วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ทรัมป์ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศสหรัฐอเมริกาว่า....มีผู้ติดเชื้อเพียงแค่ 15 คน โดย 8 คน กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว, อีก 5 ยังอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ก็เกือบหายเป็นปกติแล้ว, 1 คน กำลังจะเตรียมตัวกลับบ้าน, และมีเพียงแค่คนเดียวที่ยังต้องเฝ้าดูอาการอยู่.....
และถ้ายังจำกันได้ในการแถลงข่าวครั้งนั้น ทรัมป์ได้อ้างรายงานของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins เรื่อง “The Countries Best and Worst Prepared for an Epidemic” โดยได้พูดไล่เลียง 10 ประเทศแรก ที่มีการเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดได้ดีที่สุด คือ สหรัฐ อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย แคนาดา ไทย สวีเดน เดนมาร์ก เกาหลีใต้ และฟินแลนด์ ตามลำดับ
แต่ภายในเวลาสองเดือน ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐกลายมาเป็น 1,263,092 คน สูงที่สุดในโลกตาม
มาด้วย สเปน อิตาลี อังกฤษ และฝรั่งเศส (ตัวเลข ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2563 : www.worldmeters.info)
อย่างไรก็ตาม ภายในระยะเวลาสองเดือนนี้อีกเช่นกัน รัฐบาลทรัมป์ก็ปล่อยชุดมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลาง (SME) และลูกจ้างออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยเริ่มตั้งแต่.....
1.Economic Impact Payment คือมาตรการแรกที่ออกมาในวันที่ 27 มีนาคม หนึ่งวันทันทีภายหลังจากสหรัฐขึ้นแท่นเป็นประเทศมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในโลกแซงหน้าจีนไปด้วยจำนวนตัวเลข 81,321 คน เมื่อวันที่ 26 มีนาคม มาตรการนี้คล้ายกับ มาตรการเยียวยา 5,000 บาท หรือ “เราไม่ทิ้งกัน” ของรัฐบาลประยุทธ์แต่เป็นการจ่ายให้ครั้งเดียวในเบื้องต้นก่อนเป็นจำนวนเงิน 1,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 39,000 บาท ณ อัตราแลกเปลี่ยน 32.50 บาท) สำหรับคนโสดผู้มีรายได้ไม่เกิน 75,000 ดอลลาร์ต่อปี หรือ 2,400 ดอลลาร์ สำหรับคู่สมรสที่มีรายได้รวมกันทั้งปีไม่เกิน 150,000 ดอลลาร์ และถ้ามีบุตรอายุต่ำกว่า 16 ปี ก็จะได้รับอีกคนละ 500 ดอลลาร์
เงินจำนวนนี้คนอเมริกันผู้เสียภาษีทุกคนที่มีชื่ออยู่ในระบบฐานข้อมูลของกรมสรรพากร สหรัฐหรือมีเลขประกันสังคม (Social Security Number) ที่มีคุณสมบัติดังที่กล่าวมาจะได้รับทุกคนโดยอัตโนมัติไม่ต้องเสียเวลาไปลงทะเบียนอะไรต่างๆ นานา ให้ปวดหัวเพราะกรมสรรพากรมีข้อมูลกลุ่มคนเหล่านี้อยู่แล้ว โดยจะดูประวัติการเสียภาษีย้อนหลังไปเพียงแค่ 2 ปีคือปี 2561 กับ 2562 และด้วยประสิทธิภาพความทันสมัยของระบบการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของรัฐบาลสหรัฐ ทำให้เงินก้อนแรกนี้ถูกทยอยจ่ายเข้าบัญชีให้คนอเมริกันได้รับกันอย่างถ้วนหน้า ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน
เป็นต้นมา
2.Unemployment Claims มาตรการนี้ก็เหมือนกับ สิทธิประโยชน์จากประกันสังคม กรณีว่างงาน ของสำนักงานประกันสังคมบ้านเรา ต่างกันแค่ว่ากระทรวงแรงงานของประเทศไหนจะช่วยประชาชนของตัวเองได้มากน้อยต่างกันอย่างไรเท่านั้นเอง สำหรับที่สหรัฐนั้น ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมจนถึงต้นพฤษภาคมนี้มีคนอเมริกันใช้สิทธินี้ประมาณ 30 ล้านกว่าคนเข้าไปแล้ว
เงื่อนไขการขอรับสิทธิ Unemployment Claims นั้นจะต่างจากมาตรา Economic Impact Payment เพราะลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่ว่าจะแบบชั่วคราวหรือถาวรจะต้องไปลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์กับรัฐบาล หลังจากนั้นกระทรวงแรงงาน สหรัฐก็จะส่งบัตรเดบิต (Debit Card) ไปให้เพื่อเอาไปใช้จ่ายในการดำรงชีพ โดยจะเติมเงินในบัตรเดบิตนี้ให้กับผู้ขอรับสิทธิ Unemployment Claims แต่ละคนๆ เป็นทีละสัปดาห์ๆ ไป ส่วนจำนวนเงินที่เติมลงไปก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนนั้นตั้งแต่เริ่มทำงานมาเขาส่งเงินเข้าระบบประกันสังคมไปมากน้อยเท่าไร ก็จะได้ไปตามสัดส่วนที่ไม่เท่ากัน
นอกจากนี้ ผู้ขอรับสิทธิ Unemployment Claims จะต้องคอยเข้ามาอัพเดท (Update) ข้อมูลของตนเองกับกระทรวงแรงงานทุกวันอาทิตย์....ว่าได้งานใหม่หรือกลับเข้าไปเริ่มทำงานที่เดิมแล้วหรือยัง....หรือยังคงตกงาน ไม่มีรายได้อยู่ ซึ่งถ้าเป็นกรณีสุดท้ายกระทรวงแรงงานก็จะเติมเงินใส่บัตรเดบิตให้เขาเพิ่มไปใช้จ่ายอีกหนึ่งสัปดาห์ โดยในเบื้องต้นกระทรวงแรงงานมีระยะเวลาให้ผู้ขอรับสิทธิ Unemployment Claims ใช้สิทธินี้ได้ประมาณ 6 สัปดาห์ และกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะขยายระยะเวลาต่อออกไปอีกหรือไม่
3.Paycheck Protection Program หรือ PPP เป็นมาตรการที่ถูกปล่อยออกมาช่วงกลางเดือนเมษายน เพื่อช่วยเหลือนายจ้างและลูกจ้างในธุรกิจ SME โดยเฉพาะ ภายหลังจากที่ช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยเงิน 1,200 ดอลลาร์ ไปแล้วจากมาตรการแรก
PPP กล่าวอย่างสรุปก็คือ เป็นมาตรการที่รัฐบาลกลางสหรัฐต้องการที่จะช่วยเหลือให้นายจ้างธุรกิจ SME รักษาลูกจ้างเอาไว้ในช่วงที่ธุรกิจต้องปิดตัวลงชั่วคราวจากสถานการณ์โควิด-19 นี้ โดยปล่อยเงินกู้ในเบื้องต้นก่อนประมาณ 3.5 แสนล้านดอลลาร์ ผ่านธนาคารขนาดใหญ่ซึ่งก็จะส่งต่อผ่านไปยังธนาคารท้องถิ่นของแต่ละรัฐ แต่ละเมือง อีกทีหนึ่ง
หลังจากนั้นเจ้าของกิจการในเมืองขนาดกลางและเล็กก็จะไปทำเรื่องกู้เงินกับธนาคารท้องถิ่นในเมืองของตัวเองโดยมีเงื่อนไขว่า....
1.เจ้าของธุรกิจแต่ละแห่งจะสามารถกู้ได้วงเงินจำนวน ซึ่งคำนวณจาก “จำนวนเงินที่ใช้จ่ายเงินเดือนลูกจ้างในแต่ละเดือน คูณด้วย 12 แล้วหารด้วย 2.5”
2.เงินกู้ก้อนนี้ ธนาคารท้องถิ่นจะคิดดอกเบื้ย 1% โดย 6 เดือนแรกยังไม่ต้องจ่ายทั้งต้นและดอก แต่หลังจากนั้นให้ใช้คืนให้ครบภายในระยะเวลา 2 ปี
3.เงินกู้ก้อนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นายจ้างเอาไปใช้จ่ายเป็นเงินเดือนของลูกจ้าง เพื่อรักษาหรือเก็บลูกจ้างไว้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ธุรกิจอาจจะต้องปิดตัวลงชั่วคราวโดยรัฐบาลกลางจะยกหนี้ก้อนนี้ให้เลยหรือไม่เอาคืน ถ้านายจ้างใช้เงินอย่างน้อย 75 เปอร์เซ็นต์ ของเงินที่กู้ได้ทั้งหมดไปจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับลูกจ้างของตัวเองในอัตราเท่าเดิมเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ โดยเงินที่เหลือนั้นนายจ้างผู้กู้ยังสามารถนำไปใช้จ่ายเป็นค่าเช่าร้าน เช่าตึก สำนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ เพื่อรักษาการดำเนินธุรกิจของตัวเองไว้ให้ได้ในช่วงเวลานี้ รวมไปถึงค่าจำนองบ้านได้อีกด้วย
ดร.ธิติ สุวรรณทัต

อนุสรณ์ จับโป๊ะ อนุทิน ปมภาพหลุด ร่วมเฟรม เบน สมิธ ให้ภาพเล่าเรื่อง ทำไมถึงปราบสแกมเมอร์ไม่ได้
เอกนิติ แจงปมร่วมเฟรม เบน สมิธ ย้ำไม่มีอะไรเป็นแค่อาจารย์ในหลักสูตร
ผีจืด เจ๊าค้อนในถิ่นบอลพรีเมียร์ลีก
อนุทิน ชี้วันนี้วันดี พระให้พรมีความสุขความเจริญ ปัดไม่มีแผนเที่ยวช่วงปีใหม่
พีระพันธุ์ ทุบโต๊ะ ค่าไฟต้องเหลือหน่วยละ 3.71 บาท ดึงเงิน ชอร์ตฟอลจาก ปตท ชดเชยประชาชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี