล้ว
ดังนั้นการเสด็จเข้าเวรสงกรานต์ปีของพระนางโคราคะเทวีในปีนี้จึงมีความแตกต่างกับการเสด็จเข้าเวรสงกรานต์ปีอื่นๆ อยู่มาก แต่ที่ละม้ายคล้ายคลึงกันก็คือการเสด็จเข้าเวรสงกรานต์ปีเมื่อปี 2529 ซึ่งเป็นปีแห่งการดับร้อนทุกข์เข็ญให้กับแผ่นดิน ซึ่งคงจะสร่างสิ้นไปในปีสงกรานต์นี้
คงเหลือแต่ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะลงจากหลังเสือหลังจากพระนางเข้าเวรแล้วสามปีเหมือนกับพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ หรือจะขี่หลังเสือต่อไป ซึ่งย่อมเป็นไปตามลิขิตสวรรค์อันไม่อาจกล่าวได้ในบทความนี้
บทบาทหนึ่งของพระนางโคราคะเทวีในปีนี้ ภาคหนึ่งก็คือพระนางโควิดเทวีหรือไฉน?
ดังนั้นขอผองเราจงตั้งใจยินดีต้อนรับพระนางโคราคะเทวีที่จะเสด็จเข้าเวรสงกรานต์ปีโดยพร้อมเพรียงกันเถิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี