ในช่วงที่ประชาชนได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภาคการเงินการธนาคารได้ออกมาตรการหลายอย่าง เพิ่มทางเลือกในการบรรเทาผลกระทบแก่ประชาชน
หลายเรื่อง ทำให้ชาวบ้านพอได้หายใจหายคิดไปบ้าง
บางเรื่อง ชาวบ้านที่เคยรู้เคยเข้าใจ ก็ได้เกิดความรู้ความเข้าใจ ตามที่ธนาคารแห่งระเทศไทยได้ออกมาชี้แจงแถลงไข
โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับ “การคิดอัตราดอกเบี้ย” ซึ่งถือเป็นต้นทุนทางการเงินตัวสำคัญของประชาชน (อีกด้าน คือ รายได้ของสถาบันการเงินที่ต้องเลี้ยงดูพนักงานหลายแสนคน)
ยกตัวอย่าง เรื่องที่พึงเรียนรู้ทำความเข้าใจ
1. การคิดดอกเบี้ยผิดชำระใหม่ เป็นธรรมกับประชาชน
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับเกณฑ์การคิดดอกเบี้ยผิดชำระใหม่ นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา
การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่ ใช้วิธีคิดบนฐานของเงินต้นของค่างวดที่ผิดนัดชำระจริง
จากเดิมคิดจากเงินต้นคงค้างทั้งหมด
การปรับปรุงในครั้งนี้ เป็นธรรมมากขึ้น และช่วยลดภาระของประชาชน
สถาบันการเงินได้เริ่มใช้แบบใหม่นี้แล้ว ประชาชนจะได้รับสิทธิจากการปรับปรุงในครั้งนี้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องไปขอแก้ไขสัญญา
เว็บไซต์แบงก์ชาติ อธิบายว่า
“เดิมนั้น การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จะคิดบนฐานของ “เงินต้นคงค้างทั้งหมด”
สมมุติว่า เรากู้ซื้อบ้าน 20 ปี 240 งวด ช่วง 2 ปีแรก ผ่อนชำระดีมาโดยตลอด งวดที่ 25 มีปัญหาผ่อนชำระไม่ได้ สถาบันการเงินจะคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้บนฐานของเงินต้นคงค้างทั้งหมด หรือเงินต้นในค่างวดที่ 25 ถึงงวดที่ 240
ในขณะที่การคำนวณที่ปรับปรุงใหม่ จะให้คิดบนฐานของ “เงินต้นในค่างวดที่มีการผิดนัดชำระจริง” เท่านั้น โดยจะไม่รวมเงินต้นในค่างวดตามสัญญาในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
พูดง่ายๆ คือ การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่จะคิดบนฐานของเงินต้นในงวดที่ 25 เท่านั้น โดยจะไม่รวมเงินต้นในงวดที่ 26-งวดที่ 240
หลักคิดสำคัญในเรื่องนี้ คือ การกำหนดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ต้องคำนึงถึงความเสียหายจริงที่เกิดขึ้นกับเจ้าหนี้ (credit risk) และความสามารถในการจ่ายของลูกหนี้ไปด้วยกัน ถ้าสูงเกินไปอาจเป็นต้นตอที่ทำให้ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ได้
(affordability risk)”
ในการนี้ ลูกหนี้ที่ผิดนัดก่อน 1 พ.ค. 2563 สถาบันการเงินสามารถนำหลักการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดแบบใหม่มาใช้ประกอบการพิจารณายกเว้น หรือผ่อนปรนดอกเบี้ยปรับผิดนัดชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ได้ตามสมควร
2. ทางเลือกสำหรับลูกหนี้ พักหนี้ดีมั้ย ดีแค่ไหน เลือกอย่างไร?
สถาบันการเงินทุกแห่ง ออกมาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้ เพื่อช่วยเหลือและลดภาระให้ประชาชนและธุรกิจในหลายรูปแบบ เช่น พักชำระเงินต้น หรือเลื่อนกำหนดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
แบงก์ชาติ ได้เข้าใจถึงผลลัพธ์ของแต่ละทางเลือก ดังนี้
“กรณีแรก ผ่อนชำระตามปกติ
สมมุติว่า หากคุณเป็นหนี้บ้าน 1,000,000 บาท และมีงวดชำระหนี้จากการกู้ซื้อบ้านเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งประกอบด้วย เงินต้น 4,000 บาท และดอกเบี้ย 6,000 บาท เรายังจ่ายชำระหนี้ตามปกติ เดือนละ 10,000 บาท เหมือนเดิม ก็จะช่วยลดเงินต้น ผ่านไป 6 เดือน ยอดหนี้ก็จะเหลือเพียง 976,000 บาท
กรณีที่สอง พักชำระเงินต้น คือ สถาบันการเงินผ่อนปรนให้เรายังไม่ต้องชำระคืนเงินต้นตามเวลาที่กำหนดไว้
จากตัวอย่างเดิม สมมุติเราเลือกพักชำระเงินต้น 6 เดือน จากปกติจ่ายเดือนละ 10,000 บาท จะเหลือจ่ายแค่ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท และเนื่องจากเราจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ทำให้ยอดหนี้ไม่เพิ่มขึ้น ยังมีหนี้เหลือ 1,000,000 บาทเท่าเดิม
ข้อดีของวิธีนี้ คือ แม้ว่าคุณไม่สามารถจ่ายค่างวดได้ครบในช่วง 6 เดือนนี้ ธนาคารจะไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ ประวัติการผ่อนจ่ายชำระหนี้จะไม่เสีย และในช่วง 6 เดือน ที่อาจจะยังมีความไม่แน่นอนว่าปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะจบลงเมื่อใด คุณจะมีเงินเหลือ 4,000 บาท เพิ่มเติมในแต่ละเดือน จากที่ยังไม่ต้องชำระคืนธนาคาร ไว้ใช้สำหรับดำรงชีพเพิ่มเติม
กรณีที่สาม เลื่อนกำหนดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย คือ ไม่ต้องจ่ายทั้งส่วนเงินต้นและดอกเบี้ยให้ธนาคารในช่วงที่ผ่อนปรน
จากตัวอย่างเดิม จากที่คุณต้องจ่าย 10,000 บาท ก็ไม่ต้องจ่ายธนาคารเลย เพราะธนาคารผ่อนปรนให้คุณ “ยังไม่ต้องชำระคืนค่างวด” ทั้งส่วนที่ชำระคืนเงินต้นและส่วนของดอกเบี้ย แต่ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท ที่ไม่ได้จ่าย
ตลอด 6 เดือน ยังคงเดินอยู่ เป็นดอกเบี้ยที่เดินอยู่ระหว่างการชะลอการชำระหนี้ ซึ่งธนาคารจะคิดดอกเบี้ยได้เฉพาะจากเงินต้นที่เหลืออยู่ ไม่สามารถคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยได้
ผู้กู้สามารถตกลงกับธนาคารว่าจะเลือก (1) จ่ายในงวดสุดท้ายคราวเดียวได้หรือ (2) กระจายจ่ายในแต่ละงวดเท่าๆ กัน หรือ (3) ยืดจำนวนงวดชำระหนี้ออกไปเท่ากับช่วงของการชะลอการชำระหนี้ ก็ได้
ข้อดีของวิธีนี้ คือ แม้คุณจะไม่สามารถจ่ายค่างวดได้เลย ธนาคารก็จะไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ และประวัติการผ่อนชำระของคุณในฐานข้อมูลเครดิตบูโรจะไม่เสีย นอกจากนี้ ข้อดีอีกประการ คือ ในช่วง 6 เดือนนี้ ที่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน ไม่รู้ว่ารายได้จะดีเหมือนเดิมหรือไม่ ทุกเดือนคุณจะมีเงินสดที่เหลือจากการไม่ต้องชำระค่างวด 10,000 บาท ไว้เป็นสภาพคล่องใช้สำหรับดำรงชีพ
อย่างไรก็ดี การที่ธนาคารผ่อนปรนให้ยังไม่ต้องชำระคืนค่างวด เป็นเพียงการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ออกไป ดังนั้น ภาระหนี้ท่านยังเหลืออยู่และในช่วงผ่อนปรนนี้ ดอกเบี้ยก็ยังคงเดินอยู่
โดยสรุปแล้ว มาตรการผ่อนปรนให้สามารถเลื่อนหรือพักชำระหนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด19 ธนาคารผ่อนปรนให้ประชาชนที่ไม่สามารถชำระงวดได้เต็มตามสัญญา ยังไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้รวมทั้ง จะช่วยให้ประวัติการผ่อนชำระของท่านในฐานข้อมูลเครดิตไม่เสีย นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่อนปรนประชาชนจะมีสภาพคล่องไว้สำหรับใช้จ่ายเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี การผ่อนปรน คือ การเลื่อนกำหนดชำระหนี้ออกไป ภาระหนี้ยังอยู่และในช่วงที่ผ่อนปรนดอกเบี้ยยังเดินอยู่
ทั้งนี้ แต่ละท่านอาจได้รับผลกระทบแตกต่างกัน ท่านสามารถเลือกวิธีผ่อนชำระที่เหมาะสมกับรายได้และกระเป๋าสตางค์ของท่าน...”
3. การคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย
แบงก์ชาติยืนยันว่า การคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยทำไม่ได้ ผิดกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การคิดดอกเบี้ยต้องเป็นการคิดอ้างอิงจากเงินต้นคงเหลือ ไม่สามารถนำดอกเบี้ยเงินกู้ที่ค้างจ่ายระหว่างการพักหนี้มารวมกับเงินต้นคงเหลือแล้วนำยอดนี้ไปคิดดอกเบี้ยใหม่ได้
“เลื่อนการชำระหนี้ คือการชะลอการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยออกไปก่อน
แต่ระหว่างนี้ดอกเบี้ยยังคงเดินอยู่ และเมื่อครบกำหนดแล้ว เงินต้นยังเท่าเดิมแต่ดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ผู้กู้สามารถทยอยจ่ายทีหลังได้ตามแต่จะตกลงกับแบงก์
ทั้งนี้ แบงก์ไม่สามารถคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยได้ แบงก์ชาติห้ามทำ และผิดกฎหมายด้วย”
4. วิกฤติโควิด-19 ทำให้เราต้องทำความเข้าใจกับเรื่องรายละเอียดเรื่องเงินๆ ทองๆ และ “ดอกเบี้ย” ที่เราหลายคนอาจไม่ทันได้คิดใส่ใจมาก่อน
ถือเป็น New Normal วิถีชีวิตยุคใหม่ ที่เราควรทำต่อไป แม้หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี