เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2563 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(รมว.พม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ได้แพร่กระจายไปทั่วกรุงเทพฯ และสถานที่ที่เป็นชุมชนแออัดเป็นจุดเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. ตั้งแต่เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม รวมทั้งคนไร้บ้านคนไร้ที่พึ่ง และผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ นับเป็นกลุ่มเปราะบางของสังคมที่มีความเสี่ยงสูงในการดำเนินชีวิตในขณะนี้ รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เปิดโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” บริการที่พักสะอาดอาหาร 3 มื้อ ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
“ขอเชิญชวนคนไร้บ้าน คนไร้ที่พึ่ง และคนตกงานในช่วงนี้ สามารถไปพักที่บ้านพักของกระทรวง พม. ได้ เรามี
อาหารดูแลทุกวัน มีห้องพัก ห้องอาบน้ำให้อยู่อย่างสบาย เพื่อท่านได้ปลอดภัยจากโรคระบาด โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด สามารถติดต่อได้ที่ โทร.สายด่วน 1300 ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เราจะ “สู้” ไปด้วยกัน เพื่อผ่านวิกฤติไวรัส โควิด-19 ให้ได้โดยเร็ว” นายจุติ กล่าว
ในวันเดียวกัน นายจุติพร้อมด้วย นายสุทธิ จันทรวงษ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ นำเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงพื้นที่สวนลุมพินี และสถานีรถไฟหัวลำโพง แนะนำชักชวนบุคคลที่ตกงาน ไม่มีงานทำ รวมไปถึงคนไร้ที่พักอาศัย ที่มาอาศัยอยู่ตามพื้นที่ดังกล่าว ให้ไปพักสถานที่ทางกระทรวงได้จัดเตรียมไว้ 4 แห่ง เพื่อช่วยป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีการนำหน้ากากอนามัย ข้าวของเครื่องใช้ อาทิ สบู่ ยาสีฟัน มามอบให้ด้วย
สำหรับขั้นตอนการดำเนินการนั้นได้กำหนดมาตรการ 3 ระยะ แบ่งเป็นระยะป้องกัน ระยะรองรับ และระยะเยียวยา โดยขณะนี้อยู่ในระยะป้องกันและรองรับ จากการทำการตรวจสอบกลุ่มคนเร่ร่อนหรือคนไร้บ้านนั้น พบว่ามีอยู่ประมาณ 1,400 คน ซึ่งจะทำการเชิญชวนคนเหล่านี้ไปอยู่บ้านพักที่ทางกระทรวงได้จัดเตรียมไว้ให้จำนวน 4 จุด คือ บ้านมิตรไมตรีอ่อนนุช บ้านมิตรไมตรีดินแดง บ้านมิตรไมตรีธนบุรี และบ้านสร้างโอกาสปทุมธานี และเตรียมจัดบ้านพักเพิ่มเติมที่จังหวัดนนทบุรี เพื่อสามารถรองรับคนไร้บ้านได้อย่างเพียงพออย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะได้รีบดำเนินการในส่วนอื่นต่อไป
วันเดียวกันนั้น นายบุญยอด สุขถิ่นไทย โพสต์เฟซบุ๊คเล่าว่า “...ค่ำคืนนี้ รัฐมนตรีจุติ ไปพบคนเร่ร่อน ที่สวนลุมฯ และ สถานีรถไฟหัวลำโพง รัฐมนตรีบอกว่ารัฐบาลเป็นห่วง กลัวพวกท่านจะติดโรคระบาด มีบ้านสะอาดๆ มีห้องน้ำ มีอาหารเลี้ยงวันละ 3 มื้อ จะไปอยู่กันไหม? ผู้ชาย 10 คน (นักท่องเที่ยว ตกยากชาวเยอรมัน 1) และผู้หญิง 2 คน สมัครใจไปบ้านมิตรไมตรี ที่ อ่อนนุช นอกนั้นยังคงปักหลักอยู่แถวๆ นั้น โดยเฉพาะหัวลำโพง จากการพูดคุยกับชายวัย 38 จากร้อยเอ็ด ที่นอนอยู่ข้างคลองมาหนึ่งเดือนแล้ว เขาบอกว่า “ผมไม่ไปหรอก ใครอาจจะชอบ แต่ผมไม่ชอบผมออกไปหางานแบกหามได้วันละ 300 ตอนนี้ได้บ้างวันเว้นวัน แต่ผมก็อยากกลับมานอนที่นี่ เพราะผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ให้ไปอยู่เฉยๆ ผมไม่เอาด้วยหรอก!! เพราะผมรักความอิสระ ....”
เราควรจะเข้าใจ? เห็นใจ? ให้โอกาสเลือก? ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เรื่อยไปอย่างนั้นหรือ? หรือ
ต้องมีมาตรการบังคับ??? คนเร่ร่อนในกรุงเทพฯ ขณะนี้มีประมาณ 1,400 คน (ข้อมูลจาก:กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พม.)...”
วันเดียวกันอีกเช่นกัน ที่เพจเฟซบุ๊ค “มูลนิธิกระจกเงา” ได้โพสต์ข้อความบอกเล่าเรื่องราวของคนไร้บ้านที่ปกติจะใช้ชีวิตหลับนอนบนพื้นที่สาธารณะ แต่ขณะนี้ได้รับผลกระทบทั้งจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการห้ามอยู่นอกเคหสถาน หรือ “เคอร์ฟิว” จึงต้องการให้มีการเข้าไปช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ด้วย ว่า...
“...คืนที่เราออกแจกจ่ายหน้ากากและเจลแอลกอฮอล์ในวันเคอร์ฟิววันแรกที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ฝั่งเกาะพญาไท
คนไร้บ้านทั้งหนุ่มและแก่ถูกเสียงไล่ตะเพิดของทีม รปภ.บริษัทที่เช่าใช้พื้นที่เกาะพญาไท ที่น่าจะเป็นพื้นที่สาธารณะแต่เดิมนั้นแหละ คนไร้บ้านที่หนุ่มๆ หน่อยก้าวเดินออกมาอย่างหัวเสีย แต่ก็ไม่อยากหาเรื่องใดใส่ตัวอีก
คนไร้บ้านสูงอายุเดินกระย่องกระแย่งออกไปพ้นจากชายขอบของพื้นที่ จุดหมายคือป้ายรถเมล์ ไม่นานที่นั่งป้ายรถ
ก็เต็มไปด้วยคนไร้บ้าน เสียงพูดออกลำโพงของตำรวจดังจากอีกเกาะหนึ่งของอนุสาวรีย์ชัยฯ เตือนให้คนเตรียมตัวกลับเข้าบ้านให้เร็วที่สุด
คนไร้บ้านชายหนุ่ม คนไร้บ้านชราสายตาเหม่อมองไปที่ไฟไซเรนของตำรวจฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า อีก
ไม่นานเขาก็จะมาจอดที่ตรงหน้า และไล่ตะเพิดเขาออกไปจากที่นั่งป้ายรถเมล์ ไล่ออกไปโดยไม่ต้องสนใจว่าเขาจะไปที่ไหน ชีวิตมีปัญหา แต่ร่างกายนั้นไม่ได้สื่อออกมาทางสายตาว่าหวาดกลัว ร่างกายไม่ได้สั่นเทาใดๆ ไม่มีอาการผุดลุกผุดนั่ง
เราเห็นแต่ตาเศร้าๆ ก้มหน้าลงต่ำ หรือสายตาก็หันเหไปทางอื่น ช่างไร้จุดหมายยิ่งนัก เคยชินกับความไม่เท่ากัน เคยชินกับความหวาดกลัว เคยชินจนร่างกายไม่แสดงผลออกมาอีกแล้ว เพราะแสดงไปก็เท่านั้น ไม่มีใครแคร์ปฏิกิริยานั้นไม่มีทางออก ทางเลือกอยู่จริง แม้ว่านี่คือการตื่นตัวเพื่อเอาตัวรอดให้ได้ก็ตามที
เราได้แต่โทร.ไปประสานงานกับหน่วยงานที่เพิ่งได้ประชุมกันไปเมื่อเช้า ประชุมเรื่องกระบวนการช่วยเหลือพวกเขาพวกคนไร้บ้าน หน่วยงานนั้นส่งรถ และคนมา รถ และคนที่ไม่ได้บ่งบอกว่าเตรียมพร้อมไว้ใช้สำหรับงานโรคระบาดเอาซะเลย ผู้คนยังถูกยัดทะนานเข้าไปประมาณ 5 คน
ชายทั้ง 5 ส่วนใหญ่สูงอายุ สายตาของคนอื่นๆ ที่หนุ่มกว่าเริ่มมองมาแบบมีคำถามว่า เขาจะได้ไปหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานร้องขอว่า ขอรอบเดียวพอนะ เพราะที่นั้นก็เต็มแน่นแล้ว เราเข้าใจทันที....
เราเข้าใจคำอ้างนี้ดี เพราะมันถูกอ้างมาตลอดระยะเวลาที่เราทำงานกับคนไร้บ้านมากว่า 6-7 ปี เราไม่โทษ
เจ้าหน้าที่แต่เราโทษไปที่ระดับนโยบาย นโยบายที่ไม่เคยเห็นหัวคนจน
รถคันสีชมพูเดินทางออกจากป้ายรถเมล์ไป ชายไร้บ้านที่เหลือถามเราว่า แล้วเขาต้องทำอย่างไร ตำรวจเขาจะจับพวกเราหรือไม่ ชายคนหนึ่งพูดแทรกเพื่อนขึ้นมาว่า“ไม่เป็นไร เราน่าจะเอาตัวรอดกันไปได้ อะไรแบบนี้ ใช่ว่าไม่เคยผ่านซะเมื่อไหร่”
สิ้นประโยคบอกเล่า ชายหนุ่มคนเดิมขึ้นประโยคร้องขอตามทันที “ถ้าพี่มีที่อยู่ให้พวกเราได้อยู่ช่วงนี้ มาบอกพวกเราด้วยนะ” เราได้แต่รับปากด้วยเสียงดังๆ พอให้เขาได้มั่นใจ
เราได้แค่สัญญาอย่างรู้ตัวในความเล็กกระจ้อยของตัวเอง“เราจะทำสุดความสามารถให้พี่มีที่อยู่ปลอดภัยให้ได้ในช่วงนี้” พวกเขายิ้มแห้งๆ แต่ไม่ลืมบอกคำว่า “ขอบคุณมากๆ นะพี่” ออกมา
7 เมษายน 2563 เพจมูลนิธิกระจกเงาตั้งคำถามต่อรัฐมนตรีจุติ 12 ข้อ ว่า
1.สถานที่ที่ท่านบอกว่าจะเตรียมไว้รองรับ 5 แห่งนั้น มีการจัดการอย่างไร ที่หลับที่นอนห้องน้ำเป็นอย่างไรบ้าง มันถูกจัดการไว้รองรับอย่างเหมาะสมเพียงใด ในสถานการณ์โรคระบาด
2.จากการให้ข่าวของท่านว่า สามารถดูแลคนทั้งหมด 1,400 คน ได้ในสถานที่ 5 แห่ง เฉลี่ยแล้วก็ได้แห่งละ 280 คน สถานที่แต่ละแห่งนั้น สามารถจัดการเรื่อง social distancing (การเว้นระยะห่างทางสังคม) ได้จริงหรือไม่ ในจำนวนคนปริมาณมากขนาดนี้
3.ท่านสามารถเปิดสถานที่ทั้งหมดให้ดูได้หรือไม่ ว่ามันมีศักยภาพในการจัดการปัญหาเรื่องนี้ได้จริง
4.เห็นท่านบอกว่ามีหมอ มีพยาบาลมาดูแล มาวัดไข้ตรวจสุขภาพ เช้า-เย็น สามารถเป็นไปได้จริงหรือเพราะหมอและพยาบาลเขาน่าจะหนักแล้วในพื้นที่ปฏิบัติงานของเขาข้อเท็จจริงคืออย่างไร
5.ระบบคัดกรองโรคและความซับซ้อนอื่นในกลุ่มคนไร้บ้าน เช่น คนไร้บ้านบางคนที่มีอาการจิตเวช หรือมีปัญหาโรคติดต่อ เช่น TB ในแต่ละแห่ง ท่านได้ทำการเตรียมไว้แล้วหรือยังครับ เตรียมการอย่างไรขอทราบรายละเอียดด้วยครับ
6.เห็นว่ามีรถไปรับคนไร้บ้านด้วย แต่เราพบกับตาตัวเองว่ารถ 1 คัน ของทางกระทรวง ยัดคนไร้บ้าน 5 คนขึ้นกระบะหลัง ที่มีแครี่บอยปิดอีกต่างหาก แล้วแบบนี้มัน
เหมาะสมหรือไม่ในสถานการณ์โรคระบาดแบบนี้
7.ตัวเลข 1,400 คน คือตัวเลขอะไรกันแน่ครับ ผมเห็นบางสื่อรายงานว่า มันคือตัวเลขคนตกงาน บางสื่อก็บอกตัวเลขคนไร้บ้าน และท่านทราบได้อย่างไรครับ ว่าคนแต่ละกลุ่มที่ว่า มีจำนวนเท่านี้จริง
8.เบอร์ 1300 ที่ท่านให้โทร.เราเองลองโทร.ไปแล้วนะครับ ปลายสายแจ้งว่าคู่สายเต็มหมดเลย โทรไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ตั้งแต่ท่านได้เริ่มประกาศ
9.เมื่อวานสอบถามไปที่เจ้าหน้าที่ของท่าน เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลไม่ตรงกันเลย บางที่บอกว่าใช้ที่พัก 2 ที่ เป็นที่รองรับ บางที่บอกว่าใช้แค่สถานที่เดียว แต่ท่านเองให้ข่าวว่ามีทั้งหมด 5 แห่ง อะไรคือข้อเท็จจริง
10.เห็นท่านให้สัมภาษณ์ว่าเตรียมการมาแล้ว 2 เดือนในเรื่องที่พัก แต่ NGOs ที่ทำงานร่วมกับหน่วยงานในความรับผิดชอบอย่างมูลนิธิกระจกเงา เรายังเพิ่งประชุมหารือหาแนวทางกับทางกระทรวงกันอยู่เลย เราขอให้หน่วยงานของท่านแบทรัพยากรของกระทรวงกันเลยว่า พื้นที่ที่จะใช้รองรับคนไร้บ้าน เอาแบบเต็มที่ และถือหลักของ social distancing
ด้วยจะได้ประมาณ 100 กว่าคน แล้วตกลงข้อเท็จจริงคืออย่างไรครับ ขอความชัดเจนด้วยครับ
11.ท่านเตรียมการรองรับความปลอดภัยด้านสุขภาพให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนั้น มีความรัดกุมขนาดไหนใน
ขณะที่ต้องเผชิญกับคนที่จะเข้ามากว่าเป็นร้อยคน หรือเป็นพันคน ตามที่รัฐมนตรีให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน
12.ท่านได้ทำความเข้าใจกับชุมชนรอบข้างของบ้านที่ท่านจะให้เป็นที่อยู่ชั่วคราวของคนไร้บ้านแล้วหรือยัง เพราะไม่อยากให้เกิดซ้ำรอยกับบ้านมิตรไมตรีอ่อนนุชเมื่อคืนนี้
คำถามนี้มีขึ้นเพื่อให้ท่านได้ทบทวนว่า สิ่งที่ท่านทำจะไม่เป็นการทำร้ายตัวคนไร้บ้านในทางอ้อม เหมือนที่เกิดที่ขึ้นที่บ้านมิตรไมตรีอ่อนนุช เมื่อคืนที่คนไร้บ้านถูกชาวบ้านขับไล่ หรือคนไร้บ้านอาจจะติดเชื้อโรค เมื่อท่านไม่มีการเตรียมการที่ดี
และไม่ได้วางบนหลักการการจัดการสถานที่ และบริการในบริบทของสถานการณ์โรคระบาด และความเป็นห่วงดังกล่าว เราได้หมายรวมถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ของท่านด้วย
ผมประมวลมาฉายภาพกัน 2 มุม เพื่อให้คน 2 ฝั่ง หันหน้ามา “คุย” และ “เคลียร์” กัน เพื่อเอาพลังร่วมกันนั้นไปช่วยเหลือ “คนไร้บ้าน” กัน มากกว่าอารมณ์ “ไม่ไว้วางใจ”กัน อย่างท่วงทำนองที่เห็นอยู่นี้
ไปคุยกัน...และไปช่วยกันนะครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี